Making the questionnaires, the rese

Making the questionnaires, the researchers developed six statements in terms of the relation between safety awareness and wearing helmets of Mae Fah Luang students. Firstly, National Center for Injury Prevention and Control Division of Unintentional Injury Prevention (2010) showed that wearing helmets are the efficient way to reduce the number of people who get injure or die from motorcycle crashes and helmet can save riders from accidents. Thus, the first statement wants to know the opinions of Mae Fah Luang students’ attitude about wearing helmets. Secondly, Finch (1994) presented that parents should support teenagers to wear helmet and achieved them to develop education in terms of awareness of motorcycle safety issue. Hence, parents could increase demand of wearing helmet and be a role model of teenagers. There by, the second statement focused on attitude of the riders on suggestion other people to wear helmets. Thirdly, DHSMV (2012) showed that suitable wearing helmet could reduce head and neck injuries. Thus, this statement would like to know their opinions about willing and paying attention to wear helmet. Fourthly, according to Sann (2009), wearing helmet was related to uncertainty situations. For instance, being hurry will face dangerous incident than riding slowly or riding motorcycles in short distances. As a result, this statement wants to know their behaviors by choosing to wear helmet. Fifthly,according to Jiwattanakulpaisarn (2013), if the policemen strict with the rules and punishes people who break the rules, it could increase the number of people wearing helmets. Therefore, this statement would like to know the participants’ opinion about the rules influence to their helmet uses. Lastly, Moore (2014) showed that there is some relation between price and level of helmet protection. Hence, this last statement focused on the price of the standard quality helmet affect Thai motorcyclists’ purchasing decision

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทำแบบสอบถาม วิจัยการพัฒนางบหกในความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ด้านความปลอดภัยและการสวมใส่ helmets เรียนแม่ฟ้าหลวง ประการแรก ศูนย์แห่งชาติในการป้องกันการบาดเจ็บและควบคุมส่วนของตั้งใจป้องกันการบาดเจ็บ (2010) พบว่า helmets สวมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือตายจากเกิดปัญหารถจักรยานยนต์ และหมวกกันน็อคสามารถบันทึกผู้ขับขี่จากอุบัติเหตุ ดังนั้น ยอดแรกต้องการทราบความคิดเห็นของนักเรียนแม่ฟ้าหลวงทัศนคติเกี่ยวกับ helmets สวม ประการที่สอง เรซิเดนซี่ (1994) แสดงว่าผู้ปกครองควรสนับสนุนวัยรุ่นสวมหมวกกันน็อค และได้รับการพัฒนาศึกษาในแง่ของการสร้างจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัยรถจักรยานยนต์ ดังนั้น ผู้ปกครองสามารถเพิ่มความต้องการของสวมใส่หมวก และเป็นต้นแบบของวัยรุ่น มี โดย ยอดที่สองเน้นทัศนคติของผู้ขับขี่ในข้อเสนอแนะอื่น ๆ คน helmets สวมใส่ ประการ DHSMV (2012) พบหมวกสวมใส่ที่เหมาะสมจะช่วยลดการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอ ดังนั้น นี้ต้องการทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับความสนใจเต็มใจ และชำระเงินสวมใส่หมวกกันน็อค Fourthly ตาม Sann (2009), สวมหมวกกันน็อกเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่แน่นอน ตัวอย่าง การกำลังรีบจะเผชิญกับเหตุการณ์อันตราย กว่าขี่ช้าขี่รถจักรยานยนต์ในระยะสั้นระยะ ดัง คำสั่งนี้ต้องการทราบพฤติกรรมของพวกเขา โดยการเลือกสวมใส่หมวกกันน็อค Fifthly ตาม Jiwattanakulpaisarn (2013), ถ้าตำรวจในพื้นที่เข้มงวดกับกฎ และ punishes คนที่ทำลายกฎ มันสามารถเพิ่มจำนวนของคนที่สวมใส่ helmets ดังนั้น นี้ต้องการทราบความเห็นของผู้เรียนเกี่ยวกับกฎมีอิทธิพลต่อการใช้หมวกกันน็อกของพวกเขา สุดท้ายนี้ มัวร์ (2014) พบว่า มีบางความสัมพันธ์ระหว่างราคาและระดับการป้องกันหมวกกันน็อค ดังนั้น งบล่าสุดนี้เน้นหมวกคุณภาพมาตรฐานราคามีผลกระทบต่อไทยระบบการตัดสินใจซื้อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทำแบบสอบถามนักวิจัยพัฒนาหกงบในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ด้านความปลอดภัยและการสวมใส่หมวกกันน็อกของนักเรียนแม่ฟ้าหลวง ประการแรกศูนย์แห่งชาติเพื่อการป้องกันการบาดเจ็บและการควบคุมกองการป้องกันการบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ (2010) แสดงให้เห็นว่าการสวมใส่หมวกกันน็อกเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดจำนวนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการเกิดปัญหารถจักรยานยนต์และหมวกกันน็อกขับขี่สามารถประหยัดจากการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นคำสั่งแรกต้องการทราบความคิดเห็นของนักเรียนทัศนคติแม่ฟ้าหลวง 'เกี่ยวกับการสวมใส่หมวกกันน็อก ประการที่สองฟินช์ (1994) นำเสนอว่าพ่อแม่ควรสนับสนุนวัยรุ่นใส่หมวกกันน็อคและประสบความสำเร็จพวกเขาในการพัฒนาด้านการศึกษาในแง่ของการรับรู้ของปัญหาความปลอดภัยรถจักรยานยนต์ ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถเพิ่มความต้องการของหมวกกันน็อคสวมใส่และเป็นแบบอย่างที่ดีของวัยรุ่น โดยมีคำสั่งที่สองมุ่งเน้นไปที่ทัศนคติของผู้ขับขี่ในคำแนะนำของคนอื่น ๆ ที่จะสวมใส่หมวกกันน็อก ประการที่สาม DHSMV (2012) แสดงให้เห็นว่าการสวมใส่หมวกกันน็อกที่เหมาะสมสามารถลดการบาดเจ็บที่ศีรษะและลำคอ ดังนั้นคำสั่งนี้ต้องการทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับเต็มใจและให้ความสนใจกับใส่หมวกกันน็อค ประการที่สี่ตาม Sann (2009), หมวกกันน็อกที่สวมใส่ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่แน่นอน ยกตัวอย่างเช่นรีบเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องเผชิญกับอันตรายกว่าขี่ช้าหรือขี่รถจักรยานยนต์ในระยะทางสั้น ๆ เป็นผลให้คำสั่งนี้อยากจะรู้ว่าพฤติกรรมโดยเลือกที่จะสวมใส่หมวกกันน็อก ประการที่ห้าตาม Jiwattanakulpaisarn (2013) ถ้าตำรวจเข้มงวดกับกฎระเบียบและลงโทษคนที่แหกกฎก็จะสามารถเพิ่มจำนวนของคนที่สวมหมวกกันน็อก ดังนั้นคำสั่งนี้ต้องการที่จะทราบความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมเกี่ยวกับกฎระเบียบที่มีผลต่อการใช้หมวกกันน็อกของพวกเขา สุดท้ายมัวร์ (2014) พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างราคาและระดับของการป้องกันหมวกกันน็อก ดังนั้นคำสั่งสุดท้ายนี้มุ่งเน้นไปที่ราคาของหมวกกันน็อกที่มีคุณภาพมาตรฐานส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อรถจักรยานยนต์ไทย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทำแบบสอบถาม นักวิจัยพัฒนา 6 งบในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างความตระหนักความปลอดภัยและสวมหมวกนิรภัย แม่ฟ้าหลวง นักศึกษา ประการแรกศูนย์ป้องกันและควบคุมการบาดเจ็บส่วนของการป้องกันการบาดเจ็บทางแห่งชาติ ( 2553 ) พบว่า การสวมหมวกเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดจำนวนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือตายจากการเกิดปัญหารถจักรยานยนต์และหมวกกันน็อคสามารถช่วยผู้ขับขี่จากอุบัติเหตุ ดังนั้น ข้อความแรก อยากทราบความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับทัศนคติ แม่ฟ้าหลวง ใส่หมวกกันน๊อค ประการที่สองฟินช์ ( 1994 ) ได้เสนอว่า พ่อแม่ควรสนับสนุนวัยรุ่นสวมหมวกนิรภัยและบรรลุพวกเขาในการพัฒนาการศึกษาในแง่ของการรับรู้ของปัญหาความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ ดังนั้น พ่อแม่สามารถเพิ่มความต้องการของการสวมหมวกกันน็อก และเป็นแบบอย่างที่ดีของวัยรุ่น มีงบ 2 , มุ่งเน้นไปที่ทัศนคติของผู้ขับขี่ ตามคำแนะนำคนอื่นสวมหมวก ประการที่สามdhsmv ( 2012 ) พบว่า การสวมหมวกกันน็อคที่เหมาะสมสามารถลดการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอ . ดังนั้น แถลงการณ์นี้ ต้องการทราบความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับยินดีและสนใจที่จะสวมหมวก และตาม Sann ( 2009 ) , ใส่หมวกเกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ เช่น การรีบจะเผชิญเหตุการณ์อันตรายกว่าที่ขี่ช้าๆ หรือขี่ในทางที่สั้นขึ้นเป็นผลให้คำสั่งนี้ต้องการทราบพฤติกรรมของพวกเขาโดยการเลือกสวมหมวก เรื่องที่ตาม jiwattanakulpaisarn ( 2013 ) ถ้าตำรวจเข้มงวดกับกฎและลงโทษผู้ที่ทำผิดกฎ อาจเพิ่มจำนวนคนใส่หมวกกันน๊อค ดังนั้น แถลงการณ์นี้ อยากทราบความเห็นผู้เข้าร่วมเกี่ยวกับกฎอิทธิพลกับหมวกของพวกเขาใช้ ท้ายนี้มัวร์ ( 2014 ) พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างราคาและระดับของการป้องกันที่หมวก ดังนั้น แถลงการณ์ล่าสุดนี้เน้นคุณภาพมาตรฐานราคาของหมวกกันน็อค มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถจักรยานยนต์ไทย