1. IntroductionOver the next 50 yea

1. Introduction
Over the next 50 years some thousands of extra skin cancers will be experienced as today’s children grow up
over-exposed to higher levels of solar ultraviolet (UV) radiation due to ozone depletion (EEA, 2004). Because of a
thinner layer of ozone in the stratosphere, increased amount of the UV-B component (280-315 nm) reaches the Earth
surface, having potentially severe consequences for human health. While certain exposure to the sun is necessary for
the formation of vitamin D, an excessive exposure can cause immediate adverse effects like: sunburn, phototoxic
reactions, photo-allergic reactions, erythema, etc. (Matsumura and Ananthaswamy, 2004) and severe late
consequences such as skin cancers and eye cataract (Gallagher and Lee, 2006). As recently reported, overexposure
to sun has also potential effects on immune suppression (Katiyar, 2007). The International Agency for Research on
Cancer, IARC, has classified solar radiation as an environmental human carcinogen and placed it into Group 1
(IARC, 1992).
Skin cancers are associated with intense, sporadic sun exposure (sunburns) as well as chronic sun exposure
(tanning) (CDC, 2002). Repeated and severe sunburns in childhood have a major role in the development of skin
cancer later in life. Individual’s sun-exposure history before age of 20 years appears to be a significant risk factor
(CDC, 2002). In recent decades the incidence of skin cancers doubled each 6-10 years in fairer skinned populations

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทนำถัดไป 50 ปีที่ผ่านมา มะเร็งผิวหนังเพิ่มพันบางจะมีประสบการณ์กับเด็กในวันนี้เติบโตขึ้นเกินสัมผัสกับระดับสูงของแสงอาทิตย์รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) รังสีเนื่องจากการลดลงของโอโซน (EEA, 2004) เนื่องจากการบางชั้นโอโซนในบรรยากาศ คอมโพเนนต์ UV-B (280-315 nm) จำนวนเพิ่มขึ้นถึงโลกพื้นผิว มีผลกระทบรุนแรงอาจสำหรับสุขภาพมนุษย์ ในขณะที่บางแสงแดดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับก่อวิตามินดี สัมผัสมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลร้ายได้ทันทีเช่น: phototoxic ผิวไหม้ปฏิกิริยา ปฏิกิริยาภาพแพ้ ผื่น แดง ฯลฯ (Matsumura และ Ananthaswamy, 2004) และรุนแรงปลายผลที่ตามมาเช่นมะเร็งผิวหนังต้อกระจกตา (Gallagher และลี 2006) ตามรายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตากให้ดวงอาทิตย์ยังมีอาจมีผลกดภูมิคุ้มกัน (Katiyar, 2007) หน่วยงานนานาชาติเพื่อการวิจัยมะเร็ง IARC มีจัดรังสีอาทิตย์เป็นสารก่อมะเร็งของมนุษย์เป็นสิ่งแวดล้อม และอยู่ในกลุ่ม 1(IARC, 1992)มะเร็งผิวหนังเกี่ยวข้องกับแสงแดดเข้มข้น ประปราย (มา) เป็นแสงแดดเรื้อรัง(ฟอกหนัง) (CDC, 2002) ทำซ้ำ และรุนแรงมาในวัยเด็กมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของผิวมะเร็งในชีวิต ประวัติแสงแดดของแต่ละบุคคลก่อนอายุ 20 ปีจะ เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ(CDC, 2002) ในทศวรรษที่ อุบัติการณ์ของมะเร็งผิวหนังเพิ่มปีละ 6-10 ในประชากรผิว fairer

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. บทนำ
กว่า 50 ปีข้างหน้านับพันบางส่วนของมะเร็งผิวหนังเป็นพิเศษจะมีประสบการณ์เป็นเด็กวันนี้เติบโตขึ้น
มากกว่าที่สัมผัสกับระดับที่สูงขึ้นของรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ (UV) เนื่องจากการสูญเสียโอโซน (EEA, 2004) เพราะ
ชั้นทินเนอร์ของโอโซนในบรรยากาศที่จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นขององค์ประกอบ UV-B (ที่ 280-315 นาโนเมตร) ถึงโลก
พื้นผิวที่มีผลกระทบรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของมนุษย์ ในขณะที่การได้รับสารบางอย่างไปยังดวงอาทิตย์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ
การก่อตัวของวิตามินดีที่ได้รับสารมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลกระทบในทันทีเช่นการถูกแดดเผา phototoxic
ปฏิกิริยาปฏิกิริยาแพ้ผื่นแดง ฯลฯ (มัตสึและ Ananthaswamy, 2004) และปลายรุนแรง
ผลกระทบ เช่นการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจกตา (กัลลาเกอร์และลี, 2006) ตามที่ได้รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้การตาก
แดดยังมีผลกระทบที่มีศักยภาพในการปราบปรามภูมิคุ้มกัน (Katiyar 2007) หน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยเกี่ยวกับ
โรคมะเร็ง IARC ได้จัดรังสีดวงอาทิตย์เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์สิ่งแวดล้อมและวางมันลงไปในกลุ่มที่ 1
(IARC, 1992).
การเกิดโรคมะเร็งผิวหนังมีความเกี่ยวข้องกับความรุนแรงการสัมผัสเป็นระยะ ๆ ดวงอาทิตย์ (sunburns) เช่นเดียวกับการสัมผัสกับแสงแดดเรื้อรัง
(ฟอก) (CDC, 2002) ซ้ำแล้วซ้ำอีกผิวไหม้จากแดดอย่างรุนแรงในวัยเด็กที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของผิวหนัง
มะเร็งในภายหลัง ประวัติศาสตร์แสงแดดของแต่ละบุคคลก่อนที่จะอายุ 20 ปีดูเหมือนจะเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ
(CDC, 2002) ในทศวรรษที่ผ่านมาอุบัติการณ์ของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังเป็นสองเท่าในแต่ละ 6-10 ปีในประชากรผิวธรรม