Being able to detect cancer at an e

Being able to detect cancer at an early stage is vital. We have studied how a whole new blood-based method of biopsy can be used to detect cancer, which in the future renders an invasive cell tissue sample unnecessary in diagnosing lung cancer, for instance. In the study, nearly all forms of cancer were identified, which proves that blood-based biopsies have an immense potential to improve early detection of cancer," according to Jonas Nilsson, cancer researcher at Umeå University and co-author of the article.

In the study, researchers from Umeå University, in collaborations with researchers from the Netherlands and the US, have investigated how a new method of blood-based RNA tests of the part of the blood called platelets could be used in detecting and classifying cancer.

The results show that blood platelets could constitute a complete and easily accessible blood-based source for sampling and hence be used in diagnosing cancer as well as in the choice of treatment method.

Blood samples from 283 individuals were studied of which 228 people had some form of cancer and 55 showed no evidence of cancer. By comparing the blood samples RNA profiles, researchers could identify the presence of cancer with an accuracy of 96 per cent among patients. Among the 39 patients in the study in which an early detection of cancer had been made, 100 per cent of the cases could be identified and classified.

In follow-up tests using the same method, researchers could identify the origin of tumours with a so far unsurpassed accuracy of 71 per cent in patients with diagnosed cancer in the lung, breast, pancreas, brain, liver, colon and rectum. The samples could also be sorted in subdivisions depending on molecular differences in the cancer form, which can be of great use in the choice of treatment method.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความสามารถในการตรวจหามะเร็งในระยะแรก ๆ มีความสำคัญ เราได้ศึกษาวิธีการใช้วิธีทั้งเลือดใหม่โดยการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อตรวจหามะเร็ง ซึ่งในอนาคตทำให้การรุกรานเซลล์เนื้อเยื่อตัวอย่างไม่จำเป็นในการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด เช่น ในการศึกษา โรคมะเร็งเกือบทุกรูปแบบระบุ ซึ่งพิสูจน์ว่า ประสาทการตรวจชิ้นเนื้อจากเลือดมีการศักยภาพอันยิ่งใหญ่เพื่อตรวจหาโรคมะเร็ง การปรับปรุง"ตาม Nilsson โจนัส โรคมะเร็งนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Umeå และผู้ร่วมเขียนบทความในการศึกษา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Umeå ในความร่วมมือกับนักวิจัยจากเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา ได้ตรวจสอบว่าวิธีใหม่โดยเลือดทดสอบอาร์เอ็นเอของส่วนของเลือดที่เรียกว่าเกล็ดเลือดสามารถนำมาใช้ตรวจหา และการจัดประเภทมะเร็งผลลัพธ์แสดงว่า เลือดเกล็ดเลือดสามารถประกอบเสร็จสมบูรณ์ และเดินตามเลือดแหล่งสำหรับการสุ่มตัวอย่าง และดังนั้น จะใช้ในการวินิจฉัยโรคมะเร็งเป็นอย่างดีในการเลือกวิธีการรักษาตัวอย่างเลือดจาก 283 บุคคลได้ศึกษาที่ 228 คนมีรูปแบบของโรคมะเร็งและ 55 ที่พบของมะเร็ง โดยการเปรียบเทียบตัวอย่างเลือดอาร์เอ็นเอโพรไฟล์ นักวิจัยสามารถระบุสถานะของโรคมะเร็ง มีความถูกต้องของ 96 ร้อยละระหว่างผู้ป่วย ในผู้ป่วย 39 ในการศึกษาได้ถูกทำการตรวจหาโรคมะเร็ง ร้อยละ 100 ของกรณีสามารถระบุ และจัดในการทดสอบติดตามผลโดยใช้วิธีการเดียวกัน นักวิจัยสามารถระบุต้นกำเนิดของเนื้องอก มีความแม่นยำมากกำลังของ 71 ร้อยละผู้ป่วยการวินิจฉัยโรคมะเร็งในปอด เต้านม ตับอ่อน สมอง ตับ ลำไส้ใหญ่ และรูตูด นอกจากนี้เรียงตัวอย่างในการแบ่งย่อยตามความแตกต่างของโมเลกุลในมะเร็งแบบ ซึ่งจะใช้มากในการเลือกวิธีการรักษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความสามารถในการตรวจหามะเร็งในระยะแรกมีความสำคัญ เราได้ศึกษาวิธีการเป็นวิธีการที่ใช้เลือดใหม่ของการตรวจชิ้นเนื้อสามารถใช้ในการตรวจหามะเร็งซึ่งในอนาคตการแสดงผลตัวอย่างเซลล์เนื้อเยื่อรุกรานที่ไม่จำเป็นในการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอดเช่น ในการศึกษาเกือบทุกรูปแบบของโรคมะเร็งที่ถูกระบุซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าการตรวจชิ้นเนื้อเลือดที่ใช้มีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการปรับปรุงการตรวจหามะเร็ง "ตามที่โจนาสค๊นักวิจัยโรคมะเร็งที่Umeåมหาวิทยาลัยและผู้เขียนร่วมของบทความ. ใน การศึกษาวิจัยจากUmeåมหาวิทยาลัยในความร่วมมือกับนักวิจัยจากเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกามีการสอบสวนว่าวิธีการใหม่ของการทดสอบอาร์เอ็นเอของเลือดที่ใช้ในการเป็นส่วนหนึ่งของเลือดที่เรียกว่าเกล็ดเลือดสามารถนำมาใช้ในการตรวจสอบและจำแนกโรคมะเร็ง. ผล แสดงให้เห็นว่าเกล็ดเลือดอาจเป็นแหล่งที่มาของเลือดตามที่สมบูรณ์และสามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับการสุ่มตัวอย่างและด้วยเหตุนี้ถูกนำมาใช้ในการวินิจฉัยโรคมะเร็งเช่นเดียวกับในการเลือกวิธีการรักษา. ตัวอย่างเลือดจาก 283 บุคคลที่ได้รับการศึกษาที่ 228 คนมีรูปแบบของการเกิดโรคมะเร็งบางอย่าง และ 55 แสดงให้เห็นว่าหลักฐานของโรคมะเร็งไม่มี. โดยการเปรียบเทียบตัวอย่างเลือดโปรไฟล์ RNA นักวิจัยสามารถระบุการปรากฏตัวของโรคมะเร็งที่มีความถูกต้องร้อยละ 96 ในกลุ่มผู้ป่วย. หมู่ที่ 39 ผู้ป่วยในการศึกษาซึ่งในการตรวจสอบในช่วงต้นของโรคมะเร็งได้รับการทำ ร้อยละ 100 ของกรณีที่อาจจะมีการระบุและจำแนก. ในการทดสอบการติดตามใช้วิธีการเดียวกันนักวิจัยสามารถระบุที่มาของเนื้องอกที่มีความถูกต้องเพื่อที่ไม่มีใครเทียบไกลจากร้อยละ 71 ในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งวินิจฉัยในปอดเต้านม ตับอ่อน, สมอง, ตับลำไส้ใหญ่และทวารหนัก กลุ่มตัวอย่างที่อาจจะมีการเรียงลำดับในเขตการปกครองที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับโมเลกุลในรูปแบบการเกิดโรคมะเร็งซึ่งอาจจะมีการใช้งานที่ดีในการเลือกวิธีการรักษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สามารถตรวจพบมะเร็งในระยะแรกเป็นสําคัญ เราได้ศึกษาวิธีการใหม่ทั้งหมดใช้วิธีตัดชิ้นเนื้อ เลือด สามารถใช้ตรวจหามะเร็ง ซึ่งในอนาคตให้รุกรานเซลล์ตัวอย่างเนื้อเยื่อที่ไม่จำเป็นในการวินิจฉัยมะเร็งของปอด เป็นต้น ในการศึกษาได้เกือบทุกรูปแบบของโรคมะเร็งได้ระบุไว้ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเลือดที่ใช้จึงมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ที่จะปรับปรุงการตรวจหามะเร็งในระยะเริ่มแรก " ตามที่โจนัส นิลส์สัน , มะเร็งนักวิจัยที่อุเมะปีมหาวิทยาลัยและผู้เขียนร่วมของบทความ

ในการศึกษา นักวิจัยจากอุเมะปีมหาวิทยาลัยในความร่วมมือกับนักวิจัยจากเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกาได้ศึกษาวิธีการวิธีการใหม่ของเลือดจากการทดสอบ DNA ของส่วนหนึ่งของเลือดที่เรียกว่าเกล็ดเลือดสามารถใช้ในการตรวจหาและจำแนกมะเร็ง

พบว่าเกล็ดเลือดอาจเป็นเลือดที่สมบูรณ์และสามารถเข้าถึงได้ง่าย ตามแหล่งที่มาสำหรับตัวอย่างและจึงสามารถใช้ในการวินิจฉัยมะเร็งเช่นเดียวกับในการเลือกวิธีการรักษา

ตัวอย่างเลือดจาก 283 บุคคลทั่วไป ศึกษาที่ 228 คน มีรูปแบบของโรคมะเร็งบางชนิดและ 55 ไม่พบมะเร็ง โดยการเปรียบเทียบตัวอย่างเลือด rna โปรไฟล์ นักวิจัยสามารถระบุสถานะของโรคมะเร็งที่มีความแม่นยำ 96 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย ระหว่าง 39 ผู้ป่วยในการศึกษาซึ่งการตรวจหามะเร็งได้รับการทำร้อยละ 100 ของคดีอาจจะระบุและจัด

ในการติดตามการทดสอบโดยใช้วิธีเดียวกัน นักวิจัยสามารถระบุแหล่งที่มาของเนื้องอกจนถึงเปรียบกับความถูกต้องของ 71 เปอร์เซ็นต์ ในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งในปอด , เต้านม , ตับ , สมอง , ตับ , ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก .