DES has several known weaknesses in

DES has several known weaknesses including complements and semi-weak keys. Notice
that two messages m and m are called complements if m ⊕ m = 11 . . . 1. The weakness
related to complements shows that if a message m is encrypted with a particular key k, the
complement of the resulting ciphertext will be the encryption of the complementmusing the
complement key k. Semi-key weaknesses mean that there are specific pairs of keys having
identical decryption, implying that two keys decrypt the messages encrypted by the other
key. Other common symmetric algorithms likely to be used (and therefore replace DES) in
the computer industry are triple DES, and the advanced encryption standard (AES). Triple
DES is a variant of DES that decreases the risk from brute force attack by using longer keys.
This gives an effective key length of roughly 168-bit. AES serves as an eventual successor to
DES, as selected by NIST. The latter has conducted a selection process involving 13 secret
key algorithms. AES is based on a powerful substitution-linear transformation network with
10, 12, or 14 rounds, depending on the key size and with variable block sizes of up to 256
bits (NIST, 2001).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

DES มีอ่อนรู้จักหลายที่รวมทั้งเติมเต็มและกึ่งอ่อนแป้น แจ้งให้ทราบที่สองข้อความ m และ m เรียกว่าเติมเต็มถ้า m ดังนั้น m = 11 ... 1.จุดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับเติมเต็มแสดงที่ถ้า m ข้อความถูกเข้ารหัสลับ ด้วยคีย์ k เฉพาะ การความไว้ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นการเข้ารหัสแบบ complementmusingเสริมคุณคีย์คีย์กึ่งอ่อนหมายความ ว่า มีเฉพาะคู่ของคีย์ที่มีถอดรหัสเหมือนกัน หน้าที่ที่สองคีย์ถอดรหัสข้อความที่เข้ารหัสลับ ด้วยกันคีย์ อื่น ๆ ทั่วไปสมมาตรอัลกอริทึมจะใช้ (และดังนั้น แทน DES) ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์มี DES สาม และการเข้ารหัสขั้นสูงมาตรฐาน (AES) ห้องทริปเปิลDES เป็นตัวแปรของ DES ที่ลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีแรงเดรัจฉานโดยคีย์อีกต่อไปซึ่งทำให้ความยาวของคีย์มีประสิทธิภาพของประมาณ 168 บิต AES เหมือนการสืบสุดDES เป็นเลือกโดย NIST หลังได้ดำเนินการเลือกกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับความลับที่ 13อัลกอริทึมคีย์ AES อยู่บนเครือข่ายมีประสิทธิภาพการแปลงเชิงเส้นแทน10, 12 หรือ 14 รอบ ขนาดของคีย์ และ ด้วยขนาดบล็อกตัวแปรถึง 256บิต (NIST, 2001)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

DES มีจุดอ่อนที่รู้จักกันหลายคนรวมทั้งเติมเต็มและปุ่มกึ่งอ่อนแอ ขอให้สังเกต
ว่าทั้งสองข้อความเมตรและเมตรจะเรียกว่าเติมเต็มถ้าม⊕เมตร = 11 . . 1 จุดอ่อน
ที่เกี่ยวข้องกับการเติมเต็มแสดงให้เห็นว่าถ้าข้อความเมตรถูกเข้ารหัสด้วย k ที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ส่วนประกอบของ ciphertext ผลจะเข้ารหัส complementmusing
k สำคัญสมบูรณ์ จุดอ่อนกึ่งสำคัญหมายความว่ามีคู่ที่เฉพาะเจาะจงของคีย์ต้องมี
การถอดรหัสเหมือนกันหมายความว่าสองคีย์ถอดรหัสข้อความที่เข้ารหัสโดยอื่น ๆ
ที่สำคัญ อัลกอริทึมอื่น ๆ สมมาตรทั่วไปมีแนวโน้มที่จะถูกนำมาใช้ (และดังนั้นจึงเปลี่ยน DES) ใน
อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เป็นสาม DES และมาตรฐานการเข้ารหัสขั้นสูง (AES) Triple
DES เป็นตัวแปรของ DES ที่ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแรงเดรัจฉานโดยใช้ปุ่มลูกอีกต่อไป
นี้จะช่วยให้มีความยาวที่สำคัญที่มีประสิทธิภาพของประมาณ 168 บิต AES ทำหน้าที่เป็นตัวตายตัวแทนในที่สุด
DES ที่เลือกโดย NIST หลังได้ดำเนินการขั้นตอนการคัดเลือกที่เกี่ยวข้องกับ 13 ความลับ
ขั้นตอนวิธีการที่สำคัญ AES จะขึ้นอยู่กับการทดแทนเชิงเส้นเครือข่ายการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพด้วย
10, 12, หรือ 14 รอบขึ้นอยู่กับขนาดที่สำคัญและที่มีขนาดบล็อกของตัวแปรได้ถึง 256
บิต (NIST, 2001)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เดสมีหลายรู้จักจุดอ่อน รวมทั้งเสริม และกึ่งคีย์อ่อนแอ สังเกตว่าข้อความ M และ m
2 จะเรียกว่าเสริม ถ้า M ⊕ M = 11 . . . . . . . 1 . จุดอ่อน
เกี่ยวข้องกับเสริม แสดงว่า ถ้าข้อความจะถูกเข้ารหัสด้วยคีย์ที่เฉพาะเจาะจง M k ,
เติมเต็มให้แพทจะเข้ารหัสของ complementmusing
กว่าคีย์ Kจุดอ่อนสำคัญกึ่งหมายความว่ามีเฉพาะคู่ของคีย์มี
เหมือนกันถอดรหัสหมายความว่าสองคีย์ถอดรหัสข้อความที่เข้ารหัสด้วยคีย์อื่น ๆ

สมมาตรขั้นตอนวิธีทั่วไปอื่น ๆมีแนวโน้มที่จะใช้ ( และดังนั้นแทนที่เดส ) ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เป็น triple des
และขั้นสูงการเข้ารหัสลับมาตรฐาน ( AES ) สาม
เดส เป็นตัวแปรของเดส ที่ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแรงเดรัจฉานโดยใช้ปุ่มยาว นี้จะช่วยให้ประสิทธิภาพ
คีย์ความยาวประมาณ 168 บิต AES ทำหน้าที่เป็นผู้สืบทอดในที่สุด

เดส ที่เลือกโดย NIST . หลังมีการเลือกกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ 13 ความลับ
กุญแจอัลกอริธึม ระบบจะขึ้นอยู่กับเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพการแปลงเชิงเส้นแทน
10 , 12 หรือ 14 รอบขึ้นอยู่กับขนาดของกุญแจและตัวแปรขนาดของบล็อกถึง 256
บิต ( NIST , 2001 )