Acne is a common disorder with a hi

Acne is a common disorder with a high prevalence among adolescents and often it causes atrophic scars [1-3]. The prevalence and severity of acne scars in the population is not well known. Goulden et al. [4] reported an incidence rate of 11% in men and of 14% in women while patients interviewed by Poli et al. [5] believed to have acnes scars in 49% of cases. Layton et al. found that facial scarring affects both sexes equally and occurs quite in 90% of patients with acne. The pathogenesis of atrophic acne scarring is not completely understood, but it is most likely related to inflammatory mediators and enzymatic degradation of collagen fibers. Literature also demonstrated that the incidence of scars is sometimes correlated to the severity of acne but it is strictly correlated also to the delay of starting acne treatment and the duration of inflammatory response [6] Genetic factors, which can determine differences in the process of cell-mediated immune response and in the capacity to respond to tissue damage, are the main factors influencing scar formation [7].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สิวเป็นโรคทั่วไป มีความชุกสูงในหมู่วัยรุ่นและมักจะทำให้รอยแผลเป็น atrophic [1-3] ชุกและความรุนแรงของสิวในประชากรไม่รู้จัก Goulden et al. [4] รายงานมีอัตราอุบัติการณ์ ของ 11% ในผู้ชาย และ 14% ในผู้หญิงในขณะที่ผู้ป่วยสัมภาษณ์โดย Poli et al. [5] เชื่อกันว่ามีรอยแผลเป็นจากสิวเป็น 49% ของกรณีและปัญหา Layton et al. พบว่า รอยแผลเป็นผิวหน้ามีผลต่อทั้งสองเพศเท่า ๆ กัน และเกิดใน 90% ของผู้ป่วยที่มีสิวค่อนข้าง พยาธิกำเนิดของ atrophic สิวรอยแผลเป็นจะไม่เข้าใจ แต่มักเกี่ยวข้องกับการอักเสบเอนไซม์ในระบบย่อยสลายของเส้นใยคอลลาเจน เอกสารประกอบการแสดงว่า เกิดรอยแผลเป็นเป็นบางครั้ง correlated กับความรุนแรงของสิว แต่จะเป็นอย่างเคร่งครัด correlated ยังเพื่อหน่วงเวลาการเริ่มรักษาสิว และระยะเวลาการตอบสนองการอักเสบ [6] ปัจจัยทางพันธุกรรม ซึ่งสามารถกำหนดความแตกต่าง ระหว่างเซลล์– mediated ภูมิคุ้มกันตอบสนอง และความสามารถในการตอบสนองต่อความเสียหายของเนื้อเยื่อ ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการก่อตัวของรอยแผลเป็น [7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สิวเป็นโรคที่พบบ่อยมีความชุกสูงในหมู่วัยรุ่นและมักจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นมันตีบ [1-3] ความชุกและความรุนแรงของรอยแผลเป็นจากสิวในกลุ่มประชากรที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักกันดี กูลเด้น et al, [4] รายงานอัตราอุบัติการณ์ของ 11% ในผู้ชายและ 14% ในผู้หญิงในขณะที่ผู้ป่วยที่สัมภาษณ์โดย Poli et al, [5] เชื่อว่าจะมีรอยแผลเป็นจากสิวใน 49% ของกรณี เลย์ตัน et al, พบว่ามีผลกระทบต่อการเกิดแผลเป็นบนใบหน้าทั้งสองเพศอย่างเท่าเทียมกันและเกิดขึ้นมากใน 90% ของผู้ป่วยที่มีสิว การเกิดโรคของสิวรอยแผลเป็นแกร็นจะไม่เข้าใจ แต่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะไกล่เกลี่ยการอักเสบและการเสื่อมสภาพของเอนไซม์ของเส้นใยคอลลาเจน วรรณคดีนอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าอุบัติการณ์ของรอยแผลเป็นที่มีความสัมพันธ์บางครั้งความรุนแรงของการเกิดสิว แต่ก็มีความสัมพันธ์อย่างเคร่งครัดนอกจากนี้ยังมีความล่าช้าของการเริ่มต้นการรักษาสิวและระยะเวลาของการตอบสนองต่อการอักเสบ [6] ปัจจัยทางพันธุกรรมซึ่งสามารถตรวจสอบความแตกต่างในกระบวนการของเซลล์ การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน -mediated และความสามารถในการตอบสนองต่อความเสียหายของเนื้อเยื่อที่เป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลเกิดแผลเป็น [7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สิวเป็นปกติโรคที่มีความชุกสูงของวัยรุ่นและมักจะทำให้เกิดแผลเป็นฝ่อ [ 1-3 ] ความชุกและความรุนแรงของสิวในประชากรไม่ได้รู้จักกันดี กัวล์เดน et al . [ 4 ] รายงานอุบัติการณ์อัตรา 11% ในผู้ชาย และ 14% ในผู้หญิงในขณะที่ผู้ป่วยสัมภาษณ์โดยโปลิ et al . [ 5 ] เชื่อว่ามีสิวแผลเป็นใน 49 % ของคดี เลย์ตัน et al .พบว่ามีผลกระทบต่อทั้งสองเพศอย่างเท่าเทียมกันและเกิดแผลเป็นบนใบหน้าที่เกิดขึ้นค่อนข้างใน 90% ของผู้ป่วยสิว การเกิดของสิว scarring ลีบไม่สมบูรณ์เข้าใจ แต่มันมีแนวโน้มมากที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการไกล่เกลี่ยการอักเสบและเอนไซม์ของ เส้นใย คอลลาเจนวรรณกรรมยังแสดงให้เห็นว่าการเกิดแผลเป็น บางครั้งมีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของสิว แต่มันเป็นอย่างเคร่งครัด มีความสัมพันธ์กับการเริ่มต้นและการรักษาสิวที่ระยะเวลาของการตอบสนองการอักเสบ [ 6 ] พันธุกรรมปัจจัยซึ่งสามารถตรวจสอบความแตกต่างในกระบวนการของการตรึงเซลล์ภูมิคุ้มกัน และความสามารถในการตอบสนองต่อความเสียหายที่เนื้อเยื่อเป็นหลักปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเกิดแผลเป็น [ 7 ]