disclosure and performance (Patten,

disclosure and performance (Patten, 2002). As
such, others (like Clarkson, et al, 2008)
consider the predictions from these theories to
be contradictory. In this study, however, the
predictions from both theories are considered
complementary rather than competing.
In line with the voluntary disclosure theory, it
appeals to intuition that firms adopting BSC
and collecting sustainability data have more
incentive to provide public disclosure to signal
their ‘superior type’. It would be difficult for
inferior performers (non-BSC adopters) to
mimic the disclosure practice of superior
performers as suggested in the voluntary
disclosure literature. As such, we would expect
that the SR and BSC disclosers would
outperform the non-disclosers in terms of
shareholder returns and market perception.
Hence, the following hypotheses are
introduced:
H1: Sustainability and BSC disclosures are
significantly associated with shareholder
returns (growth in earnings per share) as
implied in the voluntary disclosure theory.
H2: Sustainability and BSC disclosures are
significantly associated with market perception
(growth in year-end share price) as implied in
the voluntary disclosure theory.
Similarly, in line with the socio-political
theories, sustainability and BSC reporting is a
function of the political and social pressures
faced by the firm. To the extent that companies
that are large and those that belong to
environmentally sensitive industries (ESI) face
more societal scrutiny, these firms are more
likely to provide more disclosure. Thus, the
following hypotheses are developed:
H3: Sustainability and BSC disclosures are
significantly associated with the size of the
firm as implied in socio-political theories.
H4: Sustainability and BSC disclosures are
significantly associated with the industry as
implied in socio-political theories.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เปิดเผยและประสิทธิภาพ (แพทเท็นปอนด์แคม 2002) เป็นเช่น อื่น ๆ (เช่นเซีย et al, 2008)คาดคะเนจากทฤษฎีเหล่านี้ไปพิจารณาจะขัดแย้ง ในการศึกษานี้ อย่างไรก็ตาม การคาดคะเนจากทั้งสองทฤษฎีกำลังเสริมนอกจากการแข่งขันตามทฤษฎีเปิดเผยสมัครใจ มันอุทธรณ์กับสัญชาตญาณที่กระชับใช้บีเอสซีและเก็บรวบรวมข้อมูลความยั่งยืนมากขึ้นจูงใจให้เปิดเผยข้อมูลสาธารณะเพื่อเป็นสัญญาณ'ซูพีเรียร์ประเภท' มันจะยากนักแสดง (บีเอสซีไม่ใช่ผู้รับบุตรบุญธรรม) น้อยไปเลียนแบบการฝึกเปิดเผยดีกว่านักแสดงเป็นที่แนะนำในความสมัครใจเอกสารประกอบการเปิดเผย เช่น เราหวังdisclosers SR และบีเอสซีจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ไม่ใช่-disclosers ในแง่ของส่งคืนผู้ถือหุ้นและรับรู้การตลาดดังนั้น มีสมมุติฐานต่อไปนี้แนะนำ:H1: มีการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนและบีเอสซีอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นคืน (เจริญเติบโตในกำไรต่อหุ้น) เป็นนัยในทฤษฎีเปิดเผยความสมัครใจH2: มีความยั่งยืนและบีเอสซีเผยอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวข้องกับการรับรู้ของตลาด(เติบโตราคาหุ้นสิ้นปี) โดยนัยว่าในทฤษฎีเปิดเผยสมัครใจในทำนองเดียวกัน ตามที่การเมืองทฤษฎี ความยั่งยืน และบีเอสซีที่รายงานเป็นการฟังก์ชันของแรงกดดันทางการเมือง และสังคมกับบริษัท ในกรณีที่บริษัทที่มีขนาดใหญ่ และผู้ที่เป็นสมาชิกของใบหน้ามีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม (ESI)เพิ่มเติมข้อมูล scrutiny บริษัทเหล่านี้เป็นแนวโน้มที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ดังนั้น การถูกพัฒนาสมมุติฐานต่อไปนี้:H3: มีการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนและบีเอสซีเกี่ยวข้องอย่างมากกับขนาดของการยืนยันเป็นทางอ้อมในทฤษฎีการเมืองH4: มีการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนและบีเอสซีเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเป็นอย่างมากนัยในทฤษฎีการเมือง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเปิดเผยข้อมูลและประสิทธิภาพการทำงาน (เสื้อ, 2002) ในฐานะที่เป็นเช่นคนอื่น ๆ (เช่น Clarkson, et al, 2008) พิจารณาการคาดการณ์จากทฤษฎีเหล่านี้จะเป็นตรงกันข้าม ในการศึกษานี้อย่างไรก็ตามการคาดการณ์จากทั้งสองทฤษฎีจะถือว่าสมบูรณ์มากกว่าการแข่งขัน. สอดคล้องกับทฤษฎีการเปิดเผยข้อมูลโดยสมัครใจมันดึงดูดความสนใจของสัญชาตญาณว่า บริษัท การใช้ BSC และเก็บข้อมูลการพัฒนาอย่างยั่งยืนมีแรงจูงใจที่จะให้การเปิดเผยข้อมูลสาธารณะที่จะส่งสัญญาณของพวกเขาเหนือกว่าพิมพ์ ' มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับนักแสดงที่ด้อยกว่า (adopters ที่ไม่ BSC) เพื่อเลียนแบบการปฏิบัติการเปิดเผยที่เหนือกว่านักแสดงที่ได้รับการแนะนำโดยสมัครใจในวรรณคดีเปิดเผย ดังนั้นเราจึงคาดหวังว่าอาร์และ BSC disclosers จะดีกว่าdisclosers ที่ไม่ใช่ในแง่ของผลตอบแทนผู้ถือหุ้นและการรับรู้ของตลาด. ดังนั้นสมมติฐานต่อไปนี้จะแนะนำ: H1: การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการเปิดเผยข้อมูล BSC จะสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นผลตอบแทน(การเจริญเติบโตใน กำไรต่อหุ้น) ตามที่ระบุไว้ในทฤษฎีการเปิดเผยข้อมูลโดยสมัครใจ. H2: การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการเปิดเผยข้อมูล BSC จะสัมพันธ์กับการรับรู้ของตลาด(การเจริญเติบโตของราคาหุ้นในช่วงปลายปี) ตามที่ระบุไว้ใน. ทฤษฎีการเปิดเผยข้อมูลโดยสมัครใจในทำนองเดียวกันในแนวเดียวกันกับที่ทางสังคมและการเมืองทฤษฎีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการรายงาน BSC เป็นฟังก์ชั่นจากแรงกดดันทางการเมืองและสังคมที่ต้องเผชิญกับบริษัท เท่าที่ บริษัทที่มีขนาดใหญ่และผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม (ESI) ต้องเผชิญกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสังคมมากขึ้นบริษัท เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะให้การเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น ดังนั้นสมมติฐานดังต่อไปนี้ได้รับการพัฒนา: H3: การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการเปิดเผยข้อมูล BSC จะสัมพันธ์กับขนาดของ. บริษัท เป็นนัยในทฤษฎีทางสังคมและการเมืองH4: การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการเปิดเผยข้อมูล BSC จะสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมเป็นนัยในทฤษฎีทางสังคมและการเมือง.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติงาน ( Patten , 2002 ) โดย
เช่นคนอื่น ๆ ( เช่นเดียวกับ Clarkson et al , 2008 )
พิจารณาคาดคะเนจากทฤษฎีเหล่านี้

จะขัดแย้งกัน ในการศึกษานี้ อย่างไรก็ตาม
คาดคะเนจากทั้งทฤษฎีถือว่าสมบูรณ์มากกว่าการแข่งขัน
.
สอดคล้องกับทฤษฎีการเปิดเผยโดยสมัครใจ มัน
ดึงดูดสัญชาตญาณที่บริษัทใช้ BSC
และเก็บรวบรวมข้อมูลด้านมีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะมีการเปิดเผยสัญญาณ

พิมพ์ ' ที่เหนือกว่าของพวกเขา ' มันคงจะยากสำหรับ
นักแสดงด้อยกว่า ( ไม่ BSC adopters )
เลียนแบบการเปิดเผยการปฏิบัติของนักแสดงดีกว่า
เป็นข้อเสนอแนะในวรรณคดีข้อมูลสมัคร

เช่น เราคาดหวังว่า อาร์บีเอสซี disclosers

ลงและจะไม่ disclosers ในแง่ของ
ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น และการรับรู้ของตลาด
ดังนั้นสมมติฐานต่อไปนี้จะแนะนำ : H1

: ความยั่งยืนและ BSC เปิดเผยความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นเป็น

กลับมา ( การเจริญเติบโตในกำไรต่อหุ้น )
) ในทฤษฎีการสมัครใจ
H2 : ความยั่งยืนและการเปิดเผยข้อมูลและมีความสัมพันธ์กับการรับรู้ของตลาด

( การเจริญเติบโตในช่วงราคาหุ้น ) ที่เป็นนัยใน

ทฤษฎีการเปิดเผยโดยสมัครใจ และสอดคล้องกับสภาพการเมือง
ทฤษฎีความยั่งยืนและ BSC รายงานเป็น
ฟังก์ชันของแรงกดดันทางสังคมและการเมือง
ที่เผชิญ โดยบริษัท ในขอบเขตที่บริษัท
ที่มีขนาดใหญ่ และผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อม

( ESI ) หน้าสังคมมากกว่าการตรวจสอบบริษัท เหล่านี้มีมากขึ้น
น่าจะให้เปิดเผยเพิ่มเติม ดังนั้น จึงมีการพัฒนา :

ตามสมมติฐาน H3 : ความยั่งยืนและ BSC เปิดเผยเป็น
ความสัมพันธ์กับขนาดของ บริษัท ที่แสดงออกในสังคมการเมือง

H4 : ทฤษฎี และการเปิดเผยข้อมูล มีความยั่งยืน และความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม

โดยนัยในสังคมการเมืองทฤษฎี