A review identified four studies of

A review identified four studies of memory loss at least six months post-ECT (n = 597), with a frequency range of 51% to 79%, and a weighted average of 70% (Rose et al., 2003). Four studies (n = 703) found a range for “persistent or permanent memory loss” of 29% to 55%, with a weighted average of 38%. The New Zealand Government report concluded that “ECT may permanently affect memory” (Ministry of Health, 2004) and bemoaned the “slowness in acceptance by some professional groups that such outcomes are real and significant in people’s lives”.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รีวิวระบุการศึกษาสี่ของสูญเสียความจำอย่างน้อยหกเดือนโพสต์ ECT (n = 597), ความถี่ของ 51-79% และน้ำหนักเฉลี่ย 70% (กุหลาบ et al. 2003) การศึกษา 4 (n = 703) พบช่วงสำหรับ "หน่วยความจำถาวร หรือถาวรขาดทุน" ของ 29-55% มีน้ำหนักเฉลี่ยของ 38% รัฐบาลนิวซีแลนด์รายงานสรุปว่า "ECT อาจถาวรมีผลกับหน่วยความจำ" (กระทรวงสาธารณสุข 2004) และ bemoaned "ความช้าในการยอมรับจากกลุ่มอาชีพว่า ผลดังกล่าวเป็นจริง และสำคัญในชีวิตของผู้คน"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทบทวนระบุสี่การศึกษาของการสูญเสียหน่วยความจำอย่างน้อยหกเดือนหลัง ECT (n = 597) มีช่วงความถี่ของ 51% ถึง 79% และค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 70% (โรส et al., 2003) สี่การศึกษา (n = 703) พบช่วงสำหรับ "ถาวรหรือถาวรสูญเสียความจำ" 29% ถึง 55% โดยมีค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 38% รายงานรัฐบาลนิวซีแลนด์สรุปว่า "ECT ถาวรอาจส่งผลกระทบต่อหน่วยความจำ" (กระทรวงสาธารณสุข, 2004) และคร่ำครวญ "ความช้าในการได้รับการยอมรับจากกลุ่มมืออาชีพบางอย่างที่ผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นจริงและที่สำคัญในชีวิตของผู้คน"

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความคิดเห็นที่ระบุการศึกษาสี่หน่วยความจำการสูญเสียอย่างน้อยหกเดือนหลัง ect ( n = 597 ) มีช่วงความถี่ร้อยละ 51 ถึงร้อยละ 79 และน้ำหนักเฉลี่ย 70 % ( กุหลาบ et al . , 2003 ) การศึกษา ( n = 703 ) พบว่าในช่วง " แบบถาวร หรือแบบถาวร การสูญเสียความจำ " 29 % ถึง 55 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำหนักเฉลี่ย 38 % รัฐบาลนิวซีแลนด์รายงานสรุปว่า " ect อาจมีผลต่อหน่วยความจำถาวร " ( กระทรวงสาธารณสุข , 2547 ) และ bemoaned " ความช้าในการยอมรับโดยบางกลุ่มวิชาชีพที่ผลดังกล่าวจริง และที่สำคัญในชีวิตของผู้คน