As described above, the majority of

As described above, the majority of configurational studies in strategic management have relied on inductively defined strategic groups to examine a posteriori the configurations-performance relationship. In this study, the inductive approach involved using clustering procedures on a comprehensive set of variables using measures employed in previous studies to derive strategic groups. We surveyed all the inductive studies that have been published, a total of 55. We listed the variables used to define groups and (where appropriate) to measure performance and then classified those variables using 15 construct categories (10 grouping and 5 performance constructs) that emerged from the strategic groups literature. One variable from each construct category that had clear relevance for the hospital environment was identified. This was either a direct measure or proxy that could be archival retrieved. We presented these variates to an expert panel consisting of two strategic management and two health policy researchers. The constructs and measures receiving the most agreement constituted the final set of inductive measures.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ส่วนใหญ่ configurational การศึกษาในการจัดการเชิงกลยุทธ์มีอาศัยกลุ่มกลยุทธ์กำหนดท่านพินิจ posteriori มีค่าประสิทธิภาพความสัมพันธ์ ในการศึกษานี้ วิธีเชิงอุปนัยเกี่ยวข้องโดยใช้กระบวนการระบบคลัสเตอร์ชุดครอบคลุมของตัวแปรโดยใช้มาตรการจ้างงานในการศึกษาก่อนหน้าจะได้รับกลุ่มยุทธศาสตร์ เราสำรวจศึกษาทั้งหมดเหนี่ยวที่ได้รับการเผยแพร่ จำนวน 55 เราแสดงตัวแปรที่ใช้ในการกำหนดกลุ่ม และ (ที่เหมาะสม) เพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงาน และจัดตัวแปรเหล่านั้นโดยใช้ 15 โครงสร้างประเภท (10 5 และจัดกลุ่มประสิทธิภาพโครงสร้าง) ที่เกิดจากวรรณกรรมกลุ่มเชิงกลยุทธ์แล้ว ระบุตัวแปรหนึ่งจากแต่ละประเภทโครงสร้างที่มีความเกี่ยวข้องชัดเจนสิ่งแวดล้อมโรงพยาบาล นี้เป็นการวัดโดยตรงหรือพร็อกซี่ที่ไม่ถาวรเรียก เรานำเสนอ variates เหล่านี้จะมีแผงผู้เชี่ยวชาญที่ประกอบด้วยการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่สองและนักวิจัยนโยบายสุขภาพสอง โครงสร้างและมาตรการรับข้อตกลงใหญ่ทะลักชุดสุดท้ายมาตรการเชิงอุปนัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามที่อธิบายไว้ข้างต้นส่วนใหญ่ของการศึกษาปรับแต่งในการจัดการเชิงกลยุทธ์ได้อาศัยกำหนด inductively กลุ่มเชิงกลยุทธ์เพื่อการตรวจสอบ posteriori ความสัมพันธ์การกำหนดค่าประสิทธิภาพ ในการศึกษานี้วิธีการอุปนัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้วิธีการจัดกลุ่มในชุดที่ครอบคลุมของตัวแปรโดยใช้มาตรการที่ใช้ในการศึกษาก่อนหน้านี้ที่จะได้รับกลุ่มยุทธศาสตร์ เราสำรวจทุกอุปนัยการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์รวมเป็น 55 เราจดทะเบียนตัวแปรที่ใช้ในการกำหนดกลุ่มและ (ที่เหมาะสม) เพื่อวัดประสิทธิภาพและจากนั้นจัดตัวแปรที่ใช้สร้าง 15 หมวดหมู่ (10 จัดกลุ่มและสร้างผลการดำเนินงาน 5) ที่ โผล่ออกมาจากกลุ่มวรรณกรรมเชิงกลยุทธ์ ตัวแปรหนึ่งจากแต่ละประเภทที่มีการสร้างความสัมพันธ์ที่ชัดเจนสำหรับสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลที่ถูกระบุ นี่เป็นทั้งวัดตรงหรือพร็อกซี่ที่อาจจะดึงจดหมายเหตุ เรานำเสนอ variates เหล่านี้ไปยังคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญประกอบด้วยสองการจัดการเชิงกลยุทธ์และสองนักวิจัยนโยบายสุขภาพ โครงสร้างและมาตรการที่ได้รับข้อตกลงส่วนใหญ่ประกอบด้วยชุดสุดท้ายของมาตรการการอุปนัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ส่วนใหญ่ของการเปลี่ยนคอนฟิกุเรชันการศึกษาในการจัดการเชิงกลยุทธ์ได้อาศัยอุปนัยกำหนดกลุ่มยุทธศาสตร์เพื่อตรวจสอบจากผลไปสู่เหตุการตั้งค่าการแสดงความสัมพันธ์ ในการศึกษานี้ ใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องวิธีการอุปนัยขั้นตอนชุดครอบคลุมของตัวแปรโดยใช้มาตรการที่ใช้ในการศึกษาเพื่อให้ได้กลุ่มยุทธศาสตร์เราสำรวจทั้งหมดอุปนัยการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ทั้งหมด 55 เราอยู่ ตัวแปรที่ใช้ในการกำหนดกลุ่มและ ( ที่เหมาะสม ) เพื่อวัดประสิทธิภาพ และจำแนกตัวแปรเหล่านั้นใช้ 15 สร้างหมวดหมู่ ( 10 กลุ่ม และ 5 งานโครงสร้าง ) ที่โผล่ออกมาจากวรรณคดี กลุ่มยุทธศาสตร์หนึ่งตัวแปรแต่ละประเภทมีความเกี่ยวข้องที่ชัดเจนสร้างโรงพยาบาลปีระบุ นี้มีให้โดยตรงวัดหรือตัวแทนที่สามารถดึงข้อมูลที่เก็บถาวร . เรานำเสนอ variates เหล่านี้ผู้เชี่ยวชาญแผงประกอบด้วยสองการจัดการเชิงกลยุทธ์และนโยบายสุขภาพ นักวิจัยการสร้างและมาตรการรับข้อตกลงมากที่สุดคือชุดสุดท้ายของมาตรการอุปนัย