In the present study, pathogenecity

In the present study, pathogenecity test was
performed to determine the pathogenic potential of four
strains of F. oxysporum. The results depicted that all the
strains had the potency to induce wilt as all of the strains
caused more or less typical symptoms on plants. Among
these, F. oxysporum strain B induced maximum
characteristic symptoms of wilt and plants died within
few days of inoculation. These results were found in
agreement with the work conducted by Mahmood (2010)
who reported the same trend of disease development in
tomato by A. alternata.
To evaluate the antifungal potential of methanol
extracts of leaves, bark and fruit of E. citriodora, ten
different concentrations of extract of each plant part
exhibited markedly variable antagonistic activities against
the pathogen In vitro conditions. The relative intensity of
this effect however varied with the extract type, as well as
the particular concentration of the extract employed.
There are other evidences showing similar effects against
known pathogenic fungi (Khan et al., 1998; Shafique &
Shafique, 2008; Baraka et al., 2011), which further
confirm the presence of antifungal agents in the test
species. Similarly, Shafique et al. (2006) reported 60%
reduction in incidence of Alternaria alternata on wheat
due to aqueous leaf extract of C. album. In contemporary
studies, Bajwa et al. (2007) evaluated antifungal activity
of aqueous and n-hexane shoot extracts of Aloe vera
against few pathogenic species viz., Alternaria alternata,
A. citri and A. tenuissima. They reported that the
inhibitory effect was found to be variable with the applied
concentrations and caused a significant inhibition in
biomass production of test fungi.
Presently, among the three plant parts of E. citriodora
tested, leaf extract was evidenced as the best in subduing the
growth of F. oxysporum up to 98 to 99% followed by fruit
and bark extracts. The difference in the fungicidal activity of
the extracts of different parts of E. citriodora could probably
be due to the different types and/or different amounts of
chemical constituents in the varied types of extracts. A highperformance
liquid chromatography analysis by Kowthar et
al. (2011) showed that the following acids; caffeic, ferulic,
coumaric, benzoic, vanelic, chlorogenic, and hydroxybenzoic
were present in Eucalyptus extracts which may be
responsible for the fungicidal activity of the plant. Another
phytochemical analysis of the leaf extracts revealed the
presence of anthraquinones, cardiac glycosides, flavonoids,
saponins and tannins (Bhagat, 2012). Among the various
components of eucalyptus, 1, 8-cineole is the most important
one and, in fact, a characteristic compound of the genus
Eucalyptus, and is largely responsible for a variety of its
pesticide properties (Duke, 2004). Su et al. (2006)
demonstrated the antifungal activity of essential oils from
Eucalyptus grandis, E. camaldulensis, and E. citriodora
against the mildew and wood rot fungi viz. Aspergillus
clavatus, A. niger, Chaetomium globosum, Cladosporium
cladosporioides, Myrothecium verrucaria, Penicillium
citrinum, Trichoderma viride, Trametes versicolor,
Phanerochaete chrysosporium, Phaeolus schweinitzii and
Lenzites sulphureus. Based on the study, the authors opined
that essential oil from E. citriodora could be an excellent
choice as a wood preservative and preservation of leather
goods and wood artifacts. In a similar kind of research work
conducted by Suleiman & coworkers (2008) they mentioned
that vegetative growth of Fusarium sp. at different
concentrations of Senna alata extract were generally low
compared to control. All the leaf extracts were effective in
the reduction of the incidence of soil-borne pathogenic fungi
tested except extracts from spearmint that did not give

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการศึกษาการทดสอบก่อให้เกิดโรคได้รับการดำเนินการเพื่อตรวจสอบศักยภาพที่ทำให้เกิดโรคในสี่สายพันธุ์ของเอฟoxysporum ผลปรากฎว่าทุกสายพันธุ์ที่มีความแข็งแรงที่จะทำให้เกิดโรคเหี่ยวเป็นทั้งหมดของสายพันธุ์ที่เกิดจากอาการมากหรือน้อยกว่าปกติในพืช ท่ามกลางเหล่านี้ F. oxysporum สายพันธุ์ B สูงสุดเหนี่ยวนำให้เกิดลักษณะอาการของโรคเหี่ยวและพืชตายภายในไม่กี่วันของการฉีดวัคซีน ผลลัพธ์เหล่านี้ถูกพบอยู่ในข้อตกลงกับงานที่ดำเนินการโดยลอย (2010) ที่มีการรายงานแนวโน้มเดียวกันของการพัฒนาของโรคในมะเขือเทศโดย A. alternata. เพื่อประเมินศักยภาพของเชื้อราเมทานอลสารสกัดจากใบเปลือกไม้และผลไม้ของอี citriodora สิบ ความเข้มข้นของสารสกัดที่แตกต่างกันของแต่ละส่วนของพืชแสดงกิจกรรมปฏิปักษ์ตัวแปรอย่างเห็นได้ชัดกับการติดเชื้อในสภาพหลอดทดลอง ความเข้มของญาติของผลกระทบนี้แต่แตกต่างกันที่มีประเภทสารสกัดเช่นเดียวกับ. ความเข้มข้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งของสารสกัดที่ใช้มีหลักฐานอื่นที่แสดงให้เห็นผลกระทบที่คล้ายกับเป็นเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคที่รู้จักกัน(Khan, et al, 1998;. Shafique และShafique 2008; Baraka et al., 2011) ซึ่งต่อไปยืนยันต่อหน้าตัวแทนต้านเชื้อราในการทดสอบสายพันธุ์ ในทำนองเดียวกัน Shafique et al, (2006) รายงาน 60% ในการลดอุบัติการณ์ของ Alternaria alternata ข้าวสาลีเนื่องจากการสารสกัดจากใบน้ำของอัลบั้มซี ร่วมสมัยในการศึกษา Bajwa et al, (2007) การประเมินผลกิจกรรมต้านเชื้อราของน้ำและเฮกเซนสารสกัดยิงของว่านหางจระเข้กับสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคไม่กี่ได้แก่ . Alternaria alternata, A. citri และ tenuissima เอ พวกเขาได้รายงานว่าผลยับยั้งพบว่าตัวแปรที่มีการใช้ความเข้มข้นและทำให้เกิดการยับยั้งที่สำคัญในการผลิตมวลชีวภาพของเชื้อราทดสอบ. ปัจจุบันในสามส่วนต่างๆของพืชของอี citriodora ทดสอบสารสกัดจากใบเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดในการทำให้อ่อนลงการเจริญเติบโตของเอฟ oxysporum ถึง 98-99% ตามด้วยผลไม้และสารสกัดจากเปลือกไม้ ความแตกต่างในกิจกรรมเชื้อราของสารสกัดจากส่วนต่างๆของอี citriodora อาจอาจจะเกิดจากการที่แตกต่างกันและ/ หรือจำนวนเงินที่แตกต่างกันขององค์ประกอบทางเคมีในรูปแบบที่แตกต่างกันของสารสกัด highperformance วิเคราะห์ของเหลว chromatography โดย Kowthar et al, (2011) แสดงให้เห็นว่ากรดดังต่อไปนี้ caffeic, ferulic, coumaric, เบนโซอิก, vanelic, chlorogenic และ hydroxybenzoic มีอยู่ในสารสกัดจากต้นยูคาซึ่งอาจจะเป็นผู้รับผิดชอบในการกิจกรรมเชื้อราของพืช อีกประการหนึ่งการวิเคราะห์พฤกษเคมีของสารสกัดจากใบเผยให้เห็นการปรากฏตัวของแอนทราไซด์การเต้นของหัวใจ, flavonoids, saponins และแทนนิน (Bhagat 2012) ท่ามกลางต่างๆส่วนประกอบของยูคา, 1, 8-cineole เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างใดอย่างหนึ่งและในความเป็นจริงเป็นสารประกอบลักษณะของสกุลยูคาลิปและเป็นส่วนใหญ่รับผิดชอบสำหรับความหลากหลายของคุณสมบัติสารกำจัดศัตรูพืช(ดยุค 2004) ซู et al, (2006) แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมต้านเชื้อราของน้ำมันหอมระเหยจากยูคาลิปแกรนด์ดิอี camaldulensis และอี citriodora กับโรคราน้ำค้างและไม้เน่าเชื้อรา ได้แก่ Aspergillus clavatus ไนเจอร์เอ Chaetomium globosum, Cladosporium cladosporioides, Myrothecium verrucaria, Penicillium citrinum, เชื้อรา Trichoderma viride, Trametes versicolor, Phanerochaete chrysosporium, Phaeolus schweinitzii และLenzites sulphureus จากการศึกษาผู้เขียนเห็นว่าน้ำมันหอมระเหยจากอี citriodora อาจจะเป็นที่ยอดเยี่ยมทางเลือกที่เป็นสารกันบูดไม้และการเก็บรักษาเครื่องหนังสินค้าและสิ่งประดิษฐ์ไม้ ในรูปแบบที่คล้ายกันของงานวิจัยที่ดำเนินการโดยสุไลมานและเพื่อนร่วมงาน (2008) พวกเขากล่าวถึงว่าการเจริญเติบโตของเชื้อราFusarium SP ที่แตกต่างกันมีความเข้มข้นของสารสกัดจากมะขามแขกชุมเห็ดเทศโดยทั่วไปอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับการควบคุม ทั้งหมดสารสกัดจากใบมีประสิทธิภาพในการลดลงของอัตราการเกิดของดินที่เกิดจากเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคที่ทดสอบยกเว้นสารสกัดจากพืชชนิดหนึ่งที่ไม่ได้ให้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

I failed the exam for the first time.I failed the exam for the first time.I failed the exam for the first time.I failed the exam for the first time.I failed the exam for the first time.I failed the exam for the first time.I failed the exam for the first time.I failed the exam for the first time.I failed the exam for the first time.I failed the exam for the first time.