Increasing forest stress and tree m

Increasing forest stress and tree mortality has been directly linked to combinations of drought and high temperatures.
The climatic changes expected during the next decades – large increases in mean temperature, increased
heat waves, and significant long-term regional drying in the western USA – will likely increase chronic forest
stress andmortality. The aimof this research is to develop and apply a newforest vulnerability index (FVI) associatedwith
drought and high temperatures across the Pacific Northwest region (PNW; Oregon andWashington)
of the USA during the MODIS Aqua era (since 2003). Our technique incorporates the alterations to canopy water
and energy exchange processes caused by drought and high temperatures with spatially continuousMODIS land
surface temperature (LST) and evapotranspiration (ET), andwith Parameter-elevation Relationships on Independent
Slopes Model (PRISM) precipitation (P) data.With P and ET, we calculate a monthly water balance variable
for each individual pixel normalized by forest type group (FTG), and then difference the water balance with the
corresponding normalizedmonthlymean LST to calculate amonthly forest stress index (FSI).We then extract the
pixel-specific (800-mresolution) statistically significant temporal trends of the FSI from 2003 to 2012 by month
(April to October). The FVI is the slope of the monthly FSI across years, such that there is a FVI for each month.
Statistically significant positive slopes indicate interannual increases in stress leading to expected forest vulnerability
(positive FVI) for a given month. Positive FVI values were concentrated in the months of August and
September, with peak vulnerability occurring at different times for different FTGs. Overall, increased vulnerability
rates were the highest in drier FTGs such as Ponderosa Pine, Juniper, and Lodgepole Pine. Western Larch and
Fir/Spruce/Mountain Hemlock groups occupy moister sites but also had relatively high proportion of positive FVI
values. The Douglas-fir group had the second largest total area of increased vulnerability due to its large areal
extent in the study area. Based on an analysis using imagery viewed in Google Earth, we confirm that areas
with increased vulnerability are associated with greater amounts of stress and mortality. The FVI is a new way
to conceptualize and monitor forest vulnerability based on first-order principles and has the potential to be
generalized to other geographical areas.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพิ่มตายเครียดและต้นไม้ป่าตรงลิงค์กับชุดของภัยแล้งและอุณหภูมิสูงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดว่าในช่วงทศวรรษถัดไป – เพิ่มขนาดใหญ่ในอุณหภูมิหมายถึง เพิ่มขึ้นคลื่นความร้อน และสำคัญระยะยาวในภูมิภาคแห้งในอเมริกาตะวันตก – ป่าเรื้อรังเพิ่มขึ้นแนวโน้มที่จะความเครียด andmortality Aimof การวิจัยนี้เป็นการ พัฒนา และใช้เป็น newforest ช่องโหว่ดัชนี (FVI) associatedwithภัยแล้งและอุณหภูมิสูงในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ (PNW AndWashington โอเรกอน)ของสหรัฐอเมริกาในยุคควา MODIS (ตั้งแต่ 2003) เราสามารถเปลี่ยนแปลงหลังคาน้ำและกระบวนการแลกเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากภัยแล้งและอุณหภูมิสูง ด้วย spatially continuousMODIS ที่ดินอุณหภูมิพื้นผิว (LST) และ evapotranspiration (ET), ความสัมพันธ์ andwith ยกระดับพารามิเตอร์บนอิสระลาดข้อมูลฝน (P) ของแบบจำลอง (ปริซึม) P และ ET เราคำนวณตัวแปรสมดุลน้ำรายเดือนสำหรับแต่ละพิกเซลแต่ละตามปกติ โดยกลุ่มชนิดป่า (FTG), และจากนั้น ความแตกต่างของน้ำสมดุลกับการสอดคล้อง normalizedmonthlymean LST เพื่อคำนวณดัชนีความเครียดของป่า amonthly (FSI) เราแยกการเฉพาะพิกเซล (800-mresolution) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติแนวโน้มขมับของ FSI จาก 2003 2012 เดือน(เมษายน-ตุลาคม) การ FVI คือ ความชันของ FSI เดือนข้ามปี ที่มี FVI ในแต่ละเดือนลาดเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติแสดงว่า interannual เพิ่มความเครียดนำไปสู่ป่าคาดว่าช่องโหว่(บวก FVI) ในเดือนนี้ ค่า FVI บวกมีความเข้มข้นในเดือนสิงหาคม และกันยายน ช่องโหว่สูงสุดที่เกิดขึ้นในเวลาที่ต่างกันสำหรับต่าง FTGs. โดยรวม เพิ่มช่องโหว่ราคาถูกสุดใน FTGs แห้ง เช่นสน Ponderosa จูนิเปอร์ สน Lodgepole ลาร์ชตะวันตก และกลุ่มเฟอร์โก้/ภูเขาก้าวล่วงเข้าไปครอบครอง moister ไซต์ แต่ยัง มีสัดส่วนค่อนข้างสูงบวก FVIค่า กลุ่มสเฟอร์มีอันดับสองพื้นที่เสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากของใหญ่แลกขอบเขตในพื้นที่ศึกษา จากการวิเคราะห์โดยใช้ภาพที่ดูใน Google Earth เรายืนยันว่า พื้นที่ด้วยช่องโหว่เพิ่มขึ้นเกี่ยวข้องกับความเครียดและตายจำนวนมากกว่า FVI เป็นวิธีการใหม่การทำ และตรวจสอบป่า ช่องโหว่ตามหลักลำดับแรก และมีศักยภาพที่จะทั่วไปอื่น ๆ พื้นที่ทางภูมิศาสตร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความเครียดที่เพิ่มขึ้นป่าไม้และการตายของต้นไม้ได้รับการเชื่อมโยงโดยตรงกับการรวมกันของภัยแล้งและอุณหภูมิสูง.
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่คาดว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาต่อไป - ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
คลื่นความร้อนและมีความสำคัญในระยะยาวการอบแห้งในระดับภูมิภาคในภาคตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา - จะ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นป่าเรื้อรัง
andmortality ความเครียด aimof งานวิจัยนี้คือการพัฒนาและใช้ช่องโหว่ดัชนี newforest (FVI) associatedwith
ภัยแล้งและอุณหภูมิสูงทั่วภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ (PNW; โอเรกอน andWashington)
ของประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงยุค MODIS Aqua (ตั้งแต่ปี 2003) เทคนิคของเราประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงท้องฟ้าน้ำ
และการแลกเปลี่ยนพลังงานกระบวนการที่เกิดจากภัยแล้งและอุณหภูมิสูงกับ continuousMODIS ตำแหน่งที่ดิน
อุณหภูมิพื้นผิว (LST) และการคายระเหย (ET) andwith ความสัมพันธ์พารามิเตอร์การยกระดับบนอิสระ
ลาดรุ่น (PRISM) เร่งรัด (P) ข้อมูล กีฬาทางน้ำโรงแรม P และ ET เราจะคำนวณตัวแปรความสมดุลของน้ำรายเดือน
สำหรับแต่ละพิกเซลแต่ละปกติตามประเภทป่า Group (FTG) แล้วความแตกต่างความสมดุลของน้ำที่มี
LST normalizedmonthlymean ที่สอดคล้องกันในการคำนวณดัชนีความเครียด amonthly ป่า (FSI) เราแล้วดึง
พิกเซลเฉพาะ (800 mresolution) แนวโน้มชั่วนัยสำคัญทางสถิติของ FSI 2003-2012 ตามเดือน
(เมษายนตุลาคม) FVI คือความลาดชันของ FSI รายเดือนข้ามปีดังกล่าวว่ามีความเป็น FVI สำหรับแต่ละเดือน.
เนินเขาในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติบ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของ Interannual ความเครียดที่นำไปสู่ช่องโหว่ป่าคาด
(บวก FVI) สำหรับเดือนที่กำหนด ค่า FVI บวกมีความเข้มข้นในเดือนสิงหาคมและ
กันยายนมีช่องโหว่ที่เกิดขึ้นสูงสุดในช่วงเวลาที่แตกต่างกันสำหรับ FTGs ที่แตกต่างกัน โดยรวม, ช่องโหว่ที่เพิ่มขึ้น
อัตราการเป็นคนที่สูงที่สุดใน FTGs แห้งเช่น Ponderosa สนจูนิเปอร์และ Lodgepole ไพน์ เวสเทิร์ Larch และ
เฟอร์ / โก้ / ก้าวล่วงเข้าไปในภูเขากลุ่มครอบครองเว็บไซต์ความชื้น แต่ยังมีสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงของ FVI บวก
ค่า กลุ่มดักลาสเฟอร์มีพื้นที่รวมใหญ่เป็นอันดับสองของความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขนหัวลุกที่มีขนาดใหญ่
มีขอบเขตในพื้นที่ศึกษา บนพื้นฐานของการวิเคราะห์โดยใช้ภาพดูใน Google Earth เรายืนยันว่าพื้นที่
ที่มีช่องโหว่ที่เพิ่มขึ้นมีความเกี่ยวข้องกับจำนวนเงินที่มากขึ้นของความเครียดและการตาย FVI เป็นวิธีการใหม่
ในการสร้างกรอบความคิดและตรวจสอบช่องโหว่ป่าบนพื้นฐานของหลักการลำดับแรกและมีศักยภาพที่จะ
ทั่วไปไปยังพื้นที่ทางภูมิศาสตร์อื่น ๆ