By the early 1980s, the BBC notes t

By the early 1980s, the BBC notes that Japan began concentration on further development of digital timepieces. Digital watches could display the time and date by this time – also stopwatch features were becoming popular. Smaller digital alarm clocks became common. Powered by electricity, they were usually reliable except for one problem: when the power went out, even for a second, the clocks would reset themselves. Clocks with a backup battery source were later introduced on the market. According to Wikipedia, digital clocks became standard in automobiles during the 1980s. Before this time, the standard was a circular or square-shaped analog clock with unnumbered markings indicating the 12 points on a traditional clock face. Digital display clocks today are far more advanced, with more elaborate models able to display temperature, the date and more defined fragments of time. Some special types of clocks, such as Atomic Clocks, also commonly use digital displays.

Many early clock patents describe a Geneva gear mechanism, which is described as a turning wheel with leaf plates used to display the time. The wheel was powered by a crystal oscillator. One downfall of the Geneva gear was that it could only have a ratio of 12 to 1; the leaves could not be segmented into 1 and 10-minute intervals. This would require 60 leaves to be put on a wheel, which would be impossible for the small compact clock design that was desired for digital clocks.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 บีบีซีบันทึกที่ญี่ปุ่นเริ่มมีความเข้มข้นในการพัฒนาต่อไปของนาฬิกาดิจิตอล นาฬิกาดิจิตอลสามารถแสดงเวลาและวันที่ในเวลานี้ - คุณสมบัตินาฬิกาจับเวลานอกจากนี้ยังได้กลายเป็นที่นิยม ที่มีขนาดเล็กนาฬิกาปลุกดิจิตอลกลายเป็นเรื่องธรรมดา ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าพวกเขาก็มักจะเป็นที่เชื่อถือได้ยกเว้นหนึ่งปัญหา: เมื่อไฟออกไปแม้จะเป็นครั้งที่สอง, นาฬิกาจะตั้งค่าตัวเอง นาฬิกาที่มีแหล่งแบตเตอรี่สำรองถูกนำมาต่อมาในตลาด ตามที่วิกิพีเดีย, นาฬิกาดิจิตอลกลายเป็นมาตรฐานในรถยนต์ในช่วงทศวรรษ 1980 ก่อนที่เวลานี้มาตรฐานเป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมนาฬิกาอะนาล็อกที่มีเครื่องหมายเลขหมายระบุ 12 จุดบนหน้าปัดนาฬิกาแบบดั้งเดิม นาฬิกาดิจิตอลแสดงผลในวันนี้อยู่ห่างไกลมีขั้นสูงที่มีรูปแบบซับซ้อนมากขึ้นสามารถแสดงอุณหภูมิวันที่และชิ้นส่วนที่กำหนดไว้มากขึ้นเวลา บางชนิดพิเศษของนาฬิกาเช่นนาฬิกาอะตอมยังมักใช้แสดงผลแบบดิจิตอล. สิทธิบัตรนาฬิกาหลายต้นอธิบายกลไกเกียร์เจนีวาซึ่งอธิบายว่าเป็นล้อเปลี่ยนด้วยแผ่นใบที่ใช้ในการแสดงเวลา ล้อที่ถูกขับเคลื่อนโดย oscillator คริสตัล หนึ่งการล่มสลายของเกียร์เจนีวาก็คือว่ามันจะมีอัตราส่วนของ 12-1 นั้น ใบไม่สามารถแบ่งเป็นที่ 1 และช่วงเวลา 10 นาที นี้จะต้องมี 60 ใบที่จะใส่ในล้อซึ่งจะเป็นไปไม่ได้สำหรับการออกแบบนาฬิกาที่มีขนาดกะทัดรัดขนาดเล็กที่เป็นที่ต้องการสำหรับนาฬิกาดิจิตอล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 , บีบีซีระบุว่า ญี่ปุ่นเริ่มมีความเข้มข้นในการพัฒนาต่อไปของนาฬิกาดิจิตอล นาฬิกาดิจิตอลจะแสดงเวลาและวันที่ โดยเวลานี้–คุณสมบัติยังนาฬิกาจับเวลากำลังเป็นที่นิยม มีขนาดเล็กดิจิตอลนาฬิกาปลุกกลายเป็นทั่วไป ขับเคลื่อนโดยไฟฟ้าที่พวกเขาเชื่อถือได้ปกติ ยกเว้นปัญหาหนึ่ง : เมื่อไฟดับ แม้แต่วินาทีเดียวนาฬิกาจะรีเซ็ทตัวเอง นาฬิกาที่มีแบตเตอรี่สำรองที่มาภายหลังก็ได้เปิดตัวในตลาด ตามวิกิพีเดีย , นาฬิกาดิจิตอลกลายเป็นมาตรฐานในรถยนต์ในช่วงปี 1980 ก่อนที่เวลานี้มาตรฐานเป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมรูปนาฬิกาอะนาล็อกกับเครื่องหมายที่ไม่มีเลขหมายแสดง 12 จุดบนใบหน้านาฬิกาแบบดั้งเดิมวันนี้นาฬิกาดิจิตอลแสดงไกลขั้นสูงกับสามารถแสดงผลอุณหภูมิแบบซับซ้อนมากขึ้น และเพิ่มเติมกำหนดวันเศษเสี้ยวของเวลา บางประเภทของนาฬิกา เช่น นาฬิกาอะตอม ยังมักใช้แสดงนาฬิกาดิจิตอล

หลายๆสิทธิบัตรอธิบายเจนีวาเฟืองกลไก ซึ่งอธิบายว่า เปลี่ยนล้อกับใบจานที่ใช้แสดงเวลาล้อที่ถูกขับเคลื่อนโดย oscillator คริสตัล . หนึ่งในความหายนะของเกียร์ที่เจนีวา คือว่ามันอาจมีสัดส่วน 12 กับ 1 ใบ ไม่อาจจะแบ่งออกเป็น 1 และ 10 นาที ช่วงเวลา นี้จะต้อง 60 ใบ จะใส่ล้อ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เล็กกะทัดรัด นาฬิกาออกแบบที่ปรารถนา
นาฬิกาดิจิตอล .