Theoretical Framework This study wa

Theoretical Framework
This study was guided by critical social theory,
and the research model was participatory action
research. Based on critical social theory, nursing
practice in developmental care was initiated by the
staff nurses rather than by managers or academics,
the latter of whom have little current clinical
experience; indeed, the staff nurses had previously
experienced oppressive social conditions which had
prevented them from exercising their potential.
Notably, when many practice guidelines were
developed predominantly by the Nursing Section
and then sent to the wards, the nurses who were
familiar with this top-down kind of practice lacked
any purposeful participation in the decision-making.
The PAR approach helped to empower participants
by their active participation as co-researchers in the
study in order to initiate actions and changes during
the research process that could be sustained once
the project was completed. Problems and solutions
were identified by the nurses themselves. This

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กรอบทฤษฎี การศึกษานี้แนะนำ โดยทฤษฎีทางสังคมที่สำคัญและรูปแบบการวิจัย ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมวิจัย ตามทฤษฎีทางสังคมที่สำคัญ พยาบาลเริ่มปฏิบัติในการดูแลส่งเสริมพัฒนาการโดยการพนักงานพยาบาลมากกว่าที่ จะจัดการหรือนักวิชาการคนหลังมีน้อยปัจจุบันทางคลินิกประสบการณ์ แน่นอน พยาบาลพนักงานมีมาก่อนสภาพสังคมกดขี่ที่มีประสบการณ์ซึ่งมีป้องกันพวกเขาจากการออกกำลังกายศักยภาพยวด เมื่อหลายแนวปฏิบัติได้พัฒนา โดยส่วนพยาบาลส่วนใหญ่และจากนั้น ส่งไปยังหอผู้ป่วย พยาบาลคนคุ้นเคยกับชนิดนี้ลงด้านบนของการปฏิบัติที่ขาดมีส่วนร่วมใด ๆ เด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจวิธีการตราที่ช่วยในการเพิ่มศักยภาพให้ผู้เข้าร่วมโดยการมีส่วนร่วมเป็นนักวิจัยร่วมในการเพื่อเริ่มต้นการดำเนินการและการเปลี่ยนแปลงในระหว่างการศึกษากระบวนการวิจัยที่ไม่ยั่งยืนครั้งโครงการเสร็จสมบูรณ์ ปัญหาและวิธีแก้ไขถูกระบุ โดยพยาบาลตัวเอง นี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรอบทฤษฎี
การศึกษาครั้งนี้ได้รับการแนะนำโดยทฤษฎีสังคมที่สำคัญ
และรูปแบบการวิจัยแบบมีส่วนร่วมคือการดำเนินการ
วิจัย บนพื้นฐานของทฤษฎีทางสังคมที่สำคัญ, การพยาบาล
การปฏิบัติในการดูแลพัฒนาการริเริ่มโดย
พยาบาลประจำการมากกว่าโดยผู้จัดการหรือนักวิชาการ
หลังของคนมีคลินิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ในปัจจุบัน
ประสบการณ์ แน่นอนพยาบาลพนักงานเคย
มีประสบการณ์สภาพสังคมกดขี่ซึ่ง
ป้องกันไม่ให้พวกเขาจากการออกกำลังกายที่มีศักยภาพของพวกเขา.
ยวดเมื่อแนวปฏิบัติที่หลายคนกำลัง
พัฒนาส่วนใหญ่โดยมาตราพยาบาล
และส่งไปยังหอผู้ป่วยพยาบาลที่เป็น
ที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้จากบนลงล่าง ชนิดของการปฏิบัติที่ขาด
การมีส่วนร่วมเด็ดเดี่ยวใด ๆ ในการตัดสินใจ.
วิธี PAR ช่วยที่จะช่วยให้ผู้เข้าร่วม
โดยการมีส่วนร่วมของพวกเขาเป็นนักวิจัยร่วมใน
การศึกษาเพื่อที่จะเริ่มต้นการดำเนินการและการเปลี่ยนแปลงในระหว่าง
กระบวนการวิจัยที่สามารถยั่งยืนครั้งหนึ่ง
โครงการคือ เสร็จ ปัญหาและการแก้ปัญหา
ที่ถูกระบุโดยพยาบาลเอง นี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรอบทฤษฎีการศึกษานี้ได้นำทฤษฎีสังคมเชิงวิพากษ์และรูปแบบวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมวิจัย บนพื้นฐานของทฤษฎีวิพากษ์สังคมพยาบาลการปฏิบัติในการดูแลพัฒนา ได้ริเริ่มขึ้นโดยพยาบาลมากกว่า โดยผู้บริหารหรือนักวิชาการหลังที่ได้น้อยทางคลินิกในปัจจุบันประสบการณ์ แน่นอน เจ้าหน้าที่พยาบาลได้ก่อนหน้านี้ประสบการณ์เงื่อนไขทางสังคมที่กดขี่ ซึ่งมีป้องกันพวกเขาจากการใช้ศักยภาพของตนเองโดย เมื่อแนวทางการปฏิบัติเยอะการพัฒนาส่วนใหญ่โดยส่วนการพยาบาลแล้วส่งไปห้องพยาบาลที่คุ้นเคยกับชนิดนี้ของการขาดจากบนลงล่างการมีส่วนร่วมที่มีเป้าหมายใดในการตัดสินใจวิธีการช่วยให้ผู้เข้าร่วมพาร์ด้วยการมีส่วนร่วมที่ใช้งานของพวกเขาเป็น Co นักวิจัยในการศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลงและการกระทำระหว่างการวิจัยกระบวนการที่อาจจะได้รับเมื่อโครงการที่เสร็จสมบูรณ์ ปัญหาและแนวทางแก้ไขถูกระบุโดยพยาบาลตัวเอง นี้