To study people, subject matter, an

To study people, subject matter, and their context
in meaningful ways, Collins (2004) argues, researchers
need to acquire "interactional expertise,"
the kind of knowledge required for one to communicate
about a domain without necessarily being
able to practice in that domain (see also Collins &
Evans, 2007). Researchers who have honed their
interactional expertise know how to relate to specialists
(be they scientists, rowers, or risk analysts)
in ways that engage them in sharing what they
know, its technical content, and what is going on in
the setting. This involvement provides researchers
not only access to, but also an appreciation of,
specialists' views, activities, and interests. Bruns
(2013) provides a nice example of developing interactional
expertise in her work: She studied cancer
biology lab practices for 6 months before starting
her 18-month ethnographic field study of 12
cancer research projects, pointing out that direct
work exposure is important for understanding how
scientists apply specialized knowledge from other
disciplines.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศึกษา เรื่อง และบริบทของตนสปอตไลท์ คอลลินส์ (2004) จน นักวิจัยจำเป็นต้องได้รับ "interactional ชาญชนิดของความรู้ที่จำเป็นสำหรับการสื่อสารเกี่ยวกับโดเมนที่ไม่จำเป็นต้องมีสามารถปฏิบัติในโดเมน (ดูคอลลินส์และอีวานส์ 2007) นักวิจัยที่มีพัฒนาของพวกเขาความเชี่ยวชาญ interactional รู้วิธีเกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญ(ไม่ว่าจะเป็น นักวิทยาศาสตร์ rowers หรือนักวิเคราะห์ความเสี่ยง)วิธี ที่มีส่วนร่วมพวกเขาในสิ่งพวกเขาใช้ร่วมกันรู้ เนื้อหาวิชาการ และสิ่งที่เกิดขึ้นในการตั้งค่า มีส่วนร่วมนี้ช่วยให้นักวิจัยไม่ถึง แต่ยังได้ชื่นชมของผู้เชี่ยวชาญของมุมมอง กิจกรรม ความสนใจ บรันซ์(2013) ให้เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนา interactionalความเชี่ยวชาญในการทำงานของเธอ: เธอศึกษามะเร็งปฏิบัติการห้องปฏิบัติการชีววิทยาสำหรับ 6 เดือนก่อนที่จะเริ่มศึกษา 18 เดือน ethnographic ฟิลด์ของ 12โครงการวิจัยมะเร็ง ชี้ให้เห็นตรงนั้นรับงานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจว่านักวิทยาศาสตร์ใช้ความรู้เฉพาะจากอื่น ๆสาขาวิชา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อศึกษาคนเรื่องและบริบทของพวกเขา
ในรูปแบบที่มีความหมาย, คอลลิน (2004) ระบุว่านักวิจัย
จำเป็นต้องได้รับ "ความเชี่ยวชาญด้านการปฏิสัมพันธ์"
ชนิดของความรู้ที่จำเป็นสำหรับการอย่างใดอย่างหนึ่งในการสื่อสาร
เกี่ยวกับโดเมนโดยไม่จำเป็นต้องเป็น
ความสามารถในการปฏิบัติงานในโดเมนที่ (ดูเพิ่มเติมที่คอลลินและ
อีแวนส์ 2007) นักวิจัยที่มีความเฉียบคมของพวกเขา
เชี่ยวชาญด้านการปฏิสัมพันธ์ที่รู้วิธีที่จะเกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญ
(เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่พวกเขาฝีพายหรือนักวิเคราะห์ความเสี่ยง)
ในรูปแบบที่ดึงดูดพวกเขาในการแบ่งปันสิ่งที่พวกเขา
รู้ว่าเนื้อหาทางเทคนิคของตนและสิ่งที่เกิดขึ้นใน
การตั้งค่า การมีส่วนร่วมนี้จะให้นักวิจัย
ไม่เพียง แต่การเข้าถึง แต่ยังแข็งค่าของ,
มุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ', กิจกรรมและความสนใจ Bruns
(2013) ให้เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาปฏิสัมพันธ์ที่
เชี่ยวชาญในการทำงานของเธอ: เธอเรียนโรคมะเร็ง
การปฏิบัติในห้องปฏิบัติการชีววิทยาเป็นเวลา 6 เดือนก่อนที่จะเริ่ม
18 เดือนของเธอศึกษานอกชาติพันธุ์ของ 12
โครงการวิจัยโรคมะเร็งชี้ให้เห็นว่าโดยตรง
เปิดรับการทำงานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจ วิธีที่
นักวิทยาศาสตร์ใช้ความรู้เฉพาะจากคนอื่น ๆ
สาขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาคน , เรื่อง , และบริบท
ในทางที่มีความหมาย คอลลินส์ ( 2004 ) ระบุ นักวิจัย
ต้องได้รับความเชี่ยวชาญปฏิสัมพันธ์ "
ชนิดของความรู้ที่จำเป็นสำหรับการสื่อสารเกี่ยวกับโดเมนหนึ่ง

ได้โดยไม่จําเป็นต้องมีการฝึกโดเมนนั้น ( เห็น คอลลิน&
อีแวนส์ จำกัด ) นักวิจัยที่ได้ฝึกฝนตน
ความเชี่ยวชาญด้านปฏิสัมพันธ์รู้วิธีที่จะเกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญ
( เป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ ฝีพาย หรือนักวิเคราะห์ความเสี่ยง
ในวิธีการดึงดูดพวกเขาในการแบ่งปันสิ่งที่พวกเขา
รู้ เนื้อหา เทคนิค และสิ่งที่เกิดขึ้นในการตั้งค่า
. การมีส่วนร่วมนี้ช่วยให้นักวิจัย
ไม่เพียง แต่การเข้าถึง แต่ยังชื่นชมของ
ผู้เชี่ยวชาญความคิดเห็น กิจกรรม และความสนใจ บรันส์
( 2013 ) มีตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาปฏิสัมพันธ์
ความเชี่ยวชาญในงาน เธอศึกษามะเร็ง
แลปชีวะ เป็นเวลา 6 เดือน ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติ
เธอ 18 เดือน 12
ชาติพันธุ์ศึกษาภาคสนามโครงการวิจัยมะเร็ง ชี้ว่าตรง
งานแสงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจวิธีการ
นักวิทยาศาสตร์ใช้เฉพาะความรู้จากสาขาอื่น ๆ