บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินพื้นที่เสี่ยงและความเปราะบางการใช้สารเคมีในการทำเกษตรกรรมของเกษตรกรในตำบลนาทุ่ง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ช่วงเวลาในการเก็บข้อมูลระหว่างเดือน มีนาคม 2559 – ตุลาคม 2559 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เกษตรกรในตำบลนาทุ่ง ทั้งหมด 8 หมู่บ้าน จำนวน 376 คน โดยเครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเอง ซึ่งทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนามาใช้ในการทำวิจัย ได้แก่ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นประเภท การทำนา
การทำไร่ ซึ่งแหล่งการผลิตทางการเกษตรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ระดับปานกลางนอกจากนี้การทำการเกษตรของเกษตรกรใช้สารเคมีจำนวนมาก อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 74.5 การใช้สารเคมีในการทำการเกษตรของเกษตรกรส่งผลต่อแหล่งน้ำหรือสิ่งแวดล้อม อยู่ในระดับน้อย คิดเป็นร้อยละ 43.1 การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นสารเคมีที่ต้องสัมผัสเป็นประจำร่างกายเกิดความเคยชินจึงไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 45.5 การประเมินพื้นที่เสี่ยงและความเปราะบางการใช้สารเคมีในการทำเกษตรกรรมของเกษตรกรป่วยหรือมีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจมากขึ้น เช่น ภูมิแพ้ หวัด ไอ ระคายเคืองจมูก คอ หรือหายใจขัด แสบคอ คอแห้ง อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 35.9 ผลกระทบด้านสารเคมีทำให้เกิดการสูญเสียระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ อยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 53.5 ผลกระทบด้านสารเคมีที่ถูกสะสมในร่างกายจากการสูดดมหรือจากการบริโภคอาหารก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง พันธุกรรมบกพร่อง อยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 50 การประเมินพื้นที่เสี่ยงและความเปราะบางการใช้สารเคมีในการทำเกษตรกรรมของเกษตรกรในภาพรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง มีค่าเฉลี่ยที่ 3.40
การใช้สารเคมีในการทำเกษตรของเกษตรกรอยู่ในระดับปานกลาง แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรให้ความสำคัญกับการลดการใช้สารเคมีแม้บางพื้นที่ทางการเกษตรของเกษตรกรมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมีในการทำการเกษตรอยู่มากซึ่งเกษตรกรมีความจำเป็นที่ต้องใช้สารเคมีในการทำการเกษตรทำให้พื้นที่ทำการเกษตรเป็นพื้นที่ ที่มีการสะสมของสารเคมี