ในปัจจุบันมีการผลิตเหรียญกษาปณ์อยู่ทั้งหมด 9 ชนิดคือ เหรียญ 1, 5, 10, 25 และ 50 สตางค์, 1, 2, 5 และ 10 บาท โดยเหรียญ 25 และ 50 สตางค์, 1, 2, 5 และ 10 บาท เป็นเหรียญที่ออกใช้หมุนเวียนทั่วไป ส่วนเหรียญ 1, 5 และ 10 สตางค์ ไม่ได้ออกใช้หมุนเวียนทั่วไป แต่ใช้ภายในธนาคารเท่านั้น
แต่ในปัจจุบันได้เกิดปัญหาราคาวัตถุดิบในการผลิตเหรียญสูงกว่าราคาเหรียญ ทำให้เกิดการลักลอบหลอมเหรียญไปขาย หรือบางครั้งก็เกิดปัญหาการใช้เหรียญผิด เพราะรูปร่างและสีของเหรียญบางชนิดนั้นคล้ายกัน (เช่น เหรียญ 1 บาท กับ เหรียญ 2 บาท แบบเก่า) ดังนั้น ใน พ.ศ. 2552 กระทรวงการคลัง ได้เปลี่ยนแปลงวัตถุดิบในการผลิตเหรียญบางชนิด เพื่อป้องกันการหลอมเหรียญ สร้างความแตกต่างของเหรียญ และลดความยุ่งยากในการใช้เหรียญเ
ในปัจจุบันมีการผลิตเหรียญกษาปณ์อยู่ทั้งหมด 9 ชนิดคือเหรียญ 1, 5, 10, 25 และ 50 สตางค์ 1, 2, 5 และ 10 บาทต่อโดยเหรียญ 25 และ 50 สตางค์ 1, 2, 5 และ 10 บาทเป็นเหรียญที่ออกใช้หมุนเวียนทั่วไปส่วนเหรียญ 1, 5 และ 10 สตางค์ไม่ได้ออกใช้หมุนเวียนทั่วไปแต่ใช้ภายในธนาคารเท่านั้นแต่ในปัจจุบันได้เกิดปัญหาราคาวัตถุดิบในการผลิตเหรียญสูงกว่าราคาเหรียญทำให้เกิดการลักลอบหลอมเหรียญไปขายหรือบางครั้งก็เกิดปัญหาการใช้เหรียญผิดเพราะรูปร่างและสีของเหรียญบางชนิดนั้นคล้ายกัน (เช่นเหรียญ 1 บาทต่อดื่มด่ำเหรียญ 2 บาทแบบเก่า) ดังนั้นในพ.ศ. 2552 กระทรวงการคลังได้เปลี่ยนแปลงวัตถุดิบในการผลิตเหรียญบางชนิดเพื่อป้องกันการหลอมเหรียญสร้างความแตกต่างของเหรียญและลดความยุ่งยากในการใช้เหรียญเ
การแปล กรุณารอสักครู่..

9 ชนิดคือเหรียญ 1, 5, 10, 25 และ 50 สตางค์, 1, 2, 5 และ 10 บาทโดยเหรียญ 25 และ 50 สตางค์, 1, 2, 5 และ 10 บาท ส่วนเหรียญ 1, 5 และ 10 สตางค์ไม่ได้ออกใช้หมุนเวียนทั่วไป ทำให้เกิดการลักลอบหลอมเหรียญไปขาย (เช่นเหรียญ 1 บาทกับเหรียญ 2 บาทแบบเก่า) ดังนั้นใน พ.ศ. 2552 กระทรวงการคลัง เพื่อป้องกันการหลอมเหรียญสร้างความแตก ต่างของเหรียญและลดความยุ่งยากในการใช้เหรียญเ
การแปล กรุณารอสักครู่..
