ขึ้นชื่อว่า“หนังสือ”เชื่อแน่ว่าคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรอกว่า หนังสือคือประตูนำเข้าสู่โลกรู้แจ้งเห็นจริง ชาวนาผู้หนึ่งอยู่ไกลโพ้นแห่งมหานครของชาติตน แต่เขาสามารถรู้หลาย ๆสิ่งหลาย ๆอย่างเกี่ยวกับเมืองหลวงของเขา หากเขาได้อ่านได้ศึกษาหนังสือเกี่ยวกับมหานครแห่งนั้น“หนังสือคือประตูสู่โลกกว้าง” คือนิยามแห่งสัจจะในยุคโลกาภิวัตน์ คนแก่คนเก่าท่านเคยอบรมสั่งสอนลูกหลานของท่านว่า “ถ้าอยากมีความรู้ ต้องหมั่นอ่านหนังสือหนังหา ถ้าอยากมีวิชาให้หมั่นร่ำหมั่นเรียน” จากคำกล่าวนี้ ข้าพเจ้าใคร่ขอนำเอาคำกล่าวมาแยกชี้แนะให้เข้าใจแจ่มแจ้งแห่งความเป็นไปได้
คำว่า“ถ้าอยากมีความรู้ต้องหมั่นอ่านหนังสือหนังหา”ตามปกติแล้วคนเราไม่ว่าใครก็ตามก็ย่อมรู้จักหนังสือ และเคยอ่านหนังสือ แต่คนเราจะอ่านแต่เพียงหนังสือที่มีอยู่เพียงอย่างเดียวคงไม่พอแน่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่น่าจะนำ ไปสู่โลกกว้างอีกทางหนึ่งก็คือการอ่าน“หนังหา”โดยข้าพเจ้าขอแยกแยะ
ความหมายของคำว่า “หนังหา” ไว้ดังนี้ คือ หนังหาน่าจะมาจากคำว่า “หนังสือบวกกับคำว่าแสวงหา” เมื่อหนังสือกับการแสวงหามารวมกันจึงเป็นหนังหา ทีนี้เรามาดูความหมายของคำว่า “หนังสือหนังหา” กัน หนังสือหนังหา หมายถึง หนังสือที่เราต้องการศึกษา แล้วเราก็แสวงหามา เพื่อความรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งนั้น ๆ นั่นคือเราอยากทราบเรื่องอะไร ก็หาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนั้นมาอ่านมาศึกษา แล้วเราก็จะรู้ในสิ่งที่เราต้องการ การหาหนังสือมาอ่านนั้นทุกวันนี้หาได้ง่ายมาก เช่น ซื้อจากร้าน ขายหนังสือทั่ว ๆไป หรือถ้าไม่มีงบในการซื้อก็ไม่ยาก เพราะทุกวันนี้ห้องสมุดมีเป็นจำนวนมากสามารถเข้าไปอ่านหนังสือได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ