William James Sidis was born in 189

William James Sidis was born in 1898 to Russian immigrants -- intellectual refugees from the pogroms. Sidis's father, Boris, was brilliant, and William James trained him in psychology at Harvard. The boy's mother, Sarah, gave up her own medical ambitions to forge intellectual greatness in their young son.

Young Sidis could read at 18 months. He'd written four books and was fluent in eight languages before he was eight. He gave a Harvard seminar on the fourth dimension at nine. He entered Harvard at eleven. He may've been the most intelligent person who ever lived.

He was the brightest of an amazing group of prodigies at Harvard in 1909. The group included Norbert Wiener, father of cybernetics, and composer Roger Sessions. Wiener, like Sidis, was the driven product of his parents' aim to create a mental giant.

Those awkward children suffered their isolated lives at a university that expected Eastern finishing-school grace of its students. Sidis graduated at 16 and went off to Rice University as a math professor. Rice students ridiculed the childish Sidis for eight months. He finally gave up and went back to Harvard to study law.

Sidis took up the socialist cause and was jailed in 1918 during a communist anti-war rally. It was in jail that he met the only woman he ever loved, an Irish socialist named Martha Foley.

Meanwhile, the media hounded him. Sidis was determined to find privacy. He disavowed his knowledge of mathematics. The only work he'd take was running calculating machines. He poured his energies into his hobby -- collecting streetcar transfers.

And he wrote books -- some under his own name, others under pseudonyms. In 1925 he published a remarkable book on cosmology in which he predicted black holes --14 years before Chandrasekhar did. But primarily he fled his childhood, and he fled his parents.

When he died of a cerebral hemorrhage in 1944, he was still carrying Martha Foley's picture. She'd long since married someone else, but that didn't matter. Sidis could only love with his head. All his life he'd vigorously rejected sex, art, music, or anything else that meant contact with the unwelcoming world outside his mind. His biographer, Amy Wallace, expresses her own anguish over that. She says:

Let us hope that [future gifted] children will grow up in a world that, instead of shunning them as oddities, will welcome and nurture their talents, ... and their vision.

William James Sidis was not the first nor last child wounded by parents trying to create a trophy. Others have lamented the creative productivity we lost when Sidis dropped out of society. What I grieve is all the joy that his well-honed mind should've given him -- all the joy that Sidis was never able to access.

I'm John Lienhard, at the University of Houston, where we're interested in the way inventive minds work.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

William James Sidis เกิดใน 1898 เพื่อผู้ลี้ภัยทางปัญญาจาก pogroms - ผู้อพยพชาวรัสเซีย พ่อของ Sidis บอริส สดใส และ William James ฝึกฝนเขาในจิตวิทยาที่ฮาร์วาร์ด มารดาของเด็กชาย ซาร่าห์ ให้ค่าความทะเยอทะยานของตนเองทางการแพทย์เพื่อความยิ่งใหญ่ทางปัญญาในบุตรสาวของตนจะ หนุ่ม Sidis สามารถอ่านใน 18 เดือน เขาได้เขียนหนังสือเล่มที่สี่ และไม่ชำนาญภาษาแปดก่อนกำลังแปด เขาให้สัมมนาฮาร์วาร์ดในมิติสี่ที่เก้า เขาใส่ฮาร์วาร์ดที่ 43 เขาอาจได้รับบุคคลอัจฉริยะที่สุดผู้ที่เคยอาศัยอยู่ เขาได้สว่างของกลุ่มตื่นตาตื่นใจของ prodigies ที่ฮาร์วาร์ดในปี 1909 กลุ่มรวมนอร์แบร์ท Wiener พ่อ cybernetics และนักประพันธ์รอบ Roger Wiener เช่น Sidis ผลิตภัณฑ์ขับเคลื่อนของจุดมุ่งหมายของพ่อสร้างยักษ์จิตใจได้ เด็ก ๆ เหล่านี้ตกใจประสบชีวิตแยกมหาวิทยาลัยที่คาดว่าเกรซจบโรงเรียนภาคตะวันออกของนักเรียน Sidis จบศึกษาที่ 16 และไปปิดข้าวมหาวิทยาลัยเป็นอาจารย์คณิตศาสตร์ ข้าวเรียนเยาะเย้ย Sidis พูดแบบเด็กแปดเดือน เขาก็ได้ และก็กลับไปเรียนกฎหมายที่ฮาร์วาร์ด Sidis เอาอัพสังคมนิยม และคุกใน 1918 ระหว่างการชุมนุมต่อต้านสงครามคอมมิวนิสต์ มันอยู่ในคุกที่เขาได้พบผู้หญิงเท่านั้นที่เคยรัก สังคมนิยมเป็นไอริชชื่อมาร์ธา Foley ในขณะเดียวกัน สื่อ hounded เขา Sidis ได้กำหนดเพื่อค้นหาความเป็นส่วนตัว เขา disavowed ของเขาความรู้ของคณิตศาสตร์ เฉพาะงานที่เขาจะใช้ไม่ใช้เครื่องคำนวณ เขา poured พลังงานของเขาเป็นงานอดิเรกของเขา - รวบรวมโอน streetcar And he wrote books -- some under his own name, others under pseudonyms. In 1925 he published a remarkable book on cosmology in which he predicted black holes --14 years before Chandrasekhar did. But primarily he fled his childhood, and he fled his parents. When he died of a cerebral hemorrhage in 1944, he was still carrying Martha Foley's picture. She'd long since married someone else, but that didn't matter. Sidis could only love with his head. All his life he'd vigorously rejected sex, art, music, or anything else that meant contact with the unwelcoming world outside his mind. His biographer, Amy Wallace, expresses her own anguish over that. She says: Let us hope that [future gifted] children will grow up in a world that, instead of shunning them as oddities, will welcome and nurture their talents, ... and their vision. William James Sidis was not the first nor last child wounded by parents trying to create a trophy. Others have lamented the creative productivity we lost when Sidis dropped out of society. What I grieve is all the joy that his well-honed mind should've given him -- all the joy that Sidis was never able to access. I'm John Lienhard, at the University of Houston, where we're interested in the way inventive minds work.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิลเลียม เจมส์ sidis เกิดในปี 1898 รัสเซีย -- ปัญญาอพยพผู้ลี้ภัยจากการสังหารหมู่ . sidis พ่อ บอริส เก่งมาก และ วิลเลียม เจมส์ ฝึกเขาในด้านจิตวิทยาที่ฮาร์วาร์ด เด็กชายของแม่ ซาร่า ละทิ้งความทะเยอทะยานของตัวเองแพทย์ปลอมปัญญาความยิ่งใหญ่ในลูกน้อย

ยัง sidis อ่านใน 18 เดือนเขาเขียนหนังสือ 4 เล่ม และพูดได้แปดภาษาก่อนที่เขาอายุ 8 ขวบ เขาให้ฮาร์วาร์ดสัมมนามิติที่สี่ ตอนเก้าโมง เขาป้อน Harvard ที่สิบเอ็ด เขาอาจจะเคยเป็นคนที่ฉลาดมากที่สุดที่เคยมีมา

เขาคือที่สุดของกลุ่มที่น่าตื่นตาตื่นใจของอัจฉริยะที่ฮาร์วาร์ดในปี 1909 . กลุ่ม ได้แก่ นอร์เบิร์ต ไส้กรอกเยอรมัน บิดาของไซเบอร์เนติกส์และนักแต่งเพลงโรเจอร์ครั้ง ไส้กรอก ,ชอบ sidis คือขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ของจุดมุ่งหมายของพ่อแม่ของเขาเพื่อสร้างยักษ์จิต

ที่อึดอัดทรมานของเด็กแยกชีวิตที่มหาวิทยาลัยที่คาดว่าตะวันออกเรียนจบพระคุณของนักศึกษา . sidis จบที่ 16 และออกไปข้าวมหาวิทยาลัยเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ . นักเรียนข้าวเยาะเย้ย sidis เด็กแปดเดือนในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และกลับไปฮาร์วาร์ดศึกษากฎหมาย

sidis รับสังคมนิยมสาเหตุและถูกขังคุกใน 1918 ในช่วงสงครามต่อต้านคอมมิวนิสต์ การชุมนุม มันอยู่ในคุกที่เขาเจอผู้หญิงที่เขาเคยรัก ชาวไอริชสังคมนิยมชื่อ Martha Foley .

สำหรับสื่อที่ไล่ล่าเขา sidis ตั้งใจที่จะค้นหาความเป็นส่วนตัว เขาตัดหางปล่อยวัดแล้วความรู้ทางคณิตศาสตร์งานเดียวที่เขาต้องวิ่งหาเครื่อง เขาเทพลังงานของเขาในงานอดิเรกของเขา -- การเก็บรวบรวมส่งขึ้นรถราง

แล้วเขาเขียนหนังสือ -- ภายใต้ชื่อของเขาเอง คนอื่น ๆภายใต้นามแฝง . 1925 เขาได้ตีพิมพ์หนังสือที่โดดเด่นในจักรวาลที่เขาทำนายว่าหลุมดำ -- 14 ปีก่อนจันทรเศขรทำ แต่ส่วนใหญ่เขาหนีไปในวัยเด็กของเขา และเขาก็หนีพ่อแม่ของเขา

เมื่อเขาเสียชีวิตจากเลือดออกในสมองในปี 1944 เขายังพกรูปของ Martha Foley . เธอยาวตั้งแต่แต่งงานกับคนอื่น แต่นั่นไม่สำคัญ sidis ได้แต่ความรักกับศีรษะของเขา ทุกชีวิตของเขาเขาอย่างแข็งขัน ปฏิเสธเซ็กส์ ศิลปะ ดนตรี หรืออะไรที่ติดต่อกับโลกภายนอก หมายถึง ยินดีต้อนรับความคิดของเขา ชีวประวัติของเขา เอมี่ วอลเลซ แสดงความเจ็บปวดของเธอเองมากกว่านะเธอกล่าวว่า :

หวังว่าในอนาคตที่มีพรสวรรค์ [ เด็ก ] จะเติบโตขึ้นในโลกนั้น แทนที่จะหลบเลี่ยงพวกเขาอย่างแปลกประหลาด จะต้อนรับและดูแลเอาใจใส่ ความสามารถของพวกเขา . . . . . . . และวิสัยทัศน์ของพวกเขา

วิลเลียมเจมส์ sidis ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้รับบาดเจ็บจากผู้ปกครองเด็กที่พยายามสร้างถ้วยรางวัล คนอื่นเสียใจสร้างสรรค์ผลผลิตเราหายไปเมื่อ sidis ออกจากสังคมสิ่งที่ผมเสียใจก็คือความสุขทั้งหมดที่เขาได้ฝึกฝนจิตใจ น่าจะให้เขา . . . ความสุขทั้งหมดที่ sidis ไม่เคยสามารถที่จะเข้าถึง

ผม จอห์น ลินฮาร์ด ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเราสนใจวิธีคิดสร้างสรรค์งาน