The identification of coagulase-neg

The identification of coagulase-negative staphylococci (CNS) causing ovine infections
remains problematic, although these bacteria are considered the main etiologic agents of
subclinicalmastitis in sheep and goats. In this study, 226 CNS isolates were collected from
2201 milking sarda sheep belonging to 15 flocks with high somatic cell count scores. All
isolates were subjected to identification with the API Staph ID test, and then to the
amplification of staphylococcal 16S rRNA and gap genes by PCR assays. The gap gene was
subjected to restriction fragment length polymorphism analysis with the restriction
endonuclease AluI, whereas the 16S rRNA gene was subjected to ribosomal fingerprinting
with the restriction endonucleases RsaI, PstI and AluI. When PCR–RFLP patterns of CNS
isolates were different from those of their reference strains, gap gene amplicons were
sequenced for definitive identification. The API Staph ID test, in alternative to the
genotypic identification method, produced considerably different results in terms of
species identified within each group. Using the PCR–RFLP assay, most of the isolates
clustered together with the Staphylococcus epidermidis type strain (131, corresponding to
57.9%), followed by S. caprae (34, corresponding to 15%) and S. chromogenes (30,
corresponding to 13.2%). In conclusion, the PCR–RFLP assay of 16S rRNA and gap genes is a
more reliable and reproducible method than the API Staph ID test for the identification of
CNS causing sheep mastitis.
 2010 Elsevier

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บัตรประจำตัวของเชื้อ coagulase ลบ (CNS)
ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อแกะยังคงมีปัญหาแม้ว่าแบคทีเรียเหล่านี้ถือว่าเป็นเชื้อที่เป็นสาเหตุหลักของการ
subclinicalmastitis ในแกะและแพะ ในการศึกษานี้ 226 ไอโซเลทระบบประสาทส่วนกลางถูกเก็บรวบรวมจาก
2201 sarda รีดนมแกะที่อยู่ในฝูงที่มี 15 เซลล์ร่างกายสูงนับคะแนน ทุกสายพันธุ์ถูกยัดเยียดให้บัตรประจำตัวที่มี API Staph ID ทดสอบแล้วกับการขยายของstaphylococcal 16S rRNA และยีนที่ทำให้เกิดช่องว่างจากการตรวจ PCR ยีนช่องว่างที่ถูกยัดเยียดให้ส่วนข้อ จำกัด การวิเคราะห์ความแตกต่างที่มีระยะเวลาในข้อ จำกัด endonuclease AluI ขณะที่ยีน 16S rRNA ได้ภายใต้การพิมพ์ลายนิ้วมือโซมอลที่มีข้อจำกัด endonucleases RsaI, PstI และ AluI เมื่อรูปแบบ PCR-RFLP ของระบบประสาทส่วนกลางที่แยกได้แตกต่างจากสายพันธุ์อ้างอิงของพวกเขาamplicons ยีนช่องว่างที่ถูกจัดลำดับสำหรับการระบุที่ชัดเจน API จะ Staph ID ทดสอบในทางเลือกที่จะวิธีการระบุพันธุกรรมผลิตผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมากในแง่ของชนิดที่ระบุในแต่ละกลุ่ม โดยใช้การทดสอบ PCR-RFLP ส่วนใหญ่ของเชื้อคลัสเตอร์ร่วมกับสายพันธุ์ชนิดเชื้อStaphylococcus epidermidis (131 สอดคล้องกับ57.9%) ตามด้วยเอส caprae (34 สอดคล้องกับ 15%) และเอส chromogenes (30 สอดคล้องกับ 13.2%) สรุปได้ว่าการทดสอบ PCR-RFLP ของ 16S rRNA และยีนที่ทำให้เกิดช่องว่างเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้มากขึ้นและทำซ้ำได้กว่าAPI Staph ID ทดสอบสำหรับบัตรประจำตัวของระบบประสาทส่วนกลางที่ก่อให้เกิดโรคเต้านมอักเสบแกะ.? เอลส์ 2010

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตัวของลูกเมียและลบ ( CNS ) ก่อให้เกิดการติดเชื้อ ovine
ยังคงมีปัญหา แม้ว่าแบคทีเรียเหล่านี้ถือว่าเป็น etiologic ตัวแทนหลักของ
subclinicalmastitis ในแกะและแพะ ในการศึกษานี้ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 226 คมช.
1 รีดนมแกะของซาร์ด 15 ฝูงที่มีเซลล์โซมาคะแนน ทั้งหมด
สายพันธุ์จะถูกระบุด้วย API 10 ID ทดสอบแล้วเพื่อการสื่อสารและ 16S rRNA
staphylococcal ช่องว่างโดยวิธี PCR พบยีน . ช่องว่างของ
ภายใต้ข้อจำกัด fragment length polymorphism การวิเคราะห์กับการจำกัด
เอนโดนิวคลีเอสจะ ส่วนเบส 16S rRNA ยีนไรโบโซมอล
กับลายภายใต้ข้อจำกัดและสงบเงียบ rsai โคลนจะ .เมื่อรูปแบบของ CNS
: PCR ) ไอโซเลทที่แตกต่างจากสายพันธุ์อ้างอิงของยีนมีช่องว่าง amplicons
ลำดับสำหรับการล่าสุด API 10 ID ทดสอบ ทางเลือก
เอกลักษณ์ทางพันธุกรรมที่แตกต่างกันมาก ผลลัพธ์ในแง่ของ
ชนิดระบุภายในแต่ละกลุ่ม การใช้เทคนิค RFLP ซึ่งโดยส่วนใหญ่ของสายพันธุ์
เป็นกลุ่มร่วมกับอาหารประเภทแบคทีเรียสายพันธุ์ ( 131 , สอดคล้องกับโครงการ
% ) รองลงมาคือ เอส caprae ( 34 ที่ 15% ) และ S . chromogenes ( 30
ที่ร้อยละ 13.2 ) สรุป โดยรวมของ 16S rRNA เพื่อการทดสอบและช่องว่างยีนเป็น
ที่เชื่อถือได้มากขึ้นและถอดแบบมากกว่าวิธี API 10 ID ทดสอบเพื่อระบุตัวตนของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เต้านมอักเสบ

 2010 จากแกะ