That's Connected. Crovitz (1970) de

That's Connected. Crovitz (1970) developed the relational algorithm as a device to generate
novel solutions to sticky problems. He extracted all 42 relational words that were used in the 850- word language system called Basic English and proposed that meaning essentially is
estab­lished when one item is placed in one of these 42 relations to another item. Thus, in a situation with a speaker and an audience, the event is very different if we have a situation in which a person speaks down to an audience, up to an audience, about an audience, behind an audi­ence, without an audience, among an audience, beneath an audience, or over an
audi­ence. When faced with a theoretical problem, a theorist can generate thought trials by selecting pairs of domain words from the problem (e.g., captain, radar) and then put them together with all possible relational words to generate conjec­tures about why the problem occurs.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เชื่อมโยง Crovitz (1970) พัฒนาอัลกอริทึมเชิงเป็นอุปกรณ์เพื่อสร้างแก้ไขปัญหาเหนียวนวนิยาย เขาแยกคำทั้งหมด 42 เชิงที่ใช้ 850 คำภาษา ระบบเรียกพบ และเสนอหลักหมายความว่า ก่อตั้งขึ้นเมื่อหนึ่งอยู่ในความสัมพันธ์เหล่านี้ 42 รายการอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง ในกรณีที่มีผู้บรรยายและผู้ชม เหตุการณ์จึงแตกต่างกันมากถ้าเรามีสถานการณ์ซึ่งผู้พูดไปยังผู้ชม ผู้ชม ขึ้นเกี่ยวกับผู้ชม เบื้องหลังผู้ชม ผู้ชม ในหมู่ผู้ชม ผู้ชมใต้ หรือมากกว่าโดยไม่มีการ ผู้ชม เมื่อประสบกับปัญหาทฤษฎี theorist ที่สามารถสร้างคิดทดลอง โดยการเลือกคู่ของโดเมนคำจากปัญหา (เช่น กัปตัน เรดาร์) และใส่กับทุกคำเชิงได้สร้าง conjectures เกี่ยวกับเหตุการเกิดขึ้นของปัญหา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่เชื่อมต่อ Crovitz (1970)
การพัฒนาอัลกอริทึมเชิงสัมพันธ์เป็นอุปกรณ์ในการสร้างโซลูชั่นใหม่ในการปัญหาเหนียว เขาสกัดทั้งหมด 42 คำสัมพันธ์ที่ถูกนำมาใช้ในระบบคำภาษาอังกฤษที่เรียกว่า 850-
พื้นฐานและเสนอว่ามีความหมายหลักคือการจัดตั้งขึ้นเมื่อหนึ่งรายการที่จะอยู่ในหนึ่งในจำนวนนี้42 ความสัมพันธ์กับรายการอื่น ดังนั้นในสถานการณ์ที่มีลำโพงและผู้ชมเหตุการณ์ที่แตกต่างกันมากถ้าเรามีสถานการณ์ที่คนพูดลงไปที่ผู้ชมเพิ่มขึ้นให้กับผู้ชมเกี่ยวกับผู้ชมที่อยู่เบื้องหลังผู้ชมโดยไม่มีผู้ชมหมู่
ผู้ชมภายใต้ผู้ชมหรือมากกว่าผู้ชม เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาทางทฤษฎีทฤษฎีสามารถสร้างการทดลองทางความคิดโดยการเลือกคู่ของคำโดเมนจากปัญหา (เช่นกัปตันเรดาร์) แล้วเอามารวมกันด้วยคำพูดเชิงสัมพันธ์เป็นไปได้ทั้งหมดในการสร้างการคาดเดาเกี่ยวกับสาเหตุที่ปัญหาเกิดขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่เชื่อมต่อ crovitz ( 1970 ) ได้พัฒนาขั้นตอนวิธีเชิงสัมพันธ์เป็นอุปกรณ์ที่จะสร้าง
ใหม่แก้ไขปัญหาที่เหนียว เขาได้ทั้งหมด 42 คำเชิงสัมพันธ์ที่ใช้ใน 850 - ระบบภาษาคำเรียกภาษาอังกฤษพื้นฐาน และเสนอว่า ความหมายหลักคือ
estab lished องเมื่อรายการหนึ่งอยู่ในหนึ่งของเหล่านี้ 42 ความสัมพันธ์กับรายการอื่น ดังนั้นในสถานการณ์ที่มีลำโพงและผู้ชม เหตุการณ์มันต่างกันมากถ้าเรามีสถานการณ์ที่บุคคลพูดลงเพื่อผู้ชม ให้ผู้ชม , ผู้ชม , หลังออดี้องอิทธิพล ( โดยไม่มีผู้ชมของผู้ชม ผู้ชมภายใต้หรือมากกว่าการ
ENCE Audi อง . เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาทางทฤษฎีเป็นทฤษฎีที่สามารถสร้างความคิดการทดลองโดยการเลือกคำคู่เมนจากปัญหา ( เรดาร์เช่น กัปตัน ) แล้ว ใส่ด้วยกันกับได้รับคำเพื่อสร้างสัมพันธ์ conjec องตูเรสเกี่ยวกับสาเหตุปัญหาที่เกิดขึ้น