จากเด็กเร่ร่อนที่อาศัยอยู่กับแม่ที่ประกอบอาชีพเก็บขยะขาย ใครจะไปคาคดิด การแปล - จากเด็กเร่ร่อนที่อาศัยอยู่กับแม่ที่ประกอบอาชีพเก็บขยะขาย ใครจะไปคาคดิด ไทย วิธีการพูด

จากเด็กเร่ร่อนที่อาศัยอยู่กับแม่ที่

จากเด็กเร่ร่อนที่อาศัยอยู่กับแม่ที่ประกอบอาชีพเก็บขยะขาย ใครจะไปคาคดิดว่า ในอนาคตข้างหน้าเขาจะสามารถคว้าใบปริญญามาให้แม่ได้ชื่นชมสมใจ หนำซ้ำยังเป็นปริญญาเอกที่ทำให้เด็กชายคนนี้ภูมิใจอย่างที่สุดในฐานะด็อกเตอร์ เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา รายการเจาะใจ ทาง ททบ.5 จึงได้เชิญชายคนนี้มาร่วมพูดคุย ปัจจุบันเขาคืออาจารย์ภาควิชาวิศวอุตสาหการ ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี..."ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ"



จะว่าไปเรื่องราวของอาจารย์กุลชาติก็เหมือนกับนิยายเรื่องหนึ่งที่เริ่มต้นมาด้วยความยากลำบาก แต่เพราะความพยายามและตั้งใจ ทำให้เขาประสบความสำเร็จในตอนท้าย โดยอาจารย์ เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวของเขาเป็นชาวชุมพร เขาจำความได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ว่ามีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เขาเป็นลูกคนที่ 4 คุณพ่อทำงานเป็นคนขับรถทัวร์ ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้าน ชีวิตในช่วงนั้นมีความสุขมาก แต่หลังจากนั้นได้ 2 ปี พ่อกับแม่ก็มีปัญหาทะเลาะกัน เขาเห็นพ่อใช้ค้อนทุบรูปภาพของตัวเองพร้อมกับประกาศว่า "ต่อจากนี้จะไม่มีพ่ออยู่ในบ้านแล้ว" ก่อนที่พ่อจะพาน้องสาวคนเล็กไปด้วย และไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย



หลังจากคุณพ่อและคุณแม่ของอาจารย์แยกทางกัน คุณแม่ซึ่งต้องเลี้ยงดูลูก ๆ อีก 4 คน ไม่มีเงินพอจะเช่าบ้านอยู่ต่อ จึงได้ไปเช่าโกดังเก่า ๆ อยู่ ในราคาเดือนละ 350 บาท พร้อมกับออกไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ต่างจังหวัด เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และส่งเงินกลับมาให้ลูก ๆ เดือนละ 500 บาท เท่ากับว่าในแต่ละเดือน 4 พี่น้องจะมีเงินเหลือใช้เพียงแค่ 150 บาทเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม หลังจากทนความลำบากได้เพียงไม่กี่เดือน พี่สาวคนโต และพี่ชายของอาจารย์ก็ตัดสินใจหนีออกจากโกดังไปใช้ชีวิตเอาดาบหน้า เหลือเพียงเขากับพี่สาวอีกคนที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไป แม้กระทั่งบากหน้าไปขอข้าวข้างบ้านกิน แต่ทำอย่างนี้อยู่เพียงแค่ 2 เดือน ในที่สุด พี่สาวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็หายออกจากบ้านไปอีก ทิ้งอาจารย์ในวัย 6 ขวบ ให้อยู่ที่โกดังเพียงคนเดียว ซึ่งอาจารย์บอกว่า ช่วงนั้นเป็นชีวิตที่มีอิสระมาก เขาเอาแต่นอนทั้งวัน จนหิวถึงได้ลุกไปที่ บขส. เพื่อหาข้าวที่คนกินเหลือประทังความหิว ซึ่งเขาก็ถูกแม่ค้าไล่อยู่บ่อย ๆ จนชิน



อาจารย์ เล่าต่อว่า ในวัยเด็กเขายังเคยไปเดินเร่ร่อนขอเงินจากผู้โดยสารตามท่ารถ ถ้าได้เงินก็จะนำไปซื้อข้าวกิน บ่าย ๆ ก็ไปเล่นเกมกับเพื่อนตามประสาเด็ก ๆ พอตกเย็นก็กลับไปนอนที่โกดัง แต่อยู่ไปสักพัก โกดังก็ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ เพราะไม่มีใครไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ แต่อาจารย์ก็ยังคงอยู่ในโกดังแห่งนั้น ไม่ได้อาบน้ำ แปรงฟัน และไม่กล้าไปเรียน เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงชุดนักเรียนเพียงชุดเดียว ซึ่งสภาพก็ดูมอมแมม ทำให้เพื่อน ๆ ไม่มีใครกล้าคุยด้วย แต่เขาจะเลือกไปโรงเรียนเฉพาะในวันที่โรงเรียนแจกนมถั่วเหลืองเท่านั้น เพราะช่วยคลายความหิวให้ตัวเองได้



ตลอดชีวิตในช่วงวัยเด็ก อาจารย์กุลชาติต้องต่อสู้กับชีวิตมาตลอด ทั้งไปขอข้าวกินตามวัด หรือตามงานเทศกาลต่าง ๆ แม้กระทั่งเป็นเด็กเก็บกระทง เด็กรับใช้วิ่งซื้อของ เรียกว่าทำทุกอย่างไม่ต่างจากเด็กจรจัดทั่วไป แต่ถึงชีวิตจะลำบาก ถูกตำรวจจับก็หลายครั้ง เขาก็ไม่คิดย้ายไปอยู่กับเพื่อนเหมือนกับพี่ชายพี่สาวที่หนีไปก่อนหน้านี้ เหตุผลเดียวก็คือ เขาต้องการรอแม่ เพราะกลัววันใดที่แม่กลับมาแล้ว จะไม่เจอลูก ๆ เหลืออยู่เลยแม้แต่คนเดียว



และหลังจากใช้ชีวิตเพียงลำพังมา 2 ปี ในที่สุด "แม่" ก็กลับมาจริง ๆ และบอกว่าจะไม่ทิ้งลูกไปอีกแล้ว อาจารย์บอกว่า นี่คือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด แม้จะถูกแม่ตีบ่อย ๆ เพราะติดนิสัยไม่ยอมตื่นไปโรงเรียน แต่เขาก็เข้าใจว่า แม่หวังดีเพราะอยากให้เขามีความรู้ ขณะเดียวกัน เขากับแม่ก็ช่วยกันเก็บขยะขายของหาเงินเลี้ยงชีพไปพร้อม ๆ กัน และแม่ก็พร่ำสอนให้เขาเลิกเป็นขโมย



เมื่อถามจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เขาขวนขวายเรียนหนังสือคืออะไร? ดร.กุลชาติ บอกว่า เพราะวันหนึ่งส้วมที่บ้านเต็ม ราดเท่าไหร่ก็ไม่ลง แม่ของเขาตัดสินใจใช้ค้อนทุบบ่อเกรอะด้วยตัวเอง และใช้กระป๋องสีตักสิ่งปฏิกูลยกไปทิ้งทีละถัง ๆ ตลอดทั้งคืน "ผมมองเห็นแม่ทำแบบนั้นทั้งคืน ผมคิดในใจว่าท่านยอมทำขนาดนี้เพื่อลูก เขาแค่อยากให้ผมไปเรียนเอง ตีผมทุกวันเพื่อให้ผมไปเรียน ทำไมผมถึงไม่ยอมไป เทียบแล้วแม่ลำบากกว่าเรามาก ก็เลยตั้งเป้าจะไปเรียนให้ได้" อาจารย์กุลชาติ บอก



หลังจากนั้น ดร.กุลชาติ ก็ปฏิวัติตัวเองใหม่ ตื่นแต่เช้า ออกไปช่วยแม่เก็บขยะตั้งแต่ตี 4 เสร็จสรรพ 7 โมงเช้าก็ไปเข้าห้องเรียน เพื่อตั้งใจเรียนหนังสือ กระทั่งวันหนึ่งความพยายามของเขาก็ประสบความสำเร็จ เมื่อสามารถสอบได้เป็นที่ 5 ของห้อง จากเดิมที่เคยได้ที่โหล่ และยังได้รับทุนเด็กเรียนดีมาช่วยเหลือ ในตอนนั้น ดร.กุลชาติ ตั้งใจจะเรียนสายอาชีพ เพื่อจะเป็นช่างเชื่อม จะได้หาเงินมาเลี้ยงดูแม่



ขณะเดียวกัน นอกจากรายการจะได้เชิญ ดร.กุลชาติ มาร่วมพูดคุยแล้ว ยังได้เชิญคุณแม่ของอาจารย์มาเล่าถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมาด้วย โดยคุณแม่บุษรี จุลเพ็ญ เล่าว่า ที่เน้นย้ำให้ลูกชายต้องเรียนหนังสือ เพราะถูกคนรอบข้างสบประมาทว่า เธอไม่เอาลูกแล้ว ทำให้ลูกเป็นเด็กจรจัด เธอจึงตั้งใจจะเลี้ยงลูกให้ได้ดี เพื่อลบคำสบประมาทดังกล่าว และสิ่งที่จะทำให้ลูกได้ดีได้ก็คือการเรียนหนังสือ



คุณแม่บอกอีกว่า คนส่วนใหญ่มองว่า พวกเขาเป็นคนขี้ขโมย ไม่น่าคบหา ซึ่งเธอก็ได้สอนลูกไปว่า ไม่ต้องอายที่คนมองแบบนั้น แต่เราต้องอยู่ให้ได้ เพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ลูกแค่เป็นเด็กหลงทางไปชั่วขณะเท่านั้นแต่ทว่า หลังจากอาจารย์กุลชาติเรียนจบชั้น ปวช. ก็มาพบว่า คุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกต้องมารักษาตัวที่กรุงเทพมหานคร เหตุการณ์นั้นทำให้เขาตัดสินใจศึกษาระดับชั้น ปวส. ต่อ โดยคิดว่า หากเรียนจบแค่ชั้น ปวช. คงได้เงินเดือนไม่เท่าไหร่ แต่หากเรียนต่อน่าจะได้เงินเดือนมากขึ้น เขาจึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ปวส. ที่สงขลา โดยขอให้แม่ช่วยส่งเสียให้เดือนละ 2,000 บาท แต่เมื่อวันหนึ่ง เขารู้ว่าแม่ส่งเงินให้ไม่ไหวแล้
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
จากเด็กเร่ร่อนที่อาศัยอยู่กับแม่ที่ประกอบอาชีพเก็บขยะขายใครจะไปคาคดิดว่าในอนาคตข้างหน้าเขาจะสามารถคว้าใบปริญญามาให้แม่ได้ชื่นชมสมใจหนำซ้ำยังเป็นปริญญาเอกที่ทำให้เด็กชายคนนี้ภูมิใจอย่างที่สุดในฐานะด็อกเตอร์เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมารายการเจาะใจทางชนิด ททบ.5 จึงได้เชิญชายคนนี้มาร่วมพูดคุยปัจจุบันเขาคืออาจารย์ภาควิชาวิศวอุตสาหการประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี... "ดร.กุลชาติจุลเพ็ญ"จะว่าไปเรื่องราวของอาจารย์กุลชาติก็เหมือนกับนิยายเรื่องหนึ่งที่เริ่มต้นมาด้วยความยากลำบากแต่เพราะความพยายามและตั้งใจทำให้เขาประสบความสำเร็จในตอนท้ายโดยอาจารย์เล่าให้ฟังว่าครอบครัวของเขาเป็นชาวชุมพรเขาจำความได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบว่ามีพี่น้องทั้งหมด 5 คนเขาเป็นลูกคนที่ 4 คุณพ่อทำงานเป็นคนขับรถทัวร์ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้านชีวิตในช่วงนั้นมีความสุขมากแต่หลังจากนั้นได้ 2 ปีพ่อกับแม่ก็มีปัญหาทะเลาะกันเขาเห็นพ่อใช้ค้อนทุบรูปภาพของตัวเองพร้อมกับประกาศว่า "ต่อจากนี้จะไม่มีพ่ออยู่ในบ้านแล้ว" ก่อนที่พ่อจะพาน้องสาวคนเล็กไปด้วยและไม่กลับมาที่บ้านอีกเลยหลังจากคุณพ่อและคุณแม่ของอาจารย์แยกทางกันคุณแม่ซึ่งต้องเลี้ยงดูลูกๆ อีก 4 คนไม่มีเงินพอจะเช่าบ้านอยู่ต่อจึงได้ไปเช่าโกดังเก่าๆ อยู่ในราคาเดือนละ 350 บาทพร้อมกับออกไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ต่างจังหวัดเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและส่งเงินกลับมาให้ลูกๆ เดือนละ 500 บาทเท่ากับว่าในแต่ละเดือน 4 พี่น้องจะมีเงินเหลือใช้เพียงแค่ 150 บาทเท่านั้นอย่างไรก็ตามหลังจากทนความลำบากได้เพียงไม่กี่เดือนพี่สาวคนโตและพี่ชายของอาจารย์ก็ตัดสินใจหนีออกจากโกดังไปใช้ชีวิตเอาดาบหน้าเหลือเพียงเขากับพี่สาวอีกคนที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปแม้กระทั่งบากหน้าไปขอข้าวข้างบ้านกินแต่ทำอย่างนี้อยู่เพียงแค่ 2 เดือนในที่สุดพี่สาวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็หายออกจากบ้านไปอีกทิ้งอาจารย์ในวัย 6 ขวบให้อยู่ที่โกดังเพียงคนเดียวซึ่งอาจารย์บอกว่าช่วงนั้นเป็นชีวิตที่มีอิสระมากเขาเอาแต่นอนทั้งวันจนหิวถึงได้ลุกไปที่บขส เพื่อหาข้าวที่คนกินเหลือประทังความหิวซึ่งเขาก็ถูกแม่ค้าไล่อยู่บ่อยๆ จนชินอาจารย์เล่าต่อว่าในวัยเด็กเขายังเคยไปเดินเร่ร่อนขอเงินจากผู้โดยสารตามท่ารถถ้าได้เงินก็จะนำไปซื้อข้าวกินบ่ายๆ ก็ไปเล่นเกมกับเพื่อนตามประสาเด็กๆ พอตกเย็นก็กลับไปนอนที่โกดังแต่อยู่ไปสักพักโกดังก็ถูกตัดน้ำตัดไฟเพราะไม่มีใครไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟแต่อาจารย์ก็ยังคงอยู่ในโกดังแห่งนั้นไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันและไม่กล้าไปเรียนเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงชุดนักเรียนเพียงชุดเดียวซึ่งสภาพก็ดูมอมแมมทำให้เพื่อนๆ ไม่มีใครกล้าคุยด้วยแต่เขาจะเลือกไปโรงเรียนเฉพาะในวันที่โรงเรียนแจกนมถั่วเหลืองเท่านั้นเพราะช่วยคลายความหิวให้ตัวเองได้ตลอดชีวิตในช่วงวัยเด็กอาจารย์กุลชาติต้องต่อสู้กับชีวิตมาตลอดทั้งไปขอข้าวกินตามวัดหรือตามงานเทศกาลต่างๆ แม้กระทั่งเป็นเด็กเก็บกระทงเด็กรับใช้วิ่งซื้อของเรียกว่าทำทุกอย่างไม่ต่างจากเด็กจรจัดทั่วไปแต่ถึงชีวิตจะลำบากถูกตำรวจจับก็หลายครั้งเขาก็ไม่คิดย้ายไปอยู่กับเพื่อนเหมือนกับพี่ชายพี่สาวที่หนีไปก่อนหน้านี้เหตุผลเดียวก็คือเขาต้องการรอแม่เพราะกลัววันใดที่แม่กลับมาแล้วจะไม่เจอลูกๆ เหลืออยู่เลยแม้แต่คนเดียวและหลังจากใช้ชีวิตเพียงลำพังมา 2 ปีในที่สุด "แม่" ก็กลับมาจริงๆ และบอกว่าจะไม่ทิ้งลูกไปอีกแล้วอาจารย์บอกว่านี่คือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดแม้จะถูกแม่ตีบ่อยๆ เพราะติดนิสัยไม่ยอมตื่นไปโรงเรียนแต่เขาก็เข้าใจว่าแม่หวังดีเพราะอยากให้เขามีความรู้ขณะเดียวกันเขากับแม่ก็ช่วยกันเก็บขยะขายของหาเงินเลี้ยงชีพไปพร้อมๆ กันและแม่ก็พร่ำสอนให้เขาเลิกเป็นขโมยเมื่อถามจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เขาขวนขวายเรียนหนังสือคืออะไร ดร.กุลชาติบอกว่าเพราะวันหนึ่งส้วมที่บ้านเต็มราดเท่าไหร่ก็ไม่ลงแม่ของเขาตัดสินใจใช้ค้อนทุบบ่อเกรอะด้วยตัวเองและใช้กระป๋องสีตักสิ่งปฏิกูลยกไปทิ้งทีละถังๆ ตลอดทั้งคืน "ผมมองเห็นแม่ทำแบบนั้นทั้งคืนผมคิดในใจว่าท่านยอมทำขนาดนี้เพื่อลูกเขาแค่อยากให้ผมไปเรียนเองตีผมทุกวันเพื่อให้ผมไปเรียนทำไมผมถึงไม่ยอมไปเทียบแล้วแม่ลำบากกว่าเรามากก็เลยตั้งเป้าจะไปเรียนให้ได้" อาจารย์กุลชาติบอกหลังจากนั้นดร.กุลชาติก็ปฏิวัติตัวเองใหม่ตื่นแต่เช้าออกไปช่วยแม่เก็บขยะตั้งแต่ตี 4 เสร็จสรรพ 7 โมงเช้าก็ไปเข้าห้องเรียนเพื่อตั้งใจเรียนหนังสือกระทั่งวันหนึ่งความพยายามของเขาก็ประสบความสำเร็จเมื่อสามารถสอบได้เป็นที่ 5 ของห้องจากเดิมที่เคยได้ที่โหล่และยังได้รับทุนเด็กเรียนดีมาช่วยเหลือในตอนนั้นดร.กุลชาติตั้งใจจะเรียนสายอาชีพเพื่อจะเป็นช่างเชื่อมจะได้หาเงินมาเลี้ยงดูแม่ขณะเดียวกันนอกจากรายการจะได้เชิญดร.กุลชาติมาร่วมพูดคุยแล้วยังได้เชิญคุณแม่ของอาจารย์มาเล่าถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมาด้วยโดยคุณแม่บุษรีจุลเพ็ญเล่าว่าที่เน้นย้ำให้ลูกชายต้องเรียนหนังสือเพราะถูกคนรอบข้างสบประมาทว่าเธอไม่เอาลูกแล้วทำให้ลูกเป็นเด็กจรจัดเธอจึงตั้งใจจะเลี้ยงลูกให้ได้ดีเพื่อลบคำสบประมาทดังกล่าวและสิ่งที่จะทำให้ลูกได้ดีได้ก็คือการเรียนหนังสือคุณแม่บอกอีกว่าคนส่วนใหญ่มองว่าพวกเขาเป็นคนขี้ขโมยไม่น่าคบหาซึ่งเธอก็ได้สอนลูกไปว่าไม่ต้องอายที่คนมองแบบนั้นแต่เราต้องอยู่ให้ได้เพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นลูกแค่เป็นเด็กหลงทางไปชั่วขณะเท่านั้นแต่ทว่าหลังจากอาจารย์กุลชาติเรียนจบชั้นปวช ก็มาพบว่าคุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกต้องมารักษาตัวที่กรุงเทพมหานครเหตุการณ์นั้นทำให้เขาตัดสินใจศึกษาระดับชั้นปวส ต่อโดยคิดว่าหากเรียนจบแค่ชั้นปวช คงได้เงินเดือนไม่เท่าไหร่แต่หากเรียนต่อน่าจะได้เงินเดือนมากขึ้นเขาจึงตัดสินใจไปเรียนต่อปวส เขารู้ว่าแม่ส่งเงินให้ไม่ไหวแล้แต่เมื่อวันหนึ่งที่สงขลาโดยขอให้แม่ช่วยส่งเสียให้เดือนละ 2000 บาท
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
จากเด็กเร่ร่อนที่อาศัยอยู่กับแม่ ที่ประกอบอาชีพเก็บขยะขายใครจะไปคาคดิดว่าในอนาคตข้างหน้าเขาจะสามารถคว้าใบปริญญามาให้แม่ได้ชื่นชมสมใจหนำซ้ำยังเป็นปริญญาเอกที่ทำให้เด็กชายคนนี้ภูมิใจอย่าง ที่สุดในฐานะด็อกเตอร์เมื่อวัน ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมารายการเจาะใจทาง ททบ . 5 จึงได้เชิญชายคนนี้มาร่วม พูดคุยปัจจุบันเขาคืออาจารย์ภาควิชาวิศวอุตสาหการประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี .. "ดร. กุลชาติจุลเพ็ญ"



จะว่าไปเรื่องราวของอาจารย์กุลชาติ ก็เหมือนกับนิยายเรื่องหนึ่งที่เริ่มต้นมาด้วยความยากลำบาก แต่เพราะความพยายามและตั้งใจทำให้เขาประสบความสำเร็จในตอนท้ายโดยอาจารย์เล่าให้ฟัง ว่าครอบครัวของเขาเป็นชาวชุมพรเขา จำความได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบว่ามีพี่น้องทั้งหมด 5 คนเขาเป็นลูกคนที่ 4 คุณพ่อทำงานเป็นคนขับรถทัวร์ ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้านชีวิตในช่วงนั้นมีความสุขมาก แต่หลังจาก นั้นได้ 2 ปีพ่อกับแม่ก็มีปัญหาทะเลาะ กันเขาเห็นพ่อใช้ค้อนทุบรูปภาพของตัวเองพร้อมกับประกาศว่า "ต่อจากนี้จะไม่มีพ่ออยู่ใน บ้านแล้ว " ก่อนที่พ่อจะพาน้องสาวคน เล็กไปด้วยและ ไม่กลับมาที่ร้านบ้านอีกเลย



หลังจากที่คุณคุณพ่อและที่คุณคุณคุณแม่ของอาจารย์แยกทางกันที่คุณคุณคุณแม่ซึ่งคุณต้องเลี้ยงดูที่คุณลูก ๆ อีก 4 คนไม่มีเงินพอจะเช่าบ้านอยู่ ต่อจึงได้ไปเช่าโกดังเก่า ๆ อยู่ในราคาเดือนละ 350 บาท พร้อมกับออกไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ ที่ต่างจังหวัดเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและส่งเงินกลับมาให้ลูก ๆ เดือนละ 500 บาทเท่ากับว่าในแต่ละเดือน 4 พี่น้องจะมีเงินเหลือใช้เพียงแค่ 150 บาทเท่านั้น


อย่างไรก็ตามหลังจากคุณทนความสามารถลำบากได้ เพียงไม่กี่เดือนพี่สาวคนโต และพี่ชายของอาจารย์ก็ตัดสินใจหนีออกจากโกดังไปใช้ชีวิตเอาดาบหน้าเหลือเพียงเขากับพี่สาวอีกคนที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปแม้กระทั่งบากหน้าไปขอข้าวข้างบ้านกิน แต่ ทำอย่างนี้อยู่เพียงแค่ 2 เดือนในที่สุดพี่สาวคนสุดท้ายที่ เหลืออยู่ก็หายออกจากบ้านไปอีกทิ้งอาจารย์ในวัย 6 ขวบให้อยู่ที่โกดังเพียงคนเดียว ซึ่งอาจารย์บอกว่าช่วงนั้นเป็นชีวิตที่มีอิสระมากเขา เอาแต่นอนทั้งวันจนหิวถึงได้ ลุกไปที่บขส เพื่อหาคุณข้าวที่ของคุณคนกินเหลือประทังความสามารถหิวซึ่งเขาก็ถูกแม่ค้าไล่ขณะนี้บ่อย ๆ จนคุณชิน



อาจารย์เล่าต่อว่าได้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดวัยที่คุณเด็กเขายังเคยไปเดินเร่ร่อนขอเงินจากเนชั่ผู้โดยสารตามท่ารถถ้าได้เงินก็จะนำไปซื้อคุณข้าว กินบ่าย ๆ ก็ไปเล่นเกมกับ เพื่อนตามประสาเด็ก ๆ พอตกเย็นก็กลับไปนอนที่โกดัง แต่อยู่ไปสักพักโกดังก็ถูกตัดน้ำตัดไฟเพราะไม่มีใครไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ แต่อาจารย์ก็ยังคงอยู่ในโกดัง แห่งนั้นไม่ได้อาบน้ำแปรงฟัน และไม่กล้าไปเรียนเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงชุดนักเรียนเพียงชุดเดียวซึ่งสภาพก็ดูมอมแมมทำให้เพื่อน ๆ ไม่มีใครกล้าคุยด้วย แต่เขาจะเลือกไปโรงเรียนเฉพาะในวันที่โรงเรียนแจกนมถั่วเหลืองเท่านั้น เพราะช่วยคลายความสามารถหิวให้คุณตัวเองได้



ตลอดชีวิตในห้างหุ้นส่วนจำกัดช่วงวัยที่คุณเด็กอาจารย์กุลคุณชาติคุณต้องต่อสู้กับชีวิตมาตลอดทั้งไปขอคุณข้าวกินตามวัดหรือตามงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกาลต่าง ๆ แม้กระทั่งเป็นที่คุณเด็กเก็บกระทงที่คุณเด็กรับใช้วิ่งซื้อของเรียก ว่าทำทุกอย่างไม่ต่างจากเด็ก จรจัดทั่วไป แต่ถึงชีวิตจะลำบากถูกตำรวจจับก็หลายครั้งเขาก็ไม่คิดย้ายไปอยู่กับเพื่อนเหมือนกับพี่ชายพี่สาวที่หนีไปก่อนหน้านี้เหตุผลเดียวก็คือเขาต้องการรอแม่เพราะ กลัวการธนาคารวันใดที่แม่กลับมาแล้วจะไม่เจอที่คุณลูก ๆ เหลือขณะนี้เลยแม้แต่ของคุณคนเดียว



และหลังจากใช้ชีวิตเพียงลำพังมา 2 ปีในที่สุด "แม่" ก็กลับมาจริง ๆ และบอกว่า จะไม่ทิ้งลูกไปอีกแล้วอาจารย์บอก ว่านี่คือช่วงเวลาที่เขามี ความสุขที่สุดแม้จะถูกแม่ตีบ่อย ๆ เพราะติดนิสัยไม่ยอมตื่นไปโรงเรียน แต่เขาก็เข้าใจว่าแม่หวังดีเพราะอยากให้เขามีความรู้ขณะเดียวกันเขากับแม่ก็ช่วยกันเก็บ ขายของขยะหาเงินเลี้ยงชีพไปพร้อม ๆ กันและคุณแม่ก็พร่ำสอนให้เขาเลิกเป็นขโมย



เมื่อถามจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เขาขวนขวายเรียนหนังสือคืออะไร? ดร. กุลชาติบอกว่าเพราะวันหนึ่งส้วม ที่บ้านเต็มราดเท่าไหร่ก็ไม่ลงแม่ของเขาตัดสินใจใช้ค้อนทุบบ่อเกรอะด้วยตัวเองและใช้กระป๋องสีตักสิ่งปฏิกูลยกไปทิ้งทีละถัง ๆ ตลอดทั้งคืน "ผม มองเห็นแม่ทำแบบนั้นทั้งคืน ผมคิดในใจว่าท่านยอมทำขนาดนี้เพื่อลูกเขาแค่อยากให้ผมไปเรียนเองตีผมทุกวันเพื่อให้ผมไปเรียนทำไมผมถึงไม่ยอมไปเทียบแล้วแม่ลำบากกว่าเรามาก ก็เลยตั้งเป้าจะไปเรียนให้ ได้ "อาจารย์กุลคุณชาตินี่เพื่อดูรูปภาพ



หลังจากนั้นดร. กุลชาติก็ปฏิวัติตัวเองใหม่ตื่น แต่เช้าออกไปช่วยแม่เก็บขยะตั้งแต่ตี 4 เสร็จสรรพ 7 โมงเช้าก็ไปเข้าห้องเรียนเพื่อตั้งใจ เรียนหนังสือ กระทั่งวันหนึ่งความพยายามของเขาก็ ประสบความสำเร็จเมื่อสามารถสอบได้เป็นที่ 5 ของห้องจากเดิมที่เคยได้ที่ โหล่และยังได้รับทุนเด็กเรียนดีมาช่วยเหลือในตอนนั้นดร . กุลชาติตั้งใจจะเรียนสายอาชีพเพื่อ จะเป็นช่างเชื่อมจะได้หาเงินมาเลี้ยงดูคุณแม่



ขณะเดียวกันนอกจากรายการจะได้เชิญดร. กุลชาติมาร่วมพูดคุยแล้วยัง ได้เชิญคุณแม่ของอาจารย์มาเล่าถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมาด้วยโดยคุณแม่บุษรีจุลเพ็ญ เล่าว่าที่เน้นย้ำให้ลูกชายต้อง เรียนหนังสือเพราะถูกคนรอบข้างสบประมาทว่าเธอไม่เอาลูกแล้วทำให้ลูกเป็นเด็กจรจัดเธอจึงตั้งใจจะเลี้ยงลูกให้ได้ดีเพื่อลบคำสบประมาทดังกล่าวและสิ่งที่จะทำให้ลูกได้ดี ได้ก็คือหัวเรื่อง: การเรียนหนังสือ



ที่คุณคุณคุณแม่นี่เพื่อดูรูปภาพอีกว่าได้ของคุณคนส่วนใหญ่มองว่าได้พวกเขาเป็นของคุณคนขี้ขโมยไม่น่าคบหาซึ่งเพลงเธอก็ได้สอนที่คุณลูกไปว่าได้ไม่คุณต้องอายที่ของคุณคนมองแบบนั้น แต่เราคุณต้องขณะนี้ให้ได้เพื่อพิสูจน์ให้พวก เขาเห็นว่าเราไม่ได้เป็นแบบ นั้นลูกแค่เป็นเด็กหลงทางไปชั่วขณะเท่านั้นแต่ทว่าหลังจากอาจารย์กุลชาติเรียนจบชั้นปวช ก็มาพบว่าคุณแม่ป่วยเป็น มะเร็งปากมดลูกต้องมารักษาตัวที่กรุงเทพมหานครเหตุการณ์นั้นทำให้เขาตัดสินใจศึกษาระดับชั้นปวส ต่อโดยคิดว่าหากเรียนจบแค่ ชั้นปวช คงได้เงินเดือนไม่เท่าไหร่ แต่หาก เรียนต่อน่าจะได้เงินเดือนมากขึ้นเขาจึงตัดสินใจไปเรียนต่อปวส ที่สงขลาโดยขอให้แม่ช่วยส่ง เสียให้เดือนละ 2,000 บาท แต่เมื่อวันหนึ่งเขารู้ว่า แม่ส่งเงินให้ไม่ไหวแล้
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
จากเด็กเร่ร่อนที่อาศัยอยู่กับแม่ที่ประกอบอาชีพเก็บขยะขายใครจะไปคาคดิดว่าในอนาคตข้างหน้าเขาจะสามารถคว้าใบปริญญามาให้แม่ได้ชื่นชมสมใจหนำซ้ำยังเป็นปริญญาเอกที่ทำให้เด็กชายคนนี้ภูมิใจอย่างที่สุดในฐานะด็อกเตอร์เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมารายการเจาะใจทา งททบ 5 จึงได้เชิญชายคนนี้มาร่วมพูดคุยปัจจุบันเขาคืออาจารย์ภาควิชาวิศวอุตสาหการประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี . . . . . . . " ดร . กุลชาติจุลเพ็ญ "จะว่าไปเรื่องราวของอาจารย์กุลชาติก็เหมือนกับนิยายเรื่องหนึ่งที่เริ่มต้นมาด้วยความยากลำบากแต่เพราะความพยายามและตั้งใจทำให้เขาประสบความสำเร็จในตอนท้ายโดยอาจารย์เล่าให้ฟังว่าครอบครัวของเขาเป็นชาวชุมพรเขาจำความได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบว่ามีพี่น้องทั้งหมด 5 คนจะ ขาเป็นลูกคนที่ 4 คุณพ่อทำงานเป็นคนขับรถทัวร์ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้านชีวิตในช่วงนั้นมีความสุขมากแต่หลังจากนั้นได้ 2 . พ่อกับแม่ก็มีปัญหาทะเลาะกันเขาเห็นพ่อใช้ค้อนทุบรูปภาพของตัวเองพร้อมกับประกาศว่า " ต่อจากนี้จะไม่มีพ่ออยู่ในบ้านแล้ว " ก่อนที่พ่อจะพาน้องสาวคนเ ล็กไปด้วยและไม่กลับมาที่บ้านอีกเลยหลังจากคุณพ่อและคุณแม่ของอาจารย์แยกทางกันคุณแม่ซึ่งต้องเลี้ยงดูลูกจะอีก 4 คนไม่มีเงินพอจะเช่าบ้านอยู่ต่อจึงได้ไปเช่าโกดังเก่าจะอยู่ในราคาเดือนละ 350 บาทพร้อมกับออกไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ต่างจังหวัดเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและส่งเงินกลับมาให้ลูกจะเดือ นละ 500 บาทเท่ากับว่าในแต่ละเดือน 4 พี่น้องจะมีเงินเหลือใช้เพียงแค่ 150 บาทเท่านั้นอย่างไรก็ตามหลังจากทนความลำบากได้เพียงไม่กี่เดือนพี่สาวคนโตและพี่ชายของอาจารย์ก็ตัดสินใจหนีออกจากโกดังไปใช้ชีวิตเอาดาบหน้าเหลือเพียงเขากับพี่สาวอีกคนที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปแม้กระทั่งบากหน้าไปขอข้าวข้างบ้านกินแต่ทำอย่างนี้อยู่เพียงแค่ 2 เดือนในที่ สุดพี่สาวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็หายออกจากบ้านไปอีกทิ้งอาจารย์ในวัย 6 ขวบให้อยู่ที่โกดังเพียงคนเดียวซึ่งอาจารย์บอกว่าช่วงนั้นเป็นชีวิตที่มีอิสระมากเขาเอาแต่น
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: