We need to go back to what nature i

We need to go back to what nature intended. It is to grow crops and raise animals on land that is enriched with compost and mulches that are well rotted because this is the most paramount of stages in organic farming. The aim is to get as much humus into the land as possible, and this includes manure , compost, seaweed, leaf-mold,spoiled hay, and anything of vegetable or animal origin, including blood and bone, that can go into making a compost heap and compost bin . The keyword here isrecycling . There is the old adage; "Waste not, want not" and never so true in farming organically.
Any left over crops or wood should never be burnt on a property. This is an absolute waste of potential compost, and it is also a pollution contributor. Why burn it when you could use it and it isn't costing you anything? Why burn those vine cuttings and those orchard prunings? Invest in a chipper to reduce the bulk and add these to your compost heap. Organic farming should be about recycling.
What happens to your soil when it is healthy? It is filled with micro-organisms and those beautiful earthworms that delight the heart of those who care and produce wonderful vermicompost. Once you go worm farming and have earthworms in your soil you know that you are doing something right.
Remember too that organic farm methods mean you need to rest your soil and to use crop-rotation effectively. When you have a field at rest plant a cover crop, such as rye grass as a temporary planting in autumn. This protects the soil from wind and water erosion and adds organic matter. You can also grow cover crops such as legumes for soil improvement, called green manure crops, and are often left in place for six months to a year. Legumes are especially efficient because they "fix" nitrogen from the air into the soil.
In England more and more farmers are replanting hedgerows on their farms as they now realize how important they are. Many animals and insects use these hedges as part of their ecosystem, therefore when the hedgerows were removed, these little animals and insects then lost their natural shelters and an imbalance on the ecosystem resulted in an influx on insects that were unwelcome. They are also excellent wind-breakers and hold the soil in place to prevent soil erosion.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เราต้องย้อนกลับไปยังธรรมชาติไว้ มันคือการปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์ในที่ดินที่อุดมไป ด้วยปุ๋ยและ mulches ที่ดีมี rotted เนื่องจากเป็นสิ่งสูงสุดของขั้นตอนในการทำนาอินทรีย์ จุดมุ่งหมายคือการ ได้รับเป็นมากเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นแผ่นดินเป็นไปได้ และนี้มีปุ๋ยพืชสด ปุ๋ย สาหร่าย แม่ พิมพ์ใบ เฮย์บูด และสิ่งของสัตว์ หรือผัก เลือดและกระดูก ที่สามารถทำให้ช่องเก็บกองและปุ๋ยปุ๋ย คำสำคัญ isrecycling ที่นี่ มีดิฉันเก่า "ไม่เสีย ไม่ต้อง" และไม่เคยเป็นจริงดังนั้นในการทำฟาร์ม organicallyมีซ้ายพืชหรือไม้ควรไม่ถูกเผาในคุณสมบัติ นี้เสียเป็นปุ๋ยสมบูรณ์ และก็ยังสนับสนุนมลพิษ ทำไมเขียนเมื่อคุณสามารถใช้ได้ และก็ไม่ได้คิดต้นทุนคุณอะไร ทำไมเขียน cuttings เถาวัลย์เหล่าและเหล่า prunings ออร์ชาร์ด ลงทุนในโรลดเป็นกลุ่ม และเพิ่มของกองปุ๋ยเหล่านี้ เกษตรอินทรีย์ควรจะเกี่ยวกับการรีไซเคิลเกิดอะไรขึ้นกับคุณดินเมื่อถึงสุขภาพ มันเต็มไป ด้วยชีวิตไมโครและไส้เดือนที่สวยงามที่ความสุขของผู้ดูแล และผลิต vermicompost ยอดเยี่ยม เมื่อคุณไปเลี้ยงหนอน และมีไส้เดือนในดินของ คุณรู้ว่า คุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องจำเกินไปที่ ฟาร์มอินทรีย์วิธีหมายความว่า คุณต้อง การพักผ่อนของคุณดิน และใช้ปลูกพืชหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคุณมีเขตข้อมูลที่เหลือ ปลูกพืชครอบคลุม เช่นหญ้าข้าวไรย์เป็นการเพาะปลูกชั่วคราวในฤดูใบไม้ร่วง นี้ช่วยป้องกันดินจากลมและน้ำกัดเซาะ และเพิ่มอินทรีย์ คุณยังสามารถปลูกพืชครอบคลุมเช่นกินสำหรับปรับปรุงดิน เรียกว่ามูลเขียวพืช และมักจะรอดในเดือนหกปี กินได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากพวกเขา "แก้ไข" ไนโตรเจนจากอากาศในดินในอังกฤษ มาก ขึ้นเกษตรกรจะซีเมนส์ร่วมปลูก hedgerows ในฟาร์มของตนเป็นพวกเขาขณะนี้ตระหนักถึงความสำคัญพวกเขาจะ สัตว์และแมลงในการประเมินค่าเฮดจ์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศของพวกเขา ดังนั้นเมื่อ hedgerows ถูกเอาออก สัตว์และแมลงเหล่านี้เล็กน้อยแล้วหายไปพิงของธรรมชาติ และความไม่สมดุลในระบบนิเวศส่งผลให้ไหลเข้าในแมลงที่ไม่ พวกเขาก็แบ่ง ลมดี และเก็บดินเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เราต้องการที่จะกลับไปสิ่งที่ธรรมชาติตั้งใจ มันคือการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ในดินแดนที่อุดมไปด้วยปุ๋ยหมักและพืชคลุมดินที่มีดีผุเพราะนี่คือสิ่งสำคัญยิ่งที่สุดของขั้นตอนในการทำเกษตรอินทรีย์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะได้รับปุ๋ยอินทรีย์มากที่สุดเท่าที่เข้าไปในดินแดนที่เป็นไปได้และรวมถึงการใส่ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักสาหร่ายใบแม่พิมพ์แห้งเสียและสิ่งจากพืชหรือสัตว์รวมทั้งเลือดและกระดูกที่สามารถไปในการทำปุ๋ยหมัก กองและถังหมัก คำหลักที่นี่ isrecycling มีสุภาษิตโบราณคือ; "เสียไม่ต้องการไม่ได้" และไม่เคยจริงดังนั้นในการทำการเกษตรอินทรีย์.
ใด ๆ เหลือพืชหรือไม้ไม่ควรเผาในบริเวณ นี้เป็นของเสียที่สมบูรณ์ของปุ๋ยหมักที่มีศักยภาพและยังเป็นผู้สนับสนุนมลพิษ ทำไมเผามันเมื่อคุณสามารถใช้มันและมันไม่ได้ต้นทุนคุณอะไร? ทำไมเผากิ่งเถาเหล่านั้นและตัดกิ่งสวนผลไม้เหล่านั้นหรือไม่ การลงทุนใน chipper เพื่อลดจำนวนมากและเพิ่มเหล่านี้ไปยังกองปุ๋ยหมักของคุณ เกษตรอินทรีย์ควรจะเกี่ยวกับการรีไซเคิล.
เกิดอะไรขึ้นกับดินของคุณเมื่อมันมีสุขภาพดี? มันเต็มไปด้วยจุลินทรีย์และไส้เดือนดินที่สวยงามเหล่านั้นที่มีความสุขหัวใจของบรรดาผู้ที่ดูแลและผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนที่ยอดเยี่ยม เมื่อคุณไปเลี้ยงหนอนและมีไส้เดือนในดินของคุณคุณรู้ว่าคุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง.
จำเกินไปว่าวิธีการฟาร์มอินทรีย์หมายความว่าคุณจำเป็นต้องพักดินของคุณและใช้งานหมุนพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคุณมีข้อมูลที่โรงงานส่วนที่เหลือพืชคลุมเช่นหญ้าข้าวไรย์เป็นชั่วคราวปลูกในฤดูใบไม้ร่วง นี้จะช่วยปกป้องดินจากลมและการกัดเซาะของน้ำและเพิ่มอินทรียวัตถุ นอกจากนี้คุณยังสามารถปลูกพืชปกเช่นพืชตระกูลถั่วเพื่อการปรับปรุงดินที่เรียกว่าพืชปุ๋ยพืชสดและที่เหลือมักจะอยู่ในสถานที่สำหรับหกเดือนถึงหนึ่งปี พืชตระกูลถั่วที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะพวกเขา "แก้ไข" ไนโตรเจนจากอากาศลงไปในดิน.
ในอังกฤษมากขึ้นและเกษตรกรมากขึ้นมีการปลูกพุ่มไม้ในฟาร์มของพวกเขาเป็นตอนนี้พวกเขาตระหนักถึงความสำคัญที่พวกเขามี มีสัตว์หลายชนิดและแมลงใช้ป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศของพวกเขาดังนั้นเมื่อพุ่มไม้ที่ถูกถอดออกเหล่าสัตว์น้อยและแมลงแล้วก็หายไปที่พักอาศัยตามธรรมชาติของพวกเขาและความไม่สมดุลในระบบนิเวศที่มีผลในการไหลบ่าเข้ามาในแมลงที่มีความไม่พอใจ พวกเขายังมียอดเยี่ยมลมเบรกเกอร์และถือดินในสถานที่เพื่อป้องกันการพังทลายของดิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เราต้องกลับไปที่ธรรมชาติสร้างมา มันคือการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ในดินแดนที่อุดมด้วยปุ๋ยหมักและ mulches ที่ มี ผุ เพราะนี่คือที่สุดของขั้นตอนในระบบเกษตรอินทรีย์ จุดมุ่งหมายคือการได้รับมากฮิวมัสในแผ่นดินมากที่สุด และรวมถึง ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก สาหร่าย รา ใบหญ้าเน่า และอะไรของพืชหรือสัตว์ที่มารวมทั้งเลือดและกระดูก ที่สามารถเข้าไปทำกองปุ๋ยหมักและถังปุ๋ยหมัก คำหลักที่นี่ isrecycling . มีภาษิตเก่า " ก็ไม่ได้อยากทำเท่าไหร่ " และไม่เคยเป็นจริงดังนั้นในการทำนาอินทรีย์
เหลือพืชผลไม้ไม่ควรเผาในคุณสมบัติ มันเสียที่สมบูรณ์ของปุ๋ยหมักที่อาจเกิดขึ้น และยังเป็นมลพิษผู้สนับสนุน .ทำไมต้องเผามันเมื่อคุณใช้มัน และมันก็ไม่ใช่การคิดต้นทุนคุณอะไร ? ทำไมต้องเผาพวกนั้นตัดเถาและสวนผลไม้ prunings ? การลงทุนในดีเพื่อลดขนาดใหญ่และเพิ่มเหล่านี้ไปยังกองปุ๋ยหมักของคุณ เกษตรอินทรีย์ควรจะเกี่ยวกับการรีไซเคิล
เกิดอะไรขึ้นกับดินของคุณเมื่อมันมีสุขภาพดี ?มันเต็มไปด้วยเชื้อจุลินทรีย์และสวยงามเหล่านั้น ไส้เดือนที่พอใจ หัวใจของผู้ที่ดูแลและผลิตยอดเยี่ยม Vermicompost . เมื่อคุณไปที่ฟาร์มหนอนและไส้เดือนในดินที่คุณรู้ว่าคุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง
จำได้เหมือนกันวิธีการเกษตรอินทรีย์หมายถึง คุณต้องพักดินและการปลูกพืชหมุนเวียน เพื่อการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อคุณมีทุ่งนาที่ปลูกพืชคลุมดินส่วนที่เหลือ เช่น หญ้าข้าวไร เป็นการชั่วคราวในฤดูใบไม้ร่วง นี้จะช่วยปกป้องจากลมและน้ำกัดเซาะดินและเพิ่มอินทรีย์วัตถุ นอกจากนี้คุณยังสามารถขยายครอบคลุมพืชเช่นถั่วเพื่อปรับปรุงดิน เรียกว่าพืชปุ๋ยพืชสด และมักจะถูกทิ้งไว้ในสถานที่สำหรับหกเดือนถึงหนึ่งปีพืชตระกูลถั่วโดยเฉพาะมีประสิทธิภาพเพราะพวกเขา " แก้ไข " ไนโตรเจนจากอากาศลงสู่ดิน .
ในอังกฤษมากขึ้นและเกษตรกรจะปลูกในฟาร์มของพวกเขาที่พวกเขาตอนนี้ลูกค้าตระหนักถึงวิธีการที่สำคัญพวกเขาจะ สัตว์และแมลงใช้พุ่มไม้เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศของพวกเขา ดังนั้นเมื่อลูกค้าถูกเอาออกเหล่านี้สัตว์และแมลงเล็ก ๆน้อย ๆแล้วหายไปอาศัยตามธรรมชาติของพวกเขาและความไม่สมดุลในระบบนิเวศ มีผลทำให้มีการไหลเข้าต่อแมลงที่เป็นอย่างนั้น พวกเขายังมีคลื่นลมที่ดีเยี่ยมและยึดดินในสถานที่เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน