The brand love (BL) paradigm combin

The brand love (BL) paradigm combines the emotional attachment theory with consumer behavior studies, revolving around the impact of deep-seated emotions on consumer-brand relationships. Researchers of this paradigm conceptualize and empirically verify the consumer’s passionate love for the brand is the primary driver of brand loyalty. In a series of research projects, Roberts (2004), Ahuvia (2005) and Thomson et al. (2005) systematically analyze how and why passionate love can lead to strong and long-lasting brand loyalty. Besides, Whang et al. (2004) report empirical
verification on brand love as an essential factor in enhancing brand loyalty; three dimensions of such love are proposed: passion, possessiveness and altruism. Of late, brand marketing scholars including Carroll and Ahuvia (2006), Albert et al. (2008), Fedorikhin et al. (2008), Park et al. (2009) and Carlson et al. (2009) report findings that prove passionate love for the brand originates from brand attachment and predicts brand loyalty; the passionate love that the consumer feels for the brand is found metaphorically analogous to the romantic love existing in interpersonal relationships. Such analogy points to the possibility of transforming a brand relationship into a romantic relationship in which the consumer becomes so strongly attached to the brand that he or she is durably loyal to it.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กระบวนทัศน์ความรัก (BL) แบรนด์รวมทฤษฎีอารมณ์แนบกับศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค หมุนรอบผลกระทบของอารมณ์ฝังลึกในความสัมพันธ์ของผู้บริโภคแบรนด์ นักวิจัยของกระบวนทัศน์นี้ conceptualize และ empirically ตรวจสอบไดรเวอร์หลักของแบรนด์สมาชิกเป็นผู้บริโภคที่รักหลงใหลในแบรนด์ ในชุดโครงการวิจัย โรเบิตส์ (2004), Ahuvia (2005) และทอมสันและ al. (2005) ระบบวิเคราะห์วิธีการ และเหตุผลรักหลงใหลอาจทำให้แบรนด์แข็งแรง และยาวนานสมาชิก นอกจาก Whang et al. (2004) รายงานผลตรวจสอบในความรักของแบรนด์เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มแบรนด์สมาชิก สามมิติของความรักดังกล่าวมีการนำเสนอ: เสาวรส possessiveness และ altruism ของสาย คาร์และ Ahuvia (2006) นักวิชาการ การตลาดแบรนด์อัลเบิร์ต et al. (2008), Fedorikhin et al. (2008), พาร์ค et al. (2009) และ al. et คาร์ลสัน (2009) รายงานผลการวิจัยที่พิสูจน์ความรักหลงใหลแบรนด์มาแนบแบรนด์ และแบรนด์สมาชิก ทำนาย รักหลงใหลที่ผู้บริโภครู้สึกสำหรับแบรนด์ที่อยู่คู่ metaphorically กับความรักโรแมนติกที่มีอยู่ในมนุษยสัมพันธ์ เปรียบเทียบดังกล่าวไปเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ที่โรแมนติกที่ผู้บริโภคกลายเป็นอย่างยิ่งดังนั้นแนบกับแบรนด์ว่า เขาหรือเธอจะซื่อตรง durably จะเปลี่ยนความสัมพันธ์แบรนด์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รักแบรนด์ (BL) กระบวนทัศน์รวมทฤษฎีที่แนบมาทางอารมณ์กับการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคโคจรรอบผลกระทบของอารมณ์ความรู้สึกฝังลึกในความสัมพันธ์ของผู้บริโภคแบรนด์ นักวิจัยของกระบวนทัศน์นี้กรอบความคิดและสังเกตุตรวจสอบความรักความรักของผู้บริโภคสำหรับแบรนด์เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของความภักดีแบรนด์ ในชุดของโครงการวิจัย, โรเบิร์ต (2004), Ahuvia (2005) และทอมสันและคณะ (2005) ระบบวิเคราะห์วิธีการและเหตุผลความรักความรักจะนำไปสู่ความภักดีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและยาวนาน นอกจากนี้ยังมีวังและคณะ (2004) รายงานการทดลอง
การตรวจสอบเกี่ยวกับความรักแบรนด์เป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความภักดีแบรนด์; สามมิติของความรักที่จะเสนอ: ความรักมีการยึดติดและไม่เห็นแก่ตัว ของปลายแบรนด์การตลาดรวมทั้งนักวิชาการและแครอล Ahuvia (2006), อัลเบิร์และคณะ (2008), Fedorikhin และคณะ (2008), สวนสาธารณะและคณะ (2009) และคาร์ลสันและคณะ (2009) รายงานผลที่พิสูจน์ความรักความรักสำหรับแบรนด์มาจากสิ่งที่แนบมาของแบรนด์และการคาดการณ์ความภักดีแบรนด์; ความรักความรักที่ผู้บริโภครู้สึกสำหรับแบรนด์ที่พบคล้ายเปรียบเทียบกับรักโรแมนติกที่มีอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล จุดเปรียบเทียบดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปได้ของความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแบรนด์สู่ความสัมพันธ์ที่โรแมนติกที่จะกลายเป็นผู้บริโภคเพื่อให้แนบมั่นแบรนด์ที่เขาหรือเธอจะทนทานซื่อสัตย์กับมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ยี่ห้อที่ชอบ ( BL ) กระบวนทัศน์รวมสิ่งที่แนบทางอารมณ์กับพฤติกรรมผู้บริโภค ทฤษฎีการศึกษา หมุนเวียนรอบผลกระทบของอารมณ์ฝังลึกในความสัมพันธ์กับแบรนด์ของผู้บริโภค นักวิจัยของกระบวนทัศน์นี้คิดว่าใช้ของผู้บริโภคและตรวจสอบความรักสำหรับแบรนด์เป็นโปรแกรมควบคุมหลักของความภักดีแบรนด์ ในชุดโครงการวิจัย โรเบิร์ต ( 2004 )ahuvia ( 2005 ) และทอมสัน et al . ( 2005 ) เพื่อวิเคราะห์ว่าทำไมความรักทำให้แข็งแรง และความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว นอกจากนี้ หวาง et al . ( 2004 ) รายงานผลการตรวจสอบต่อความรัก
แบรนด์เป็นปัจจัยสําคัญในการเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ สามมิติของความรักเช่นเสนอความรักถึงความเป็นเจ้าของ และความไม่เห็นแก่ตัว . สายมากแล้วแบรนด์การตลาดและนักวิชาการรวมทั้ง คาร์โรลล์ ahuvia ( 2006 ) , อัล et al . ( 2008 ) , fedorikhin et al . ( 2008 ) , ปาร์ค et al . ( 2009 ) และ คาร์ลสัน et al . ( 2009 ) รายงานผลการวิจัยที่พิสูจน์ความรักสำหรับแบรนด์ที่มาจากความผูกพันและภักดีในตราสินค้าแบรนด์คาดการณ์ ;กระตือรือร้นรักที่ผู้บริโภครู้สึกสำหรับแบรนด์พบเปรียบเทียบว่าคล้ายคลึงกับโรแมนติกความรักที่มีอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล จุดที่คล้ายคลึง เช่น ความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแบรนด์ความสัมพันธ์ในความสัมพันธ์ที่โรแมนติกที่ผู้บริโภคจะดังนั้นมีความผูกพันธ์กับแบรนด์ที่เขาหรือเธออย่างถาวรซื่อสัตย์กับมัน