Research indicates that fathers in

Research indicates that fathers in the child welfare system provide benefits to children's well-being and positive
development, yet child welfare workers often do not engage fathers in services. Previous studies in Canada and
the United Kingdom have found that child welfare training perpetuates negative perceptions of fathers. The current
study conducted a content analysis of 217 vignettes in the texts used in required classes for students completing
a concentration in child welfare classes in nine schools of social work at the public universities in a
Southern U.S. state. Coding was completed independently by three researchers with an inter-rater reliability of
79%. Findings indicated that despite men being the perpetrator in 51% of vignettes, women were portrayed in
just over half of vignettes (51%) as the sole caregiver responsible for ensuring the child's safety when the
abuse occurred. The data were organized into five themes of how men and women were portrayed in the vignettes:
Men as Threat, Men as No Different than Women, Men as Irrelevant, Men as Absent, and Women as Default
Clients (the first four suggested by Scourfield (2001), and the last by the researchers). Results indicate that
the bias against including fathers in child welfare services reported in other studies seems to start at the beginning
of students' learning about child welfare work, in their required textbooks. Recommendations include
updating child welfare textbooks to better address the role of men and fathers in children's lives, and increasing
professors' and field instructors' awareness of the bias against men and fathers in child welfare.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

งานวิจัยบ่งชี้ว่า บรรพบุรุษในระบบสวัสดิการเด็กมีประโยชน์กับเด็กเป็นบวกพัฒนา ยังเด็กสวัสดิการแรงงานมักจะไม่มีส่วนร่วมบิดาในบริการ การศึกษาก่อนหน้านี้ในประเทศแคนาดา และสหราชอาณาจักรพบว่า การฝึกอบรมสวัสดิการเด็ก perpetuates ลบภาพลักษณ์ของบิดา ปัจจุบันการศึกษาดำเนินการวิเคราะห์เนื้อหาของ vignettes 217 ในข้อความที่ใช้ในคลาสที่จำเป็นสำหรับนักเรียนที่จบความเข้มข้นในเด็กเรียนสวัสดิการใน 9 โรงเรียนงานสังคมในมหาวิทยาลัยในการรัฐสหรัฐอเมริกาใต้ เขียนโค้ดเสร็จอย่างอิสระ โดยสามนักวิจัย มีความน่าเชื่อถือระหว่าง rater ของ79% ผลการวิจัยระบุว่า แม้ผู้ชายติงส 51% ของ vignettes ผู้หญิงมีเซ็กส์มากกว่าครึ่งหนึ่งของ vignettes (51%) เป็นภูมิปัญญาแต่เพียงผู้เดียวรับผิดชอบในการรับประกันความปลอดภัยของเด็กเมื่อการละเมิดเกิดขึ้น ข้อมูลถูกแบ่งออกเป็นห้ารูปแบบของวิธีชายและหญิงมีเซ็กส์แบบ vignettes:ผู้ชายเป็นภัยคุกคาม คนเป็นไม่แตกต่างจากผู้หญิง ผู้ชายเป็นความเกี่ยวข้อง ผู้ชายเป็นขาด และผู้หญิงเป็นค่าเริ่มต้นลูกค้า (แรกสี่แนะนำ Scourfield (2001), และครั้งล่าสุด โดยนักวิจัย) ผลลัพธ์บ่งชี้ว่าความโน้มเอียงต่อต้านรวมถึงบิดาเด็กสวัสดิการบริการรายงานในการศึกษาอื่น ๆ น่าจะ เริ่มต้นการเรียนรู้ของนักเรียนเกี่ยวกับงานสงเคราะห์เด็ก ในตำราของพวกเขาต้อง มีคำแนะนำปรับปรุงตำราสวัสดิการเด็กไปบทบาทของชายและบิดาในชีวิตเด็กดี และเพิ่มขึ้นความรู้ของอาจารย์และฟิลด์เพ็จของอคติกับชายและบิดาในสวัสดิการเด็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวิจัยพบว่าบรรพบุรุษในระบบสวัสดิการเด็กที่ให้ประโยชน์กับเด็กเป็นอยู่ที่ดีและบวกการพัฒนา แต่คนงานสวัสดิภาพเด็กมักจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการให้บริการบรรพบุรุษ ศึกษาก่อนหน้านี้ในประเทศแคนาดาและสหราชอาณาจักรพบว่าการฝึกอบรมสวัสดิภาพเด็กกัลป์รับรู้เชิงลบของบรรพบุรุษ ปัจจุบันการศึกษาดำเนินการวิเคราะห์เนื้อหาของ 217 สะเปะสะปะในตำราที่ใช้ในการเรียนที่จำเป็นสำหรับนักเรียนที่จบการเข้มข้นในชั้นเรียนสวัสดิการเด็กในโรงเรียนเก้าของการทำงานทางสังคมที่มหาวิทยาลัยของรัฐในรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐ การเข้ารหัสเสร็จสมบูรณ์อย่างอิสระโดยสามนักวิจัยที่มีความน่าเชื่อถือระหว่างผู้ประเมินของ79% ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าแม้จะมีคนที่เป็นผู้กระทำผิดใน 51% ของสะเปะสะปะผู้หญิงเป็นภาพในเวลาเพียงครึ่งหนึ่งของสะเปะสะปะ(51%) ในขณะที่ผู้ดูแล แต่เพียงผู้เดียวรับผิดชอบเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของเด็กเมื่อการละเมิดเกิดขึ้น ข้อมูลที่ถูกจัดเป็นห้ารูปแบบของวิธีการที่ชายและหญิงที่เป็นภาพในสะเปะสะปะไปนี้: ผู้ชายเป็นภัยคุกคามผู้ชายเป็นไม่แตกต่างจากผู้หญิง, ผู้ชายเป็นที่ไม่เกี่ยวข้องผู้ชายเป็นขาดและหญิงเป็นค่าเริ่มต้นลูกค้า (ครั้งแรกที่สี่แนะนำโดย Scourfield ( 2001) และครั้งสุดท้ายโดยนักวิจัย) ผลการศึกษาพบว่ามีอคติกับบรรพบุรุษรวมทั้งในการให้บริการสวัสดิการเด็กที่มีการรายงานในการศึกษาอื่น ๆ ดูเหมือนว่าจะเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ของนักเรียนเกี่ยวกับการทำงานสวัสดิการเด็กในตำราที่ต้องการของพวกเขา รวมถึงข้อเสนอแนะการปรับปรุงตำราสวัสดิภาพเด็กไปยังที่อยู่ที่ดีขึ้นบทบาทของผู้ชายและบรรพบุรุษในชีวิตของเด็กและเพิ่มอาจารย์และอาจารย์ฟิลด์"การรับรู้ของการมีอคติกับผู้ชายและบรรพบุรุษในสวัสดิภาพเด็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยบ่งชี้ว่า บรรพบุรุษในระบบสวัสดิการเด็กให้ประโยชน์กับเด็ก ความเป็นอยู่และการพัฒนาบวก
ยังเด็กสวัสดิการคนงานมักจะไม่ได้มีส่วนร่วมของบิดาในการบริการ การศึกษาในแคนาดาและ
สหราชอาณาจักรได้พบว่า การรับรู้เชิงลบของสถานสงเคราะห์เด็ก perpetuates บิดา ปัจจุบัน
การศึกษาวิเคราะห์เนื้อหาและพบในข้อความที่ใช้ในชั้นเรียนสำหรับนักศึกษาที่ต้องการจบ
ความเข้มข้นในการเรียนสวัสดิการเด็กในเก้าโรงเรียนของงานสังคมสงเคราะห์ ในมหาวิทยาลัยของรัฐในภาคใต้ของสหรัฐอเมริการัฐ
. รหัสที่สมบูรณ์โดยอิสระสามนักวิจัยกับอินเตอร์ระดับความน่าเชื่อถือของ
79 %ผลการศึกษาพบว่า แม้คนถูกคนร้ายใน 51% ของ vignettes , ผู้หญิงถูก portrayed ใน
เพียงครึ่งหนึ่งของ vignettes ( 51% ) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ แต่เพียงผู้เดียวเพื่อให้มั่นใจความปลอดภัยของเด็กเมื่อ
ละเมิดเกิดขึ้น ข้อมูลจัดแบ่งเป็น 5 รูปแบบของวิธีการที่ชายและหญิงมี portrayed ใน vignettes :
ผู้ชายขู่คนไม่ต่างจากผู้หญิง ผู้ชายที่ไม่เกี่ยวข้องคนขาด และผู้หญิงที่เป็นลูกค้าเริ่มต้น
( สี่ตัวแรกที่แนะนำโดย scourfield ( 2001 ) , และสุดท้าย โดยนักวิจัย ) ผลการวิจัย พบว่า มีอคติกับบรรพบุรุษใน
รวมทั้งการให้บริการสงเคราะห์เด็กรายงานในการศึกษาอื่น ๆดูเหมือนจะเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้น
การเรียนรู้ของนักเรียนในเรื่องงานสวัสดิการเด็กในต้องใช้หนังสือเรียน
แนะนำ ได้แก่การปรับปรุงแบบเรียนสวัสดิการเด็กที่ดีขึ้นอยู่บทบาทของผู้ชายและพ่อในชีวิตของเด็ก และอาจารย์ด้านความตระหนักและเพิ่ม
' อาจารย์ ' ของอคติต่อผู้ชายและบรรพบุรุษในสถานสงเคราะห์เด็ก .