Indonesia's food estate project spa

Indonesia's food estate project sparks environment concerns - Feature
29 March 2010
Source EarthTimes
Reporter Ahmad Pathoni
Jakarta - Indonesia's ambitious plan to turn large swathes of fertile land in the easternmost region of Papua into a food estate has sparked concerns about potential forest destruction and the marginalisation of small farmers.

Under the project expected to start this year, 1.6 million hectares of land in Merauke district will be converted to grow crops such as rice, corn, soybean, sugar and palm oil as part of the government's efforts to reduce dependence on imports and turn Indonesia into a global food producer.

Coordinating Minister for the Economy Hatta Radjasa insisted the project would not damage the environment, and said that only unforested land would be converted.

"We will only use scrubland, so forests must remain intact and deforested areas will be replanted," he said, adding that details were still being worked out.

But Greenomics Indonesia, an environmental group, warned that the plan would entail large-scale deforestation because the estate was expected to cut through deep into forest.

"The government needs millions of hectares for the project," said Greenomics executive director Elfian Effendy. "There will never be land of that size unless it includes forest areas."

Greenomics said 95 per cent of Merauke was forested, with production forest covering only a little more than 360,000 hectares scattered in different locations.

Forest preservation is seen as key to averting a climate change catastrophe and scientists say deforestation leads to about 15 percent of the world's heat-trapping greenhouse gas emissions. Indonesia has promised to reduce its greenhouse gas emissions by 26 per cent from current levels by 2020.

Between 50 and 60 trillion rupiah (between 5.5 billion and 6.6 billion dollars) in investment is needed for the project, and 36 local and foreign companies have expressed interest to put money in, Deputy Agriculture Minister Bayu Krisnamurthi said.

Krisnamurthi said the food estate was expected to produce 1 million tons of rice annually and 800,000 to 1.2 million tons of sugar. Indonesia produces around 60 million tons of rice per year.

The Indonesian Farmer Union said the traditional livelihoods of small-scale Papuan farmers would be threatened in the face of the large-scale, state-subsidized commercialisation of agriculture.

"Indonesia needs food security but the way to achieve it should be by empowering farmers, not by using corporate ways," said Ahmad Ya'kub, the union's head of strategic studies.

"It is dangerous for a country as large as Indonesia to leave food provision to private corporations," he said.

Indonesia is the world's fourth most populous country with 230 million people and jungle-clad Papua is its poorest region.

About 36 per cent of Papua's 2.6 million population live below the poverty line, against a national poverty rate of 14 per cent, according to government statistics.

Indonesia's leading environmental group, Walhi, said the estate would also threaten the ecosystem.

"Large-scale forest conversions in Merauke, dominated by lowlands and swamps, could cause Merauke to lose its land areas," it said.

"The decrease in forest and water catchment areas could result in abrasion and faster intrusion of seawater to the land."

Walhi said a similar project in Brazil has caused environmental damage and poisoning among the population caused by the use of herbicides sprayed from aircraft.

Papua is also home to a low-level separatist insurgency and has seen sporadic outbreaks of political and ethnic violence.

The West Papua Advocacy Team, a pressure group, said the project was expected to boost Merauke's population from 175,000 to up to 800,000. It warned that an influx of non-Papuans from other Indonesian regions could spark ethnic conflict.

Such "conflict has arisen as local populations are marginalized in their own homelands as government support programs favor the internal migrants to the disadvantage of locals," the group said.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โครงการอสังหาริมทรัพย์อาหารอินโดนีเซียสปาร์คสสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง - คุณลักษณะ
29 2010 มีนาคม
EarthTimes แหล่ง
โปรแกรมรายงาน Ahmad Pathoni
จาการ์ตา - แผนทะเยอทะยานที่อินโดนีเซียจะเปิด swathes ขนาดใหญ่ของแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ในภูมิภาค easternmost ของปาปัวเป็นทรัพย์อาหารมีจุดประกายความกังวลเกี่ยวกับการทำลายป่าที่มีศักยภาพและ marginalisation ของเกษตรกรขนาดเล็ก

โครงการคาดว่าจะเริ่มปีนี้ 1.6 ล้านไร่ที่ดินในเมราอูเกจะแปลงปลูกพืชเช่นข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง น้ำตาลทราย และน้ำมันปาล์มเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า และเปิดอินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตอาหารระดับโลก

ประสานงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเศรษฐกิจฮัต Radjasa ยืนยันโครงการจะทำลายสิ่งแวดล้อม และกล่าวว่า จะแปลงเฉพาะ unforested ที่ดิน

"เราจะใช้ได้เฉพาะ scrubland ป่าต้องยังคงเหมือนเดิม และจะ replanted พื้นที่ deforested เขากล่าวว่า เพิ่มว่า รายละเอียดมีอยู่ทำงานออก

แต่ Greenomics อินโดนีเซีย กลุ่มสิ่งแวดล้อม เตือนว่า แผนจะอันทำลายป่าขนาดใหญ่เนื่องจากทรัพย์สินถูกต้องตัดผ่านลึกเข้าไปในป่า

"รัฐบาลต้องล้านเฮคเตอร์ในโครงการ กล่าวว่า กรรมการบริหาร Greenomics Elfian Effendy "จะไม่มีดินแดนขนาดนั้นยกเว้นว่ามีพื้นที่ป่า"

Greenomics กล่าวว่า ร้อยละ 95 ของเมราอูเกได้มอง กับป่าผลิตครอบคลุมเพียงเล็กน้อยกว่า 360000 เฮคเตอร์ที่กระจัดกระจายอยู่ในสถานต่างกัน

ป่าอนุรักษ์ถือเป็นคีย์ averting แผ่นดินไหวในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เป้าหมายการทำลายป่าประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกการจับความร้อนของโลก อินโดนีเซียมีการสัญญาว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยร้อยละ 26 จากระดับปัจจุบัน 2563

ระหว่าง 50 และ 60 ลเลียน rupiah (ระหว่าง 5.5 พันล้านและ 66 พันล้านดอลลาร์) ในลงทุนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโครงการ และบริษัทต่าง ชาติที่ 36 ได้แสดงสนใจใส่เงิน Krisnamurthi ห้องรมช.เกษตรกล่าว

Krisnamurthi กล่าวว่า คาดว่าการผลิต 1 ล้านตันของข้าวเป็นประจำทุกปีและ 800000 ถึง 1.2 ล้านตันน้ำตาลอาหารทรัพย์สิน อินโดนีเซียสร้างประมาณ 60 ล้านตันของข้าวต่อปี

อินโดนีเซียชาวสหภาพกล่าวว่า วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของเกษตรกรระบุปาปัวจะขู่หน้า commercialisation ขนาดใหญ่ รัฐทดแทนกันได้ของเกษตรกรรม

"อินโดนีเซียต้องกิน แต่วิธีการเพื่อให้บรรลุมันควร โดยศักยภาพเกษตรกร ไม่โดยวิธีการขององค์กร กล่าวว่า Ahmad Ya'kub หัวของสหภาพของกลยุทธ์

"มันเป็นอันตรายสำหรับประเทศขนาดใหญ่ที่อินโดนีเซียไปเตรียมอาหารให้บริษัทเอกชน เขากล่าวว่า

อินโดนีเซียเป็นประเทศในโลกมีประชากรมากที่สุดสี่ 230 ล้านคน และห่มป่าปาปัวนั้นความยากจนที่สุดภูมิภาค

เกี่ยวกับ 36 ร้อยละของประชากร 2.6 ล้านของปาปัวอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน กับอัตราความยากจนแห่งชาติของร้อยละ 14, ตามสถิติของรัฐบาล

กลุ่มสิ่งแวดล้อม Walhi ชั้นนำของอินโดนีเซียกล่าวว่า ทรัพย์สินจะยังคุกคามระบบนิเวศ

"แปลงป่าขนาดใหญ่ในเมราอูเก ครอบงำ โดยสกอตแลนด์ตอนใต้และหนองน้ำ อาจทำให้เกิดเมราอูเกสูญเสียพื้นที่ของแผ่นดิน ก็ว่า ได้

"ลดลงในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าและน้ำอาจทำได้เร็วขึ้นการบุกรุกของน้ำทะเลและการกระแทกเพื่อแผ่นดินได้"

Walhi กล่าวว่า โครงการที่คล้ายคลึงกันในประเทศบราซิลเกิดความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นพิษในหมู่ประชากรที่เกิดจากการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชฉีดพ่นจากเครื่องบิน

ปาปัวเป็นหน้าแรกเพื่อแบ่งแยกดินแดนต่ำ และเห็นมีการแพร่ระบาดของเชื้อชาติ และทางการเมืองรุนแรง

เวสต์ปาปัวหลุยทีม กลุ่มความดัน กล่าวว่า โครงการคาดว่าจะเพิ่มประชากรของเมราอูเกจาก 175,000 ถึง 800000 มันเตือนว่า มีอีกไม่ใช่-Papuans จากภูมิภาคอื่น ๆ อินโดนีเซียสามารถจุดประกายความขัดแย้งทางชาติพันธุ์

เช่น "ความขัดแย้งได้เกิดขึ้นกับประชากรท้องถิ่นคือทำใน homelands ของตนเองเป็นรัฐบาลสนับสนุนโปรแกรมชอบข้อเสียของชาวบ้านอพยพภายใน กล่าวว่า กลุ่ม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โครงการอสังหาริมทรัพย์อาหารของอินโดนีเซียประกายความกังวลสิ่งแวดล้อม - คุณสมบัติ
29 มีนาคม 2010
ที่มา EarthTimes
Reporter อาหมัด Pathoni
จาการ์ตา - แผนความทะเยอทะยานของอินโดนีเซียที่จะทำให้กอใหญ่ของที่ดินอุดมสมบูรณ์ในภูมิภาคตะวันออกของปาปัวเป็นอสังหาริมทรัพย์อาหารได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการทำลายป่าที่มีศักยภาพและความสำคัญกับ เกษตรกรรายย่อยภายใต้โครงการคาดว่าจะเริ่มในปีนี้ 1.6 ล้านไร่ที่ดินในอำเภอ Merauke จะถูกแปลงปลูกพืชเช่นข้าวข้าวโพดถั่วเหลืองน้ำตาลและน้ำมันปาล์มเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลที่จะลดการพึ่งพาการนำเข้าและ เปิดอินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตอาหารของโลกประสานงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ Hatta Radjasa ยืนยันว่าโครงการจะไม่เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและกล่าวว่ามีเพียงที่ดิน unforested จะถูกแปลง"เท่านั้นเราจะใช้ป่าละเมาะดังนั้นป่าไม้จะต้องอยู่ในพื้นที่เหมือนเดิมและจะ deforested เป็นปลูก "เขากล่าวเพิ่มว่ารายละเอียดยังคงถูกทำงานออกแต่ Greenomics อินโดนีเซียกลุ่มสิ่งแวดล้อมเตือนว่าแผนจะนำมาซึ่งการตัดไม้ทำลายป่าขนาดใหญ่เพราะที่ดินที่คาดว่าจะตัดผ่านเข้าไปในป่าลึก"รัฐบาลต้องการ ล้านเฮคเตอร์สำหรับโครงการ "ผู้อำนวยการบริหาร Greenomics Elfian Effendy กล่าวว่า "จะไม่เป็นที่ดินขนาดว่าถ้ามันมีพื้นที่ป่า." Greenomics กล่าวว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของ Merauke เป็นป่าที่มีป่าไม้การผลิตที่ครอบคลุมเพียงน้อยกว่า 360,000 ไร่กระจายอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันการเก็บรักษาป่าถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกัน ภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่านำไปสู่การตัดไม้ทำลายป่าประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของที่ดักความร้อนปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก อินโดนีเซียได้สัญญาว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยร้อยละ 26 จากระดับปัจจุบันในปี 2020 ระหว่าง 50 และ 60000000000000 รูเปียห์ (ระหว่าง 5500000000 6.6 พันล้านดอลลาร์) ในการลงทุนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโครงการและ 36 บริษัท ในประเทศและต่างประเทศได้แสดงความ ความสนใจที่จะนำเงินในรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร Bayu Krisnamurthi กล่าวKrisnamurthi กล่าวว่าอสังหาริมทรัพย์อาหารที่คาดว่าจะผลิต 1 ล้านตันข้าวเป็นประจำทุกปีและ 800,000 ถึง 1.2 ล้านตันของน้ำตาล อินโดนีเซียผลิตประมาณ 60 ล้านตันต่อปีข้าวชาวนาสหภาพอินโดนีเซียกล่าวว่าวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของขนาดเล็กเกษตรกรปาปัวจะถูกคุกคามในการเผชิญกับขนาดใหญ่ของรัฐอุดหนุนในเชิงพาณิชย์ของการเกษตร"อินโดนีเซียต้องการความปลอดภัยของอาหาร แต่ วิธีการเพื่อให้บรรลุมันควรจะเป็นโดยการเสริมสร้างศักยภาพของเกษตรกรไม่ได้โดยใช้วิธีการขององค์กร "กล่าวว่าอาห์หมัด Ya'kub หัวของสหภาพของการศึกษาเชิงกลยุทธ์"มันเป็นอันตรายสำหรับประเทศที่มีขนาดใหญ่เท่าประเทศอินโดนีเซียที่จะออกจากการจัดหาอาหารให้กับ บริษัท เอกชน "เขากล่าวว่าอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกที่มี 230 ล้านคนและปกคลุมไปด้วยป่าปาปัวเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดของเกี่ยวกับ 36 เปอร์เซ็นต์ของปาปัวของ 2.6 ล้านประชากรอาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนกับอัตราความยากจนแห่งชาติของร้อยละ 14 ตามสถิติของรัฐบาลอินโดนีเซียกลุ่มสิ่งแวดล้อมชั้นนำ walhi กล่าวว่าอสังหาริมทรัพย์ยังจะคุกคามระบบนิเวศ"แปลงป่าขนาดใหญ่ใน Merauke เด่นที่ราบลุ่มและหนองน้ำอาจทำให้เกิด Merauke จะสูญเสียพื้นที่ที่ดิน" ก็กล่าวว่า"การลดลงของป่าและน้ำในพื้นที่กักเก็บน้ำอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนและการบุกรุกได้เร็วขึ้นของน้ำทะเลไปยังดินแดน." walhi กล่าวว่าโครงการที่คล้ายกันในประเทศบราซิลได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นพิษในหมู่ประชากรที่เกิดจากการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชพ่นจากเครื่องบินปาปัว ยังเป็นบ้านที่ก่อจลาจลดินแดนในระดับต่ำและได้เห็นการระบาดเป็นระยะ ๆ ของทางการเมืองและความรุนแรงทางเชื้อชาติในทีมทนายปาปัวตะวันตกกดดันกลุ่มกล่าวว่าโครงการที่คาดว่าจะเพิ่มประชากร Merauke จาก 175,000 ถึง 800,000 มันเตือนว่าการไหลเข้าของไม่ Papuans จากภูมิภาคอื่น ๆ ของอินโดนีเซียสามารถจุดประกายความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ดังกล่าว "ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะที่ประชากรในประเทศชายขอบใน homelands ของตัวเองเป็นโปรแกรมการสนับสนุนของรัฐบาลสนับสนุนการอพยพภายในข้อเสียของชาวบ้าน" กลุ่มกล่าวว่า .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อสังหาริมทรัพย์โครงการอาหารอินโดนีเซียประกายไฟสิ่งแวดล้อมความกังวล -- คุณลักษณะ
29 มีนาคม 2553

นักข่าวที่มา earthtimes Ahmad pathoni
จาการ์ตา - อินโดนีเซียทะเยอทะยานมีแผนเปลี่ยน swathes ขนาดใหญ่ของที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ในเขตสุดทิศตะวันออกของปาปัวในอาหาร อสังหาริมทรัพย์ ได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการทำลายป่าที่มีศักยภาพและทำให้ไม่มีความสำคัญของเกษตรกรรายย่อย .

ภายใต้โครงการ คาดว่าจะเริ่มในปีนี้1.6 ล้านไร่ของที่ดินในเมราอูเกเขตจะเป็นแปลงปลูกพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง น้ำตาล น้ำมันปาล์ม เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลที่จะลดการพึ่งพาการนำเข้าและเปิดอินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตอาหารของโลก ด้านรัฐมนตรี

สำหรับเศรษฐกิจตตา radjasa ยืนยันว่าโครงการจะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ,และกล่าวว่าเพียง unforested ที่ดินจะแปลง

" เราจะใช้ scrubland ดังนั้นป่าต้องยังคงเหมือนเดิมและบุกรุกพื้นที่จะปลูก " เขากล่าวเพิ่มว่ารายละเอียดยังถูกทำงานออก

แต่ greenomics อินโดนีเซีย กลุ่มสิ่งแวดล้อมเตือนว่าแผนจะครอบคลุมการตัดไม้ทำลายป่า ขนาดใหญ่ เพราะ อสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะตัดลึกเข้าไปในป่า .

" รัฐบาลต้องการล้านไร่ สำหรับโครงการนี้ กล่าวว่า greenomics กรรมการบริหาร elfian effendy ” จะไม่มีที่ดิน ขนาดว่าถ้ามันมีพื้นที่ป่า "

greenomics กล่าวว่าร้อยละ 95 ของเมราอูเกเป็นป่าไม้ มีป่าไม้การผลิตครอบคลุมเพียงเล็กน้อยกว่า 360 , 000 ไร่ กระจายอยู่ในสถานที่แตกต่างกัน

รักษาป่าจะเห็นเป็นคีย์เพื่อหลีกเลี่ยงนักวิทยาศาสตร์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภัยพิบัติและพูดแทนนักประมาณร้อยละ 15 ของโลก ความร้อน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก . อินโดนีเซียมีสัญญาว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดย 26 เปอร์เซ็นต์จากระดับปัจจุบันโดย 2020 .

ระหว่าง 50 และ 60 ล้านล้านรูเปียห์ ( ระหว่าง 5.5 พันล้านดอลลาร์ และ 6 .6 พันล้านดอลลาร์ในการลงทุนที่จำเป็นสำหรับโครงการ และ บริษัท ในประเทศและต่างประเทศ 36 ได้แสดงความสนใจที่จะนำเงินใน รมช. เกษตร บายู krisnamurthi บอกว่า

krisnamurthi บอกว่าอาหารอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะผลิต 1 ล้านตันของข้าวเป็นรายปี และ 800000 1.2 ล้านตันน้ำตาล อินโดนีเซียผลิตข้าวประมาณ 60 ล้านตันต่อปี

สหภาพชาวนาอินโดนีเซียกล่าวว่า วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของเกษตรกรรายย่อยปาปวนจะถูกคุกคามในหน้าของขนาดใหญ่ รัฐอุดหนุน commercialisation ของเกษตร

" อินโดนีเซียต้องการความมั่นคงด้านอาหาร แต่วิธีการเพื่อให้บรรลุมันควรแก่เกษตรกร โดยไม่ใช้วิธี บริษัท กล่าวว่า นาย ya'kub , สหภาพของหัวของยุทธศาสตร์ศึกษา .

" มันเป็นสิ่งที่อันตรายสำหรับประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอินโดนีเซียไปจัดหาอาหารให้แก่บริษัทเอกชน , " เขากล่าว .

อินโดนีเซียเป็นโลกที่มีประชากรในประเทศที่มีมากที่สุดที่สี่ 230 ล้านคนและป่าของปาปัวนิวกินีเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุด

ประมาณ 36 เปอร์เซ็นต์ของปาปัวนิวกินีเป็น 2.6 ล้านประชากรที่อาศัยอยู่ใต้เส้นความยากจนกับอัตราความยากจนแห่งชาติ 14 เปอร์เซ็นต์ตามสถิติของรัฐบาล

อินโดนีเซียนำสิ่งแวดล้อมกลุ่มวาลฮีกล่าวว่าอสังหาริมทรัพย์จะยังคุกคามระบบนิเวศ

" ป่าแปลงขนาดใหญ่ในเมราอูเก , ครอบงำโดยที่ลุ่มหนองน้ำและอาจทำให้สูญเสียพื้นที่ของเมราอูเก " มันพูด

" ลดพื้นที่ป่าและน้ำ อาจส่งผลให้เกิดการเสียดสีและเร็วขึ้นการบุกรุกของน้ำทะเลเพื่อแผ่นดิน "

วาลฮีกล่าวว่าโครงการที่คล้ายกันในบราซิลได้เกิดความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม และพิษของประชากรที่เกิดจากการใช้สารกำจัดวัชพืชฉีดจากเครื่องบิน

ปาปัวนิวกินียังบ้านระดับล่างของการจลาจลและได้เห็นเป็นระยะๆ ทางการเมืองและเชื้อชาติความรุนแรง

เวสต์ปาปัว ผู้สนับสนุนทีม กลุ่มกดดันกล่าวว่าโครงการที่คาดว่าจะเพิ่มประชากรเมราอูเกจาก 175 , 000 ถึง 800000 . มันเตือนว่า การไหลเข้าของที่ไม่ใช่ภาษาปาปัวนิวกีนีจากภูมิภาคอื่น ๆ ของอินโดนีเซียอาจจุดประกายความขัดแย้งทางเชื้อชาติ

เช่น " ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นประชากรท้องถิ่นถูกกีดกันในตนเองถิ่นที่รัฐบาลสนับสนุนโปรแกรมโปรดปรานภายในผู้อพยพข้อเสียของชาว " กลุ่มกล่าวว่า