ElectricityBenjamin Franklin Drawin

Electricity


Benjamin Franklin Drawing Electricity from the Sky c. 1816 at the Philadelphia Museum of Art, by Benjamin West


Franklin and Electricity vignette engraved by the BEP (c. 1860).
His discoveries resulted from his investigations of electricity. Franklin proposed that "vitreous" and "resinous" electricity were not different types of "electrical fluid" (as electricity was called then), but the same electrical fluid under different pressures. He was the first to label them as positive and negative respectively,[44] and he was the first to discover the principle of conservation of charge.[45]

In 1750 he published a proposal for an experiment to prove that lightning is electricity by flying a kite in a storm that appeared capable of becoming a lightning storm. On May 10, 1752, Thomas-François Dalibard of France conducted Franklin's experiment using a 40-foot-tall (12 m) iron rod instead of a kite, and he extracted electrical sparks from a cloud. On June 15 Franklin may possibly have conducted his well known kite experiment in Philadelphia, successfully extracting sparks from a cloud. Franklin's experiment was not written up with credit[46] until Joseph Priestley's 1767 History and Present Status of Electricity; the evidence shows that Franklin was insulated (not in a conducting path, where he would have been in danger of electrocution). Others, such as Prof. Georg Wilhelm Richmann, were indeed electrocuted during the months following Franklin's experiment.

In his writings, Franklin indicates that he was aware of the dangers and offered alternative ways to demonstrate that lightning was electrical, as shown by his use of the concept of electrical ground. If Franklin did perform this experiment, he may not have done it in the way that is often described—flying the kite and waiting to be struck by lightning—as it would have been dangerous.[47] Instead he used the kite to collect some electric charge from a storm cloud, which implied that lightning was electrical.[citation needed] On October 19 in a letter to England with directions for repeating the experiment, Franklin wrote:

When rain has wet the kite twine so that it can conduct the electric fire freely, you will find it streams out plentifully from the key at the approach of your knuckle, and with this key a phial, or Leiden jar, may be charged: and from electric fire thus obtained spirits may be kindled, and all other electric experiments [may be] performed which are usually done by the help of a rubber glass globe or tube; and therefore the sameness of the electrical matter with that of lightening completely demonstrated.[48]

Franklin's electrical experiments led to his invention of the lightning rod. He noted that conductors with a sharp rather than a smooth point could discharge silently, and at a far greater distance. He surmised that this could help protect buildings from lightning by attaching "upright Rods of Iron, made sharp as a Needle and gilt to prevent Rusting, and from the Foot of those Rods a Wire down the outside of the Building into the Ground; ... Would not these pointed Rods probably draw the Electrical Fire silently out of a Cloud before it came nigh enough to strike, and thereby secure us from that most sudden and terrible Mischief!" Following a series of experiments on Franklin's own house, lightning rods were installed on the Academy of Philadelphia (later the University of Pennsylvania) and the Pennsylvania State House (later Independence Hall) in 1752.[49]

In recognition of his work with electricity, Franklin received the Royal Society's Copley Medal in 1753, and in 1756 he became one of the few 18th-century Americans elected as a Fellow of the Society. The cgs unit of electric charge has been named after him: one franklin (Fr) is equal to one statcoulomb.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไฟฟ้า


เบนจามินแฟรงคลินวาดไฟฟ้าจากฟ้า c. 1816 ที่ฟิลาเดลเฟียพิพิธภัณฑ์ศิลปะ โดยเบนจามินเวสต์


มากแฟรงคลินและไฟฟ้าแกะสลัก โดย BEP (c. 1860) .
การค้นพบของเขาเป็นผลมาจากการสืบสวนของเขาของไฟฟ้า แฟรงคลินเสนอว่า "คล้ายแก้ว" และ "resinous" ไฟฟ้าไม่แตกต่างกันของ "ไฟฟ้าน้ำมัน" (เหมือนเรียกไฟฟ้าแล้ว), แต่น้ำมันไฟฟ้าเดียวกันภายใต้ความดันที่แตกต่างกัน เขาเป็นคนแรกติดป้ายเหล่านั้นเป็นค่าบวก และลบตามลำดับ, [44] และเขาเป็นคนแรกที่ค้นพบหลักการของอนุรักษ์ของค่า[45]

ใน 1750 เขาเผยแพร่ข้อเสนอสำหรับการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่า ฟ้าผ่าเป็นไฟฟ้า โดยบินว่าวในพายุที่ปรากฏสามารถเป็น พายุฟ้าผ่า บน 10 พฤษภาคม 1752 Dalibard Thomas François ฝรั่งเศสดำเนินการทดลองของแฟรงคลินกับ 40 ฟุตสูง (12 เมตร) โดยใช้แกนเหล็กแทนว่าว และสปาร์คไฟฟ้าแยกเขาจากก้อนเมฆ วันที่ 15 มิถุนายน แฟรงคลินอาจอาจได้ดำเนินการทดลองว่าวที่รู้จักกันดีของเขาในฟิลาเดลเฟีย สำเร็จแยกสปาร์คจากก้อนเมฆ ทดลองของแฟรงคลินไม่ได้เขียนขึ้น ด้วยสินเชื่อ [46] จนถึง 1767 ประวัติโจเซฟ Priestley และแสดงสถานะของไฟฟ้า หลักฐานแสดงว่า แฟรงคลินเป็นฉนวน (ไม่เป็นทำเส้น ที่เขาจะได้รับอันตรายในการประหาร) อื่น ๆ เช่นศาสตราจารย์จอร์จวิลเฮล์ม Richmann ได้แน่นอน electrocuted ในช่วงเดือนต่อไปนี้การทดลองของแฟรงคลิน

ในงานเขียนของเขา แฟรงคลินบ่งบอกว่า เขากำลังตระหนักถึงอันตราย และเสนอวิธีอื่นส่อว่า ฟ้าผ่าเป็นไฟฟ้า แสดง โดยใช้แนวความคิดของดิน ถ้าแฟรงคลินได้ทำการทดลองนี้ เขาอาจไม่ได้ทำมันในที่ทางที่เป็นมักจะอธิบาย — บินว่าวนี้ และรอจะหลง โดยฟ้าผ่าซึ่งเป็นก็จะได้รับอันตรายได้[47] แต่ เขาใช้ว่าวรวบรวมบางประจุไฟฟ้าจากเมฆพายุ ซึ่งนัยว่า ฟ้าผ่าเป็นไฟฟ้า[ต้องการอ้างอิง] เขียนวันที่ 19 ตุลาคมในหนังสืออังกฤษที่มีคำแนะนำสำหรับการทำซ้ำการทดลอง แฟรงคลิน:

เมื่อฝนได้เปียก twine ว่าวเพื่อให้มันสามารถทำไฟฟ้าดับได้อย่างอิสระ คุณจะพบว่ากระแสข้อมูลออก plentifully จากคีย์ที่วิธี ของขาของคุณ และ phial เป็นคีย์นี้ หรืออาจคิดค่าขวดไลเดน : จากไฟฟ้าดับ ดังนั้นสุราที่ได้รับอาจจะจุด และทั้งหมดอื่น ๆ ไฟฟ้าทดลอง [อาจจะ] ดำเนินการซึ่งมักจะทำ โดยความช่วยเหลือของโลกแก้วยางหรือท่อ และดังนั้น sameness เรื่องไฟฟ้ากับค่าของเด้งสมบูรณ์แสดงให้เห็นว่า[48]

ของแฟรงคลินไฟฟ้าทดลองนำไปล่อเขาประดิษฐ์ขึ้น เขาตั้งข้อสังเกตว่า เป็นตัวนำ ด้วยคมชัดมากกว่าจุดเรียบสามารถถ่ายเงียบ ๆ และ อยู่ห่างไกลมากขึ้น เขา surmised ว่า นี้สามารถช่วยป้องกันอาคารจากฟ้าผ่า โดยการแนบ "ตรงก้านเหล็ก ทำคมเข็มและปีกให้ Rusting และเท้าของเหล่าก้านลวดลงนอกอาคารเป็นพื้น ... จะไม่ก้านเหล่านี้ชี้อาจวาดไฟไฟฟ้าเงียบ ๆ ออกจากก้อนเมฆก่อนมาคืนพอตี, และเพื่อรักษาความปลอดภัยเราจากที่เสียหายทันที และน่ากลัวที่สุด" ต่อชุดทดลองในบ้านของ Franklin ก้านฟ้าผ่าถูกติดตั้งบนออสการ์ของฟิลาเดลเฟีย (หลังมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย) และ บ้านรัฐเพนซิลวาเนีย (หลังทเท่) ใน 1752[49]

รับเขาทำงานด้วยไฟฟ้า แฟรงคลินได้รับเหรียญทโคบเลย์ราชสมาคมแห่งลอนดอนใน 1753 และในเวลา เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่ศตวรรษชาวอเมริกันเป็นคนของสังคม ประจุไฟฟ้าหน่วย cgs ถูกตั้งชื่อหลังจากเขา: หนึ่งแฟรงคลิน (Fr) มีค่าเท่ากับ statcoulomb หนึ่ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไฟฟ้า


เบนจามินแฟรงคลินวาดภาพไฟฟ้าจากท้องฟ้า . . 1816 ที่ Philadelphia Museum of Art , โดย เบนจามิน แฟรงคลินตะวันตก


และไฟฟ้าประตูสลักจาก BEP ( C . 1860 ) .
การค้นพบของเขาเป็นผลมาจากการสืบสวนของไฟฟ้า แฟรงคลิน เสนอว่า " เลนส์ " และ " ยางไม้ " ไฟฟ้า มีชนิดที่แตกต่างกันของ " ไฟฟ้าของเหลว " ( เช่นไฟฟ้าถูกเรียกแล้ว )แต่เหมือนไฟฟ้าของไหลภายใต้แรงกดดันที่แตกต่างกัน เขาเป็นคนแรกที่ป้ายชื่อพวกเขาเป็นบวกและลบตามลำดับ [ 44 ] และเขาเป็นคนแรกที่ค้นพบหลักการอนุรักษ์ประจุ [ 45 ]

ใน 1750 เขาเผยแพร่ข้อเสนอสำหรับการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่าฟ้าผ่ามีกระแสไฟฟ้า โดยการบินว่าวในพายุที่ปรากฏได้เป็นสายฟ้า พายุ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 1752ทอมัสฟรองซัวส์ dalibard ฝรั่งเศสทดลองของแฟรงคลินใช้ 40 ฟุต ( 12 เมตร ) เหล็กแทนว่าว เขาสกัดประกายไฟไฟฟ้าจากเมฆ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน แฟรงคลิน อาจจะมีวัตถุประสงค์ของเขารู้จักกันดีว่าวในการทดลองฟิลาเดเฟีย เรียบร้อยสกัดประกายไฟจากเมฆการทดลองของแฟรงคลินไม่ได้ถูกเขียนขึ้นด้วยบัตรเครดิต [ 46 ] จนกระทั่งของโจเซฟ พริสต์ลีย์ 1767 ประวัติและสถานะปัจจุบันของไฟฟ้า หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า แฟรงคลินเป็นฉนวน ( ไม่ใช่ในการเส้นทางที่เขาจะได้รับอันตรายจากไฟฟ้า ) อื่นๆ เช่น ศาสตราจารย์ เกออร์ก วิลเฮล์ม richmann นั้นช๊อตระหว่างเดือนต่อไปนี้การทดลองแฟรงคลิน .

ในงานเขียนของเขาแฟรงคลิน บ่งบอกว่าเขาได้ตระหนักถึงอันตรายและเสนอทางเลือกอื่น ๆเพื่อแสดงให้เห็นว่าฟ้าผ่า ไฟฟ้า ที่แสดงโดย เขายังใช้แนวคิดของฟ้าดิน ถ้า แฟรงคลิน ได้ดำเนินการทดลองนี้ เขาอาจจะไม่ได้ทำมันในทางที่อธิบายมักจะบินว่าวและรอที่จะหลงโดยฟ้าผ่าและมันคงอันตรายมาก[ 47 ] แทนเขาใช้ว่าวเพื่อเก็บประจุไฟฟ้าจากเมฆฝน ซึ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าฟ้าผ่าไฟฟ้า . [ อ้างอิงที่จำเป็น ] เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ในจดหมายอังกฤษกับทิศทางการทำซ้ำการทดลองแฟรงคลินเขียน :

เมื่อฝนตกเปียกว่าวเชือกเพื่อให้มันสามารถควบคุมไฟไฟฟ้า ได้อย่างอิสระคุณจะพบว่ามันไหลออกมาอย่างมากมายจากคีย์ที่ใช้นิ้วของคุณ และ ด้วยคีย์นี้เป็นขวดแก้วขนาดเล็กหรือไหไลเดน อาจจะคิด และจากไฟฟ้าดับจึงได้รับวิญญาณอาจจะใหญ่โต และการทดลองอื่น ๆไฟฟ้า [ อาจจะ ] ดำเนินการซึ่งมักจะทำโดยความช่วยเหลือของ ยาง กระจก ลูกโลก หรือ หลอดและดังนั้นในความเหมือนกันของเรื่องไฟฟ้าที่สมบูรณ์เพื่อแสดง [ 48 ]

ของแฟรงคลินไฟฟ้าการทดลองทำให้เขาคิดค้นสายล่อฟ้า เขาตั้งข้อสังเกตว่า ตัวนำที่มีความคมชัดมากกว่าจุดเรียบสามารถจำหน่ายอย่างเงียบๆ และด้วยระยะทางที่ไกลมากขึ้นเขาสันนิษฐานว่ามันอาจช่วยป้องกันอาคารจากฟ้าผ่า โดยแนบ " ตรงแท่งเหล็กคมเป็นเข็มและปิดทอง เพื่อป้องกันสนิม และจากเท้าของแท่งลวดลงด้านนอกของอาคารลงในดิน ; . . . . . . . ไม่เหล่านี้ชี้แท่งอาจจะวาดไฟไฟฟ้าอย่างเงียบ ๆ ออกมาจากเมฆ ก่อนที่มันจะมาใกล้พอที่จะโจมตีและเพื่อความปลอดภัยเราจากที่ฉับพลันที่สุดและเลวร้าย ! ต่อไปนี้ชุดของการทดลองในแฟรงคลินเป็นเจ้าของบ้าน , แท่งสายฟ้าได้ถูกติดตั้งในโรงเรียนฟิลาเดล ( ต่อมามหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ) และรัฐเพนซิลวาเนียบ้าน ( ภายหลังเอกราช Hall ) ใน 1752 [ 49 ]

ในการรับรู้ของเขาทำงานกับไฟฟ้าแฟรงคลินได้รับรางวัลสมาคมของ Copley ใน 1144 และใน 1756 เขากลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ศตวรรษอเมริกันได้รับการเลือกตั้งเป็น เพื่อนร่วมสังคม หน่วย CGS ของประจุไฟฟ้าได้รับชื่อหลังจากเขา : แฟรงคลิน ( FR ) เท่ากับหนึ่ง statcoulomb .