ApplicationsBefore the advent of re

Applications

Before the advent of refrigeration, evaporative cooling was used for millennia. A porous earthenware vessel would cool water by evaporation through its walls; frescoes from about 2500 BC show slaves fanning jars of water to cool rooms.[9] A vessel could also be placed in a bowl of water, covered with a wet cloth dipping into the water, to keep milk or butter as fresh as possible.[10]
California ranch house with evaporative cooler box on roof ridgeline

Evaporative cooling is a common form of cooling buildings for thermal comfort since it is relatively cheap and requires less energy than other forms of cooling.
Psychrometric chart example of Salt Lake City

The figure showing the Salt Lake City weather data represents the typical summer climate (June to September). The colored lines illustrate the potential of direct and indirect evaporative cooling strategies to expand the comfort range in summer time. It is mainly explained by the combination of a higher air speed on one hand and elevated indoor humidity when the region permits the direct evaporative cooling strategy on the other hand. Evaporative cooling strategies that involve the humidification of the air should be implemented in dry condition where the increase in moisture content stays below recommendations for occupant’s comfort and indoor air quality. Passive cooling towers lack the control that traditional HVAC systems offer to occupants. However, the additional air movement provided into the space can improve occupant comfort.

Evaporative cooling is most effective when the relative humidity is on the low side, limiting its popularity to dry climates. Evaporative cooling raises the internal humidity level significantly, which desert inhabitants may appreciate as the moist air re-hydrates dry skin and sinuses. Therefore, assessing typical climate data is an essential procedure to determine the potential of evaporative cooling strategies for a building. The three most important climate considerations are dry-bulb temperature, wet-bulb temperature, and wet-bulb depression during the summer design day. It is important to determine if the wet-bulb depression can provide sufficient cooling during the summer design day. By subtracting the wet-bulb depression from the outside dry-bulb temperature, one can estimate the approximate air temperature leaving the evaporative cooler. It is important to consider that the ability for the exterior dry-bulb temperature to reach the wet-bulb temperature depends on the saturation efficiency. A general recommendation for applying direct evaporative cooling is to implement it in places where the wet-bulb temperature of the outdoor air does not exceed 22 °C (71.6 °F).[7] However, in the example of Salt Lake City, the upper limit for the direct evaporative cooling on psychrometric chart is 20 °C (68 °F). Despite this lower value, this climate is still suitable for this technique.

Evaporative cooling is especially well suited for climates where the air is hot and humidity is low. In the United States, the western/mountain states are good locations, with evaporative coolers prevalent in cities like Denver, Salt Lake City, Albuquerque, El Paso, Tucson, and Fresno. Evaporative air conditioning is also popular and well-suited to the southern (temperate) part of Australia. In dry, arid climates, the installation and operating cost of an evaporative cooler can be much lower than that of refrigerative air conditioning, often by 80% or so. However, evaporative cooling and vapor-compression air conditioning are sometimes used in combination to yield optimal cooling results. Some evaporative coolers may also serve as humidifiers in the heating season. Even in regions that are mostly arid, short periods of high humidity may prevent evaporative cooling from being an effective cooling strategy. An example of this event is the monsoon season in southern Arizona in July and August.

In locations with moderate humidity there are many cost-effective uses for evaporative cooling, in addition to their widespread use in dry climates. For example, industrial plants, commercial kitchens, laundries, dry cleaners, greenhouses, spot cooling (loading docks, warehouses, factories, construction sites, athletic events, workshops, garages, and kennels) and confinement farming (poultry ranches, hog, and dairy) often employ evaporative cooling. In highly humid climates, evaporative cooling may have little thermal comfort benefit beyond the increased ventilation and air movement it provides.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โปรแกรมประยุกต์ก่อนการมาถึงของเครื่องทำความเย็น ทำลมเย็นใช้ในวัดวาอาราม เรือดินเผา porous จะเย็นน้ำ โดยระเหยผ่านกำแพง frescoes จากประมาณ 2500 BC แสดงทาสแฟนนิงขวดน้ำเย็นห้อง [9] เรืออาจยังถูกวางลงในชามน้ำ ปกคลุม ด้วยผ้าเปียกจุ่มลงในน้ำ การให้นม หรือเนยสดเป็นที่สุด [10]บ้านไร่แคลิฟอร์เนียกับกล่องทำลมเย็นบนหลังคา ridgelineทำลมเย็นเป็นแบบทั่วไปอาคารเย็นสบายระบายความร้อนเนื่องจากมีราคาค่อนข้างถูก และต้องการพลังงานน้อยกว่ารูปแบบอื่น ๆ ของการทำความเย็นตัวอย่างแผนภูมิ psychrometric ซอลต์เลกซิตีรูปแสดงข้อมูลสภาพอากาศซอลต์เลกซิตีแสดงสภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปฤดูร้อน (เดือนมิถุนายนถึงกันยายน) บรรทัดสีแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทางตรง และทางอ้อมทำลมเย็นกลยุทธ์การขยายช่วงความสะดวกสบายในช่วงฤดูร้อน มีส่วนใหญ่คำอธิบาย โดยการรวมกันของความเร็วอากาศสูงมือหนึ่งและความชื้นในอาคารสูงเมื่อภูมิภาคช่วยให้กลยุทธ์ทำลมระบายความร้อนโดยตรงในการ ฟเป็นกลยุทธ์ระบายความร้อนที่เกี่ยวข้องกับ humidification ลมควรนำมาใช้ได้ในสภาพแห้งที่เพิ่มชื้นอยู่ใต้คำแนะนำเพื่อความสบายและคุณภาพอากาศภายในอาคารของ occupant อาคารระบายความร้อนแฝงขาดการควบคุมที่มีระบบปรับอากาศแบบดั้งเดิมการจัด อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวเพิ่มเติมอากาศให้ลงในพื้นที่สามารถปรับปรุงจึง occupantทำลมเย็นมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อความชื้นสัมพัทธ์ต่ำด้าน จำกัดนิยมสภาพอากาศแห้ง ทำลมเย็นเพิ่มระดับความชื้นภายในอย่างมีนัยสำคัญ ที่ทะเลทรายคนอาจชื่นชอบใหม่ hydrates ผิวแห้งอากาศชุ่มชื่นและไซนัสมีลักษณะ ดังนั้น การประเมินข้อมูลสภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปเป็นกระบวนการสำคัญในการกำหนดศักยภาพของกลยุทธ์ทำลมระบายความร้อนสำหรับอาคาร พิจารณาสภาพภูมิอากาศสำคัญสามมีอุณหภูมิแห้งหลอด หลอดไฟเปียกอุณหภูมิ และหลอดไฟเปียกซึมเศร้าระหว่างวันออกร้อน จึงควรตรวจภาวะซึมเศร้าเปียกหลอดสามารถให้ความเย็นเพียงพอระหว่างวันออกร้อน โดยลบซึมเศร้าเปียกหลอดไฟจากหลอดไส้แห้งอุณหภูมิภายนอก หนึ่งสามารถประเมินอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยออกเย็นฟเป็น ควรพิจารณาความสามารถสำหรับหลอดแห้งอุณหภูมิภายนอกถึงอุณหภูมิน้ำหลอดไฟขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพความเข้มได้ คำแนะนำทั่วไปสำหรับการใช้ความเย็นทำลมโดยตรงจะใช้ในสถานที่อุณหภูมิหลอดเปียกของอากาศกลางแจ้งไม่เกิน 22 ° C (71.6 ° F) [7] อย่างไรก็ตาม ในตัวอย่างของซอลต์เลกซิตี ขีดจำกัดบนสำหรับการตรงทำลมเย็นบนแผนภูมิ psychrometric เป็น 20 ° C (68 ° F) แม้ มีค่านี้ต่ำ อุณหภูมินี้เป็นยังคงเหมาะสำหรับเทคนิคนี้ทำลมเย็นเป็นอย่างยิ่งเหมาะสำหรับสภาพอากาศซึ่งอากาศร้อน และความชื้นต่ำ ในสหรัฐอเมริกา อเมริกาตะวันตก/ภูเขาเป็นสถานดี มีตู้แช่ฟเป็นที่แพร่หลายในเมืองเดนเวอร์ ซอลต์เลกซิตี รู้สึก ลปา ทูซอน และเฟรสโน ฟเป็นเครื่องปรับอากาศยังเป็นที่นิยม และเหมาะสมแห่งการ (แจ่ม) ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย ในสภาพอากาศที่แห้ง แห้งแล้ง การติดตั้งและใช้งานต้นทุนของการทำลมเย็นได้มากกว่าที่ refrigerative เครื่องปรับอากาศ โดย 80% หรือมากกว่านั้นมักจะ อย่างไรก็ตาม ทำลมเย็นและไอน้ำอัดอากาศบางครั้งใช้ร่วมให้ผลระบายความร้อน บางตู้แช่ฟเป็นยังอาจใช้เป็น humidifiers ในฤดูร้อน แม้แต่ในภูมิภาคที่แห้งแล้งเป็นส่วนใหญ่ ระยะเวลาสั้น ๆ ของความชื้นสูงอาจทำให้ทำลมเย็นจาก กลยุทธ์การระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างของเหตุการณ์นี้คือ มรสุมในรัฐแอริโซนาทางภาคใต้ในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมในสถานที่ที่มีความชื้นปานกลาง มีมากคุ้มค่าการใช้งานทำลมเย็น นอกเหนือจากการใช้อย่างแพร่หลายในสภาพอากาศแห้ง ตัวอย่าง โรงงานอุตสาหกรรม พาณิชย์ครัว นอก น้ำยาซักแห้ง โรงเรือน จุดระบายความร้อน (โหลดท่า คลังสินค้า โรงงาน ก่อ กิจกรรมกีฬา ประชุมเชิงปฏิบัติการ ศูนย์ และ kennels) และเข้าเลี้ยง (ranches สัตว์ปีก หมู และนม) มักจะจ้างทำลมเย็น ในสภาพอากาศที่ชื้นสูง ทำลมเย็นได้สบายร้อนน้อยได้รับประโยชน์นอกเหนือจากการระบายอากาศเพิ่มขึ้นและมีความเคลื่อนไหวของอากาศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การประยุกต์ใช้งานก่อนการถือกำเนิดของเครื่องทำความเย็นเย็นแบบระเหยที่ใช้สำหรับนับพันปี เรือเครื่องเคลือบดินเผาที่มีรูพรุนจะน้ำเย็นโดยการระเหยผ่านผนังของตน จิตรกรรมฝาผนังจากประมาณ 2500 ปีก่อนคริสตกาลแสดงทาสพัดขวดน้ำเย็นห้อง. [9] เรืออาจจะมีการวางไว้ในชามน้ำปกคลุมด้วยผ้าเปียกจุ่มลงไปในน้ำเพื่อให้นมหรือเนยสดที่เป็นไปได้ [10] บ้านไร่แคลิฟอร์เนียกับกล่องเย็นแบบระเหยบนหลังคาเนินการทำความเย็นแบบระเหยเป็นรูปแบบทั่วไปของอาคารระบายความร้อนเพื่อความสะดวกสบายความร้อนเพราะมันเป็นที่ค่อนข้างถูกและต้องใช้พลังงานน้อยกว่ารูปแบบอื่น ๆ ของการทำความเย็น. ตัวอย่างเช่นแผนภูมิ Psychrometric ของซอลต์เลกซิตีแสดงรูปข้อมูลสภาพอากาศที่ซอลท์เลคซิตีแสดงให้เห็นถึงสภาพภูมิอากาศในช่วงฤดูร้อนโดยทั่วไป (มิถุนายน-กันยายน) เส้นสีแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตรงและทางอ้อมกลยุทธ์ evaporative เย็นที่จะขยายระยะเวลาความสะดวกสบายในฤดูร้อน มันจะมีการอธิบายโดยส่วนใหญ่การรวมกันของความเร็วลมสูงบนมือข้างหนึ่งและยกระดับความชื้นในร่มเมื่อภูมิภาคอนุญาตให้กลยุทธ์ evaporative เย็นโดยตรงในมืออื่น ๆ กลยุทธ์การระบายความร้อนที่เกี่ยวข้องกับความชื้นของอากาศที่ควรจะดำเนินการในสภาพแห้งที่เพิ่มขึ้นของปริมาณความชื้นอยู่ด้านล่างคำแนะนำเพื่อความสะดวกสบายของผู้ครอบครองและคุณภาพอากาศภายในอาคาร อาคารระบายความร้อนแบบ Passive ขาดการควบคุมที่ระบบ HVAC แบบดั้งเดิมนำเสนอให้กับผู้โดยสาร อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของอากาศที่เพิ่มเข้ามาในพื้นที่ให้สามารถเพิ่มความสะดวกสบายครอบครอง. ระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อความชื้นสัมพัทธ์อยู่ในด้านต่ำที่ จำกัด นิยมของภูมิอากาศแห้ง ที่ระบายความร้อนเพิ่มระดับความชื้นภายในอย่างมีนัยสำคัญซึ่งคนที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายอาจชื่นชมเป็นชุ่มชื้นอีกครั้งอากาศชื้นผิวแห้งและรูจมูก ดังนั้นการประเมินข้อมูลสภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการกำหนดศักยภาพของกลยุทธ์ evaporative เย็นสำหรับอาคาร สามการพิจารณาสภาพภูมิอากาศที่สำคัญที่สุดคืออุณหภูมิกระเปาะแห้งอุณหภูมิเปียกหลอดไฟและภาวะซึมเศร้าเปียกหลอดไฟในระหว่างวันการออกแบบในช่วงฤดูร้อน มันเป็นสิ่งสำคัญเพื่อตรวจสอบว่าภาวะซึมเศร้าเปียกหลอดสามารถให้การระบายความร้อนที่เพียงพอในระหว่างวันการออกแบบในช่วงฤดูร้อน โดยการลบภาวะซึมเศร้าเปียกหลอดจากอุณหภูมิแห้งหลอดไฟภายนอกหนึ่งสามารถประมาณการอุณหภูมิอากาศออกประมาณเย็นแบบระเหย มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาที่ความสามารถในอุณหภูมิแห้งหลอดไฟภายนอกไปถึงอุณหภูมิเปียกหลอดขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพความอิ่มตัวของสี คำแนะนำทั่วไปสำหรับการใช้ evaporative เย็นโดยตรงที่จะใช้มันในสถานที่ที่มีอุณหภูมิเปียกหลอดของอากาศกลางแจ้งไม่เกิน 22 ° C (71.6 ° F). [7] อย่างไรก็ตามในตัวอย่างของ Salt Lake City ที่ ขีด จำกัด บนสำหรับการทำความเย็นแบบระเหยโดยตรงในแผนภูมิไซโครเมตริกคือ 20 ° C (68 ° F) อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ค่าที่ต่ำกว่าสภาพภูมิอากาศนี้ยังคงเป็นที่เหมาะสมสำหรับเทคนิคนี้. ระบายความร้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะสำหรับสภาพอากาศที่อากาศร้อนและความชื้นที่อยู่ในระดับต่ำ ในประเทศสหรัฐอเมริกา, ตะวันตก / รัฐภูเขาเป็นสถานที่ที่ดีกับคูลเลอร์ระเหยที่แพร่หลายในเมืองเช่นเดนเวอร์, Salt Lake City, Albuquerque, เอลพาโซซอนและเฟรสโน เครื่องปรับอากาศแบบระเหยยังเป็นที่นิยมและเป็นที่เหมาะกับภาคใต้ (พอสมควร) เป็นส่วนหนึ่งของออสเตรเลีย ในแห้งสภาพอากาศที่แห้งแล้งการติดตั้งและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเย็นแบบระเหยสามารถมากต่ำกว่าที่ของเครื่องปรับอากาศ refrigerative มักจะ 80% หรือมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม evaporative เย็นและอากาศไอบีบอัดเครื่องบางครั้งใช้ในการรวมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดการระบายความร้อน บางคูลเลอร์ระเหยอาจทำหน้าที่เป็นความชื้นในฤดูร้อน แม้จะอยู่ในภูมิภาคที่มีความแห้งแล้งส่วนใหญ่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ มีความชื้นสูงอาจป้องกันไม่ให้ evaporative เย็นจากการเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อน ตัวอย่างของเหตุการณ์นี้เป็นฤดูมรสุมในภาคใต้ของรัฐแอริโซนาในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม. ในสถานที่ที่มีความชื้นปานกลางมีการใช้ค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากสำหรับการระบายความร้อนระเหยนอกเหนือไปจากการใช้งานอย่างแพร่หลายของพวกเขาในสภาพอากาศที่แห้ง ยกตัวอย่างเช่นโรงงานอุตสาหกรรม, ครัว, ซักรีดทำความสะอาดแห้งเรือนจุดระบายความร้อน (ท่าเทียบเรือขน, โกดัง, โรงงาน, สถานที่ก่อสร้าง, กิจกรรมกีฬาการฝึกอบรมโรงรถและสุนัข) และการทำฟาร์มที่คุมขัง (ทุ่งไก่หมูและผลิตภัณฑ์นม ) มักจะจ้าง evaporative เย็น ในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง evaporative เย็นอาจได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายในการระบายความร้อนน้อยกว่าการระบายอากาศที่เพิ่มขึ้นและการหมุนเวียนของอากาศที่จะให้