Previous experiments have proved th

Previous experiments have proved that thermodynamically unstable calcium carbonate vaterite can exist for long periods in the yolk sac of a pigeon embryo. The aim of this article was to demonstrate the effect of in vitro mineralization of yolk sac fluid on calcium carbonate by direct precipitation. Experiments were conducted using pigeon yolk sac fluid and using lecithin extracted from pigeon yolk sac fluid as a control to investigate the regulating effects of the organic components in the embryo on the formation of the calcium carbonate precipitate. Multiple characterization methods were employed to study the various morphological patterns, sizes, crystal growth, and crystal phase transformations of the calcium carbonate precipitates as regulated by the yolk sac fluid extracted at different stages of incubation. The experimental results demonstrate that as the incubation proceeds towards the later stages, the composition and environmental features of the yolk sac fluid become more favorable for the formation of relatively unstable calcium carbonate phases with high energies of the vaterite state. The experiments conducted with extracted lecithin as the template for crystal growth yielded similar results. A large amount of organic molecules with polar functional groups carried by the yolk sac fluid have strong effects and can both initially induce the crystallization and regulate the aggregation of calcium carbonate. Furthermore, this regulation process is found to be closely related to the lecithin contained in yolk sac fluid. These observations confirm the changes in yolk sac fluid composition during incubation have significant effects on the production of vaterite, which implicates the calcium transport during embryo growth.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ก่อนหน้านี้ทดลองได้พิสูจน์ vaterite thermodynamically เสถียรแคลเซียมคาร์บอเนตที่สามารถอยู่นานใน sac แดงอ่อนนกพิราบ จุดมุ่งหมายของบทความนี้ได้แสดงให้ เห็นถึงผลของ mineralization ของเหลวแดง sac ในแคลเซียมคาร์บอเนต โดยฝนโดยตรง ได้ดำเนินการทดลองใช้น้ำมันแดง sac ของนกพิราบ และการใช้เลซิตินที่สกัดจากน้ำมันแดง sac ของนกพิราบเป็นตัวควบคุมการตรวจสอบผลกำกับดูแลส่วนประกอบอินทรีย์ในตัวอ่อนในการก่อตัวของ precipitate แคลเซียมคาร์บอเนต หลายวิธีจำแนกได้ว่าจ้างศึกษาต่าง ๆ ของรูปแบบ ขนาด คริสตัลเติบโต และแปลงระยะคริสตัล precipitates แคลเซียมคาร์บอเนตเป็นควบคุมโดยน้ำแดง sac สกัดในระยะต่าง ๆ ของคณะทันตแพทยศาสตร์ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า เป็นคณะทันตแพทยศาสตร์ที่ดำเนินการขั้นตอนต่อไป ส่วนประกอบ และคุณลักษณะสิ่งแวดล้อมของน้ำแดง sac เป็นอันมากสำหรับการก่อตัวของแคลเซียมคาร์บอเนตที่ค่อนข้างเสถียรระยะด้วยพลังงานสูงของรัฐ vaterite การทดลองที่ดำเนิน ด้วยเลซิตินแยกเป็นแบบสำหรับผลึกเติบโตให้ผลคล้ายผล โมเลกุลอินทรีย์กับกลุ่ม functional ขั้วที่ทำ ด้วยน้ำแดง sac ขนาดใหญ่มีลักษณะแข็งแรง และสามารถเริ่มก่อให้เกิดการตกผลึก และควบคุมรวมของแคลเซียมคาร์บอเนต นอกจากนี้ ขั้นตอนของระเบียบนี้พบใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับเลซิตินที่มีอยู่ในน้ำมันแดง sac ข้อสังเกตเหล่านี้ยืนยันการเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบของเหลวแดง sac ในระหว่างบ่มมีผลสำคัญในการผลิตของ vaterite ซึ่ง implicates การขนส่งแคลเซียมในระหว่างการเจริญเติบโตของตัวอ่อน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การทดลองก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า vaterite แคลเซียมคาร์บอเนตเสถียร thermodynamically สามารถอยู่ได้เป็นเวลานานในถุงไข่แดงของตัวอ่อนนกพิราบที่ จุดประสงค์ของบทความนี้คือการแสดงให้เห็นถึงผลกระทบของแร่ในหลอดทดลองของของเหลวในถุงไข่แดงแคลเ​​ซียมคาร์บอเนตโดยการตกตะกอนโดยตรง การทดลองดำเนินการโดยใช้ของเหลวถุงไข่แดงนกพิราบและการใช้เลซิตินที่สกัดจากของเหลวถุงไข่แดงนกพิราบเป็นตัวควบคุมการตรวจสอบการควบคุมผลกระทบขององค์ประกอบอินทรีย์ในตัวอ่อนในการก่อตัวของตะกอนแคลเซียมคาร์บอเนต วิธีการหลายตัวละครที่ถูกว่าจ้างเพื่อศึกษารูปแบบต่างๆก้านขนาดการเจริญเติบโตของคริสตัล, และการเปลี่ยนแปลงเฟสผลึกของแคลเ​​ซียมคาร์บอเนตตกตะกอนเป็นควบคุมโดยของเหลวถุงไข่แดงที่สกัดในแต่ละขั้นตอนของการบ่ม ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าเป็นเงินที่ได้บ่มต่อขั้นตอนต่อมาองค์ประกอบและคุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อมของของเหลวถุงไข่แดงกลายเป็นดีขึ้นสำหรับการก่อตัวของแคลเ​​ซียมที่ไม่แน่นอนค่อนข้างขั้นตอนคาร์บอเนตที่มีพลังงานสูงของรัฐ vaterite การทดลองดำเนินการกับเลซิตินที่สกัดเป็นแม่แบบสำหรับการเจริญเติบโตคริสตัลผลลัพธ์ที่คล้ายกัน จำนวนมากของโมเลกุลของสารอินทรีย์ที่มีการทำงานเป็นกลุ่มขั้วที่ดำเนินการโดยของเหลวถุงไข่แดงมีผลกระทบที่แข็งแกร่งและทั้งสองครั้งแรกสามารถทำให้เกิดการตกผลึกและควบคุมการรวมตัวของแคลเ​​ซียมคาร์บอเนต นอกจากนี้กระบวนการระเบียบนี้พบว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับเลซิตินที่มีอยู่ในของเหลวถุงไข่แดง ข้อสังเกตเหล่านี้ยืนยันการเปลี่ยนแปลงในถุงไข่แดงองค์ประกอบของเหลวในระหว่างการบ่มผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญมีในการผลิตของ vaterite ซึ่ง implicates ขนส่งแคลเ​​ซียมการเจริญเติบโตของตัวอ่อนในช่วง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การทดลองที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า thermodynamically เสถียร แคลเซียม คาร์บอเนต วาเทอร์ไรต์สามารถอยู่ได้นานในถุงไข่แดงของนกพิราบตัวอ่อน . จุดประสงค์ของบทความนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลของการปลดปล่อยธาตุอาหารของของเหลวในถุงไข่แดง แคลเซียม คาร์บอเนต โดยการตกตะกอนโดยตรงการทดลองใช้นกพิราบถุงไข่แดงเหลวและการใช้เลซิทินที่สกัดจากนกพิราบถุงไข่แดงของเหลวเป็นตัวควบคุมเพื่อศึกษาเกี่ยวกับผลของอินทรีย์ส่วนประกอบในตัวอ่อนในการก่อตัวของ แคลเซียม คาร์บอเนต ตะกอน วิธีการที่ใช้ศึกษาเป็นลักษณะหลายๆรูปแบบต่างๆ , ขนาด , การเจริญเติบโตคริสตัลและคริสตัล ขั้นตอนการแปลงของ แคลเซียม คาร์บอเนต ตะกอนที่ควบคุมโดยถุงไข่แดงเหลวสกัดในแต่ละขั้นตอนของการบ่ม ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า เป็นการบ่มเพาะเงินต่อขั้นตอนต่อไปองค์ประกอบและคุณลักษณะด้านสิ่งแวดล้อมของถุงไข่แดงของเหลวเป็นมงคลยิ่งสำหรับการก่อตัวของระยะแคลเซียมคาร์บอเนตสูงค่อนข้างเสถียรด้วยพลังของวาเทอร์ไรต์รัฐ การทดลองด้วยสารสกัดเลซิตินเป็นแม่แบบสำหรับการเติบโตของผลึกที่มีผลที่คล้ายกันเป็นจำนวนมากของโมเลกุลอินทรีย์ที่มีขั้วหมู่ฟังก์ชันโดยนำถุงไข่แดงของของเหลวมีลักษณะแข็งแรงและสามารถทำให้ทั้งสองเริ่มตกผลึกและควบคุมรวมของแคลเซียมคาร์บอเนต นอกจากนี้ กระบวนการระเบียบนี้จะพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับปริมาณที่มีอยู่ในถุงไข่แดงของของไหลข้อสังเกตเหล่านี้ยืนยันการเปลี่ยนแปลงในถุงไข่แดงเหลวองค์ประกอบในระหว่างการบ่มมีความสัมพันธ์กับการผลิตของวาเทอร์ไรต์ ซึ่งเกี่ยวพันกับการขนส่งแคลเซียมในช่วงการเจริญเติบโตของตัวอ่อน .