การบริหารยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการของจังหวัดสมุทรปราการ
Management integrated tourism strategy of Samut Prakan province.
ภัสราภรณ์ เกตุงาม
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ จึงมุ่งเน้นศึกษาปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานการบริหารยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการของจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อนำผลของการศึกษามาใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการกระบวนการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาค เอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การดำเนินงานด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรปราการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรปราการไปสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการของจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคของการบริหารยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการของจังหวัดสมุทรปราการ และเพื่อศึกษาแนวทางการบริหารยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการของจังหวัดสมุทรปราการ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงผสม โดยนำการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ มาใช้ร่วมกัน
สรุปผลการศึกษาวิจัย
ผู้ตอบแบบสอบถามการวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีอายุระหว่าง 25–34 ปี และส่วนใหญ่มีสถานภาพโสด มีระดับการศึกษาในระดับปริญญาตรี อาชีพหลักส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน และมีรายได้อยู่ระหว่าง 10,001–20,000 บาท นอกจากนี้ยังพบว่าประชากรซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรปราการ มีความคิดเห็นโดยภาพรวม เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าด้านการตลาดการท่องเที่ยวเป็นด้านที่นักท่องเที่ยวตอบมาก รองลงมาเป็นด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางการท่องเที่ยว ด้านความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและบริการด้านการท่องเที่ยว
ผู้ตอบแบบสอบถามการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่า การบริหารยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวมีความสอดคล้องกับแนวคิดเน้นการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัติตามตัวแบบด้านการจัดการ ทั้งนี้เพราะตัวแบบนี้ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องฃเป้าหมายของนโยบายและการวางแผนควบคุมหน่วยปฏิบัติและยังให้ความสำคัญแก่สมรรถนะขององค์กรความสำเร็จของการนำนโยบายไปปฏิบัติ ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่รับผิดชอบว่ามีขีดความสามารถที่จะปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และการบริหารยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการมีความสอดคล้องกับแนวคิดการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัติตามตัวแบบด้านการจัดการ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเป้าหมายของนโยบายและการวางแผนควบคุมหน่วยปฏิบัติแต่จะให้ความสำคัญแก่สมรรถนะขององค์กร โดยมีสมมุติฐานว่าความสำเร็จของการนำนโยบายไปปฏิบัติ ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่รับผิดชอบว่ามีขีดความสามารถที่จะปฏิบัติงานได้สอดคล้องกับความคาดหวังซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 5 ประการคือ (1) มีโครงสร้างหน้าที่อย่างเหมาะสม (2) บุคลากรมีความรู้ความสามารถทั้งด้านบริหารและเทคนิค (3) ต้องมีการสนับสนุนด้านงบประมาณอย่างเพียงพอ (4) ต้องมีเครื่องมือ เครื่องใช้ และวัสดุอุปกรณ์อย่างเหมาะสม และ (5) ต้องมีสถานที่ดำเนินการอย่างเหมาะสม
ข้อเสนอแนะ
1. การบริหารยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวจะต้องศึกษาถึงความพร้อมด้านบุคลากรและด้านงบประมาณทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนให้ละเอียด เพื่อนำผลการศึกษามาจัดทำยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการให้เกิดประสิทธิภาพ
2. การจัดทำยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการต้องให้ความสำคัญในแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ทั้งแผนระยะสั้น และแผนระยะยาว เพื่อให้มีการพัฒนาการท่องเที่ยวระดับกลุ่มยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง เช่น แผนการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จ
3. ต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการการท่องเที่ยวระดับจังหวัด เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการ
4. ต้องเร่งรัดในการพัฒนาบุคลากรและสมรรถนะองค์กรภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพมากที่สุดสำหรับการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการจัดหาผู้รับผิดชอบที่เป็นเจ้าภาพหลักในการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัด ที่นอกเหนือจากสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการตลาดการท่องเที่ยวของจังหวัด
5. การพัฒนาการท่องเที่ยวจำเป็นต้องร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกระดับอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ ระดับองค์กรปกครองส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์กรปกครองส่วนตำบล เพื่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญให้มีจุดเด่นในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีศักยภาพทั้งด้านงบประมาณ ด้านบุคลากร และด้านอื่นๆ มากเพียงพอ ที่จะทำให้การพัฒนาการท่องเที่ยวสามารถประสบความสำเร็จได้
6. การพัฒนาการท่องเที่ยวต้องมีการแบ่งระดับของแหล่งท่องเที่ยวตามศักยภาพในการพัฒนาให้ชัดเจน ทั้งนี้เพื่อที่จะสามารถจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นลำดับแรก