By population numbers, it is eviden

By population numbers, it is evident that Australia has been male dominate from the beginning (Lieberman, n.d.). Because of this, women have experienced prejudice and social differences among men. Men dominated all aspects of life in early Australian history, from family life to work and education, males were “better off” in the gender world. In fact, women were not even considered legal entities in the early 1800’s (Lieberman, n.d.). The early Australian inhabitants hunted and gathered, which defined distinctive roles for men and women in Australian heritage. The men would hunt the game, while the women stayed close to home and gathered. It seemed as though these women understood their position in society. A study conducted on women in poverty and South Australian Aborigine’s women showed, “they [girls] had a vast understanding of the roles ascribed to women and in particular, women’s work in the family situation. When the girls projected themselves into adult lives, these lives seemed to mirror the gender positions that they were already rehearsing as children” (Lieberman, n.d.). However, the roles that women played in society began to change as the economy revolutionized. Men began to work in the factories, removing them from the family unit. This separation from family changed the role of men in Australian society. Man's role was defined as follows: “strong, silent and competitive, a provider and protector for your family, get on with the job and don’t complain” (Lieberman, n.d.). Australian masculinity began to reshape when men left to work in the factories. The new definition of masculinity has caused some Australian men to become frustrated. While some men face cultural issues, the native Aborigines community of men experience cultural separation. Even though the role of men changed throughout Australian history, women still experienced inequality. Women may now achieve an education, but they still experience hostility in the workplace even with a degree in hand. In fact, women do not usually move up to high-positions in their careers. Research found, “The proportion of employed males in full time employment is 89 percent with only 11 percent in part time positions; this is in contrast to the proportions for employed females with only 58 percent of employed females working in full time positions, with 42 percent working part time” (Bami, 2010). Unfortunately, the Australian government consists of mostly men, and the likeliness of these politicians to change the inequality that women face in Australia is very low. However, Julia Gillard was recently elected as Prime Minister of Australia. Because of this, women may have a chance of improved equality. Gillard is pushing that women be judged on their merits and not their gender (Bami, 2010). Overall, women are still struggling to achieve complete equality based on hard work rather than their gender. With some improvements, women are hopeful of the future with Gillard as Prime Minister.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยประชากรจำนวนมากก็เป็นที่เห็นได้ชัดว่าออสเตรเลียได้รับการครองเพศชายจากจุดเริ่มต้น (ลีเบอร์แมน, ND) เพราะเหตุนี้ผู้หญิงที่มีประสบการณ์แตกต่างอคติและสังคมในหมู่มนุษย์ ผู้ชายที่โดดเด่นทุกด้านของชีวิตในประวัติศาสตร์ออสเตรเลียต้นจากชีวิตครอบครัวการทำงานและการศึกษาเพศหญิงอายุ "ดีกว่า" ในโลกออฟไลน์ ในความเป็นจริง,ผู้หญิงไม่ได้รับการพิจารณาแม้แต่หน่วยงานทางกฎหมายในช่วงต้นปี 1800 (ลีเบอร์แมน, ND) ที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียในช่วงต้นตามล่าและรวบรวมซึ่งกำหนดบทบาทที่โดดเด่นสำหรับผู้ชายและผู้หญิงในมรดกทางวัฒนธรรมของออสเตรเลีย ผู้ชายจะล่าเกมในขณะที่ผู้หญิงพักใกล้กับบ้านและที่รวบรวมได้ มันดูราวกับว่าผู้หญิงเหล่านี้เข้าใจตำแหน่งของพวกเขาในสังคมการศึกษาเกี่ยวกับผู้หญิงที่อยู่ในความยากจนและหญิงใต้พื้นเมืองออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่า "พวกเขา [สาว] มีความเข้าใจกว้างใหญ่ของบทบาทที่กำหนดให้กับผู้หญิงและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของผู้หญิงในสถานการณ์ครอบครัว เมื่อหญิงสาวที่คาดการณ์ตัวเองในชีวิตของผู้ใหญ่ชีวิตเหล่านี้ดูเหมือนจะสะท้อนตำแหน่งเพศที่พวกเขาถูกซ้อมแล้วเป็นเด็ก "(ลีเบอร์แมน, ND) อย่างไรก็ตามบทบาทที่ว่าผู้หญิงเล่นในสังคมเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะเศรษฐกิจปฏิวัติ ผู้ชายที่เริ่มทำงานในโรงงาน, ลบออกจากหน่วยครอบครัว พลัดพรากจากครอบครัวนี้เปลี่ยนบทบาทของผู้ชายในสังคมออสเตรเลีย บทบาทของมนุษย์ถูกกำหนดดังนี้: "แข็งแรงเงียบและการแข่งขันให้บริการและป้องกันสำหรับครอบครัวของคุณได้รับกับงานและไม่ได้บ่น" (ลีเบอร์แมนn.d. ) เป็นชายชาวออสเตรเลียเริ่มที่จะก่อร่างใหม่เมื่อคนออกไปทำงานในโรงงาน นิยามใหม่ของความเป็นชายได้ก่อให้เกิดบางคนของออสเตรเลียที่จะกลายเป็นความผิดหวัง ในขณะที่ผู้ชายบางคนต้องเผชิญกับปัญหาทางวัฒนธรรมกับชุมชนของชาวพื้นเมืองของคนพื้นเมืองประสบการณ์การแยกทางวัฒนธรรม แม้ว่าบทบาทของผู้ชายที่เปลี่ยนแปลงตลอดประวัติศาสตร์ออสเตรเลียผู้หญิงยังคงมีประสบการณ์ความไม่เท่าเทียมกันผู้หญิงอาจจะบรรลุการศึกษา แต่พวกเขาก็ยังคงประสบศัตรูในที่ทำงานแม้จะมีระดับอยู่ในมือ ในความเป็นจริงผู้หญิงมักจะไม่ได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงในอาชีพของตน การวิจัยพบว่า "สัดส่วนของเพศชายที่ใช้ในการจ้างงานเต็มเวลาเป็นร้อยละ 89 มีเพียงร้อยละ 11 ในตำแหน่งงาน part time;นี้เป็นในทางตรงกันข้ามกับสัดส่วนสำหรับสตรีมีงานทำมีเพียงร้อยละ 58 ของเพศหญิงลูกจ้างทำงานในตำแหน่งเต็มเวลากับร้อยละ 42 เวลาทำงานส่วนหนึ่ง "(bami, 2010) น่าเสียดายที่รัฐบาลออสเตรเลียประกอบด้วยของคนส่วนใหญ่และคุ้มของนักการเมืองเหล่านี้เพื่อเปลี่ยนความไม่เท่าเทียมกันที่ผู้หญิงต้องเผชิญในออสเตรเลียอยู่ในระดับต่ำมาก อย่างไรก็ตามจูเลียกิลลาร์ได้รับการเลือกตั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศออสเตรเลีย เพราะเหตุนี้ผู้หญิงอาจจะมีโอกาสที่ดีขึ้นของความเท่าเทียมกัน กิลจะผลักดันว่าผู้หญิงที่ได้รับการตัดสินบุญของพวกเขาและไม่ได้เพศของพวกเขา (bami, 2010) โดยรวมของผู้หญิงยังคงดิ้นรนเพื่อให้บรรลุความเท่าเทียมกันบนพื้นฐานของการทำงานอย่างหนักมากกว่าเพศของพวกเขา ที่มีการปรับปรุงบางอย่างผู้หญิงที่เป็นความหวังของอนาคตกับกิลลาร์ในฐานะนายกรัฐมนตรี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยตัวเลขประชากร จึงเห็นได้ชัดว่า ออสเตรเลียมีชายครองตั้งแต่เริ่มต้น (Lieberman, n.d.) ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงมีประสบการณ์อคติและความแตกต่างทางสังคมระหว่างผู้ชาย ผู้ชายครอบงำทุกด้านของชีวิตในช่วงต้นประวัติออสเตรเลีย จากครอบครัวการทำงาน และการศึกษา ชายดี "ปิด" ในโลกเพศ อันที่จริง หญิงได้ไม่ได้ถือนิติบุคคลในของ 1800 ต้น (Lieberman, n.d.) คนออสเตรเลียช่วงล่าสัตว์หรือค้า และรวบ รวม ซึ่งกำหนดบทบาทที่โดดเด่นสำหรับชายและหญิงในออสเตรเลียเฮอริเทจ คนจะล่าเกม ในขณะที่ผู้หญิงที่อยู่บ้าน และรวบรวม มันดูเหมือนว่าผู้หญิงเหล่านี้เข้าใจตำแหน่งของพวกเขาในสังคม พบว่าการศึกษาที่ดำเนินการในเซาท์ออสเตรเลีย Aborigine ของผู้หญิงและผู้หญิงในความยากจน "[หญิง] พวกเขาเข้าใจมากบทบาท ascribed กับผู้หญิง แล้วผู้หญิงทำงานในสถานการณ์ครอบครัวโดยเฉพาะ เมื่อหญิงคาดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ชีวิต ชีวิตเหล่านี้ดูเหมือนจะ สะท้อนตำแหน่งเพศที่พวกเขาถูกทำเป็นเด็ก ๆ แล้วถ้าคุณต้องการทดสอบ" (Lieberman, n.d.) อย่างไรก็ตาม บทบาทที่เล่นผู้หญิงในสังคมเริ่มเปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจ revolutionized คนที่เริ่มทำงานในโรงงาน ลบจากหน่วยครอบครัว นี้ถูกแยกจากครอบครัวการเปลี่ยนแปลงบทบาทของผู้ชายในสังคมออสเตรเลีย บทบาทของมนุษย์ถูกกำหนดเป็นดังนี้: "แข็งแกร่ง เงียบ และ แข่งขัน ผู้ให้บริการและคุ้มครองครอบครัว รับงาน และไม่บ่น" (Lieberman n.d.) เป็นออสเตรเลียเริ่มเปลี่ยนเมื่อคนทำงานในโรงงาน นิยามใหม่ของความเป็นชายที่เกิดบางคนออสเตรเลียจะกลายเป็นผิดหวัง ในขณะที่บางคนเผชิญกับปัญหาทางวัฒนธรรม ชุมชน Aborigines เป็นคนพบแยกทางวัฒนธรรม แม้ว่าบทบาทของผู้ชายเปลี่ยนตลอดประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย ผู้หญิงยังมีความไม่เท่าเทียมกัน ผู้หญิงอาจบรรลุการศึกษาขณะนี้ แต่พวกเขายังพบศัตรูในทำงานกับตัวในมือ ในความเป็นจริง หญิงไม่มักจะย้ายขึ้นไปตำแหน่งสูงในอาชีพของตน วิจัยพบ "สัดส่วนของเจ้าชายในเวลาเต็มที่จ้างเป็นร้อยละ 89 มีเพียงร้อยละ 11 ในส่วนเวลาตำแหน่ง นี้จะตรงข้ามกับสัดส่วนสำหรับหญิงที่เจ้าของมีเพียง 58 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าหญิงที่ทำงานในตำแหน่งเต็มเวลา เวลาทำงานร้อยละ 42 ส่วน" (Bami, 2010) อับ รัฐบาลออสเตรเลียประกอบด้วยส่วนใหญ่ผู้ชาย และ likeliness ของนักการเมืองเหล่านี้เพื่อเปลี่ยนความไม่เท่าเทียมกันใบหน้าผู้หญิงในออสเตรเลียมาก อย่างไรก็ตาม จูเลียอย่างล่าสุดได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงอาจมีโอกาสของความเสมอภาคที่ปรับปรุง ผลักอย่างที่ผู้หญิงสามารถพิจารณาจากบุญของพวกเขาและไม่ของเพศ (Bami, 2010) โดยรวม ผู้หญิงยังคงดิ้นรนเพื่อให้บรรลุความเสมอภาคสมบูรณ์ขึ้นอยู่กับการทำงานมากกว่าเพศผู้ มีการปรับปรุง ผู้หญิงจะมีความหวังของอนาคตอย่างเป็นนายกรัฐมนตรี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยตัวเลขประชากรที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าประเทศออสเตรเลียได้รับตัวผู้ครอบครองจากต้น( lieberman n.d. ) เพราะในนี้ผู้หญิงมีประสบการณ์ความแตกต่างทางสังคมและเสื่อมเสียต่อคน ผู้ชายที่ครอบงำทุกแง่มุมของชีวิตในประวัติศาสตร์ของออสเตรเลียช่วงต้นจากชีวิตครอบครัวในการศึกษาและการทำงานมีผู้ชายเป็น"ดีขึ้น"ในโลกที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ ในความเป็นจริงแล้วผู้หญิงไม่ได้รับการพิจารณาให้หน่วยงานทางกฎหมายในช่วงต้นปี 1800 ( lieberman n.d. )ได้ ชาวออสเตรเลียช่วงต้นที่ออกล่าเหยื่อและเก็บรวบรวมซึ่งกำหนดบทบาทที่โดดเด่นสำหรับผู้ชายและผู้หญิงในมรดกตามแบบออสเตรเลีย คนที่จะตามล่าเกมในขณะที่ผู้หญิงที่อยู่ใกล้กับบ้านและเก็บรวบรวม มันดูเหมือนจะเป็นแม้ว่าผู้หญิงเหล่านี้ทำความเข้าใจตำแหน่งในสังคมของพวกเขาการศึกษากับผู้หญิงในความยากจนและผู้หญิงของทาง ภาค ใต้ของออสเตรเลียจัดแสดง Aborigine แสดงให้เห็นว่า"พวกเขา[ผู้หญิง]มีความรู้ความเข้าใจอันกว้างใหญ่ที่มีบทบาทหน้าที่ในหมวดผู้หญิงและในงานของผู้หญิงในสถานการณ์ครอบครัว เมื่อผู้หญิงคนที่คาดว่าจะเข้าไปในชีวิตสำหรับผู้ใหญ่เองชีวิตนี้ดูเหมือนจะเป็นกระจกตำแหน่งเพศที่ rehearsing เหมือนเด็ก"( lieberman n.d. )อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามบทบาทที่ว่าผู้หญิงเล่นในสังคมจึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจาก ภาวะ เศรษฐกิจปฏิวัติ คนก็เริ่มทำงานในโรงงานที่พวกเขาออกจากครอบครัวที่ การแยกนี้จากครอบครัวได้เปลี่ยนบทบาทหน้าที่ของคนในสังคมตามแบบออสเตรเลีย บทบาทของคนหนึ่งคนใดจะกำหนดไว้ดังนี้"แรงไม่มีเสียงและการแข่งขันในระบบป้องกันและผู้ให้บริการสำหรับครอบครัวของคุณได้ในงานและไม่บ่น"( liebermann.d. ) เพศชายชาวออสเตรเลียเริ่มดู reform เมื่อคนซ้ายไปทำงานในโรงงาน ความละเอียดของเพศชายมีออสเตรเลียบางคนเกิดจากการกลายเป็นสมหวัง ในขณะที่คนบางห้องหันหน้าเข้าหาปัญหาทางวัฒนธรรมชุมชนเป็นพื้นเดิมพื้นเมืองของคนมีประสบการณ์การแยกทางวัฒนธรรม แม้บทบาทหน้าที่ของคนเปลี่ยนไปตลอดทั่วทั้งพื้นที่ประวัติศาสตร์ของออสเตรเลียหญิงยังมีประสบการณ์ความไม่เท่าเทียมกันผู้หญิงอาจจะได้รับการศึกษาและในตอนนี้ได้แต่ก็ยังรับประสบการณ์ความเป็นศัตรูกันในการทำงานนั้นด้วยระดับที่อยู่ในมือ ในความเป็นจริงแล้วผู้หญิงไม่ได้เลื่อนขึ้นสู่ระดับสูงตำแหน่งในสายอาชีพของตนโดยปกติแล้ว การวิจัยพบว่าสัดส่วนของผู้ชายในการจ้างงานเต็มที่เวลามี 89% พร้อมด้วยเพียงร้อยละ 11 ในตำแหน่งในส่วนโรงแรมแห่งนี้คือในทางตรงกันข้ามกับสัดส่วนที่สำหรับเพศหญิงใช้พร้อมด้วยเฉพาะ 58% ของชาย - หญิงใช้การทำงานแบบเต็มเวลาในตำแหน่งพร้อมด้วย 42% ทำงานส่วนเวลา"( bami 2010 ) เป็นที่น่าเสียดายว่ารัฐบาลออสเตรเลียที่ประกอบด้วยของส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายและมีท่าทางว่าของนักการเมืองเหล่านี้เพื่อเปลี่ยนความไม่เท่าเทียมกันที่หน้าที่ว่าผู้หญิงในออสเตรเลียอยู่ในระดับต่ำมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามจูเลีย gillard ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศออสเตรเลียเมื่อไม่นานมานี้ เพราะในนี้ผู้หญิงอาจจะได้มีโอกาสของความเท่าเทียมกันได้ดียิ่งขึ้น gillard คือการผลักดันที่ว่าผู้หญิงเป็นผู้ตัดสินเลือกผู้ได้รับบุญกุศลที่ของตนและไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเพศ( bami 2010 ) โดยรวมแล้วผู้หญิงกำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความเท่าเทียมกันให้เสร็จสมบูรณ์ได้โดยขึ้นอยู่กับงานหนักมากกว่าเรื่องเพศของตนก็ยังคง พร้อมด้วยการปรับปรุงบางรายการผู้หญิงมีความหวังในอนาคตได้ด้วย gillard เป็นนายกรัฐมนตรี