Optimally, Serratia marcescens grow

Optimally, Serratia marcescens grows at 37°C, but it can grow in temperatures that range from 5–40°C. They grow in pH levels that range from 5 to 9 [14]. Serratia marcescens is well known for the red pigmentation it produces called prodigiosin. Prodigiosin is made up of three pyrrole rings [15] and is not produced at 37°C, but at temperatures below 30°C [20]. The red pigment production is not present in all strains but in those that it is present, it can resemble blood [10]. This and the fact that Serratia marcescens typically grows on bread and communion wafers stored in moist places, has led scientists to suggest Serratia contamination as a possible explanation for transubstantiation miracles (the conversion of bread to the body and blood of Christ). For example, the story of the Miracle of Bolsena states that, in 1263, a priest with doubts of Christ’s presence in the consecrated Host presided over a mass in the Basilica of Bolsena. After speaking the words of consecration, blood began to drip from the consecrated Host onto his hands and the altar [1]. This event was depicted by Raphael on the walls of the Vatican

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อย่างเหมาะสม Serratia marcescens เติบโตที่ 37° C แต่ก็สามารถเติบโตในอุณหภูมิที่อยู่ในช่วงตั้งแต่ 5 – 40 องศาเซลเซียส พวกเขาเติบโตในระดับค่า pH ที่ช่วงตั้งแต่ 5 ถึง 9 [14] Serratia marcescens เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับการสีแดงผิวคล้ำมันผลิตเรียกว่า prodigiosin Prodigiosin จะประกอบด้วยวงแหวน pyrrole สาม [15] และไม่ผลิต ที่ 37° C แต่ ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30° C [20] ไม่มีการผลิตรงควัตถุสีแดงในสายพันธุ์ทั้งหมด แต่ผู้ที่อยู่ มันสามารถคล้ายเลือด [10] นี้และความจริงที่ว่า Serratia marcescens เติบโตขึ้นบนขนมปังโดยทั่วไป และร่วมรับเก็บไว้ในสถานชุ่มชื่น นำนักวิทยาศาสตร์แนะนำปน Serratia เป็นคำอธิบายได้สำหรับ transubstantiation อัศจรรย์ (แปลงขนมปังร่างกาย) และเลือดของพระคริสต์ ตัวอย่าง เรื่องราวของมิราเคิลมิสซาระบุว่า ใน 1263 ใส่บาตร ด้วยความสงสัยของพระคริสต์อยู่ในโฮสต์ไร ๆ presided เหนือมวลในโบสถ์มิสซา หลังพูดคำพูดของ consecration เลือดเริ่มหยดจากโฮสต์ไร ๆ บนมือของเขาและบูชา [1] เหตุการณ์นี้ถูกแสดง โดยราฟาเอลกำแพงวาติกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อย่างดีที่สุด Serratia marcescens เติบโตในอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส แต่ก็สามารถเจริญเติบโตได้ในอุณหภูมิที่อยู่ในช่วง 5-40 องศาเซลเซียส พวกเขาเติบโตในระดับพีเอชที่อยู่ในช่วง 5-9 [14] Serratia marcescens เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผิวคล้ำสีแดงมันผลิตที่เรียกว่า prodigiosin Prodigiosin ถูกสร้างขึ้นจากสามวงไพร์โรล [15] และไม่ได้ผลิตที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส แต่ในอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส [20] การผลิตเม็ดสีสีแดงจะไม่ได้อยู่ในทุกสายพันธุ์ แต่ที่มันมีอยู่ก็สามารถมีลักษณะคล้ายกับเลือด [10] นี้และความจริงที่ว่า Serratia marcescens มักจะเติบโตบนขนมปังเวเฟอร์และร่วมเก็บไว้ในสถานที่ชื้นได้นำนักวิทยาศาสตร์ที่จะแนะนำการปนเปื้อน Serratia เป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับปาฏิหาริย์สภาพ (การแปลงของขนมปังต่อร่างกายและเลือดของพระเยซู) ตัวอย่างเช่นเรื่องราวของมิราเคิลของ Bolsena ระบุว่าใน 1263, พระสงฆ์ด้วยความสงสัยของการแสดงตนของพระคริสต์ในโฮสต์ถวายเป็นประธานในพิธีมิสซาในมหาวิหาร Bolsena หลังจากที่พูดคำพูดของถวายเลือดเริ่มที่จะหยดจากโฮสต์ถวายบนมือของเขาและแท่นบูชา [1] เหตุการณ์นี้เป็นภาพโดยราฟาเอลบนผนังของวาติกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อย่างระวัง เซอร์ราเทีย marcescens เติบโตที่ 37 ° C แต่มันสามารถเจริญเติบโตได้ในช่วงอุณหภูมิที่ 5 - 40 องศา พวกเขาเติบโตในระดับ pH ช่วงจาก 5 ถึง 9 [ 14 ] เซอร์ราเทีย marcescens เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับสีแดงสีมันผลิตเรียกว่า prodigiosin . prodigiosin ถูกสร้างขึ้นจากสามลแหวน [ 15 ] และไม่ผลิตที่อุณหภูมิ 37 องศา C แต่ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศา C [ 20 ]รงควัตถุสีแดงการผลิตไม่ได้เป็นปัจจุบันในทุกสายพันธุ์ แต่ในผู้ที่เป็นปัจจุบัน ก็จะเหมือนเลือด [ 10 ] นี้และความจริงที่ว่าเซอร์ราเทีย marcescens มักจะเติบโตบนขนมปังและพิธีรับเก็บไว้ในสถานที่ที่ชุ่มชื้นได้นำนักวิทยาศาสตร์แนะนำการปนเปื้อนเซอร์ราเทียเป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับการเปลี่ยนรูปปาฏิหาริย์ ( การแปลงขนมปังกับร่างกายและโลหิตของพระคริสต์ ) ตัวอย่างเช่น เรื่องราวของปาฏิหาริย์ที่โบลเซนารัฐ , 713 , พระกับความสงสัยของพระคริสต์อยู่ในโฮสต์ เป็นประธานวางศิลาฤกษ์มวลในมหาวิหารโบลเซนา . หลังจากพูดกับพูดเลือดเริ่มหยดแล้ว โฮสต์ลงจากมือของเขาและแท่นบูชา [ 1 ] เหตุการณ์นี้ถูกอธิบายโดยราฟาเอลบนกำแพงของวาติกัน