นิทานเรื่อง : เด็กขายไม้ขีดไฟหนาวเหลือเกิน หิมะกำลังตก และราตรีกำลังคื การแปล - นิทานเรื่อง : เด็กขายไม้ขีดไฟหนาวเหลือเกิน หิมะกำลังตก และราตรีกำลังคื ไทย วิธีการพูด

นิทานเรื่อง : เด็กขายไม้ขีดไฟหนาวเห

นิทานเรื่อง : เด็กขายไม้ขีดไฟ
หนาวเหลือเกิน หิมะกำลังตก และราตรีกำลังคืบคลานเข้ามาถึง วันนี้เป็น วันสุดท้ายของปี วันส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่ ในความหนาวเยียบเย็น และมืดมัวนั้น ในถนนสายหนึ่งมีผู้คนมากมายออกมาเดินเลือกซื้อของ ขวัญกันด้วยหน้าตาที่สดชื่นเพราะวันนี้เป็นคืนวันสิ้นปี และในท่ามกลาง ความขวักไขว่ของผู้คนเหล่านั้น ได้มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆแต่งตัวด้วยเสื้อผ้า ที่เก่าและสกปรกคนหนึ่งเดินไปตามถนนสายนั้นเพื่อ ขายไม้ขีดไฟซึ่งเป็น อาชีพของเธอนั่นเอง เธอห่อไม้ขีดไฟไว้ในผ้ากันเปื้อน และถือไว้ในมืออีก กำใหญ่ เด็กน้อยเดินตะโกนร้องขายไม้ขีดไฟไปเรื่อย ๆ " มีใครต้องการไม้ ขีดไฟบ้างไหมคะ...ไม้ขีดไฟค่ะ... ไม้ขีดไฟ"

" คุณป้าขา...ช่วยกรุณาเมตตาซื้อไม้ขีดให้หนูหน่อยสิคะ " เธอร้องบอก ขายกับสองแม่ลูกคู่หนึ่งที่เดินผ่านมา ด้วยหวังว่าสองแม่ลูกคู่นี้ดูท่าทาง จะเป็นคนใจดี ไม่แน่หรอกบางทีเธออาจจะได้รับความเมตตาบ้างก็อาจเป็นได้ " ไม้ขีดไฟที่บ้านมีอยู่แล้วมากมาย...ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที ไม่เอาหรอกจ๊ะ ลองไปถามขายคนอื่นดูเถอะ " ไม่มีใครซื้อไม้ขีดจากเธอเลยตลอด ทั้งวัน และไม่มีใครให้ทานเธอเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว หนูน้อยที่น่าสงสาร เดินคอตกหนาวสั่นและหิวโหยน่าเวทนายิ่งนัก เกล็ดหิมะเกาะกรังเป็นปุยอยู่บน ผมสีทองยาวสลวยประบ่าของเธอ แน่นอน แม่หนูไม่ได้คิดอาลัยไยดีในสารรูป ของตัวเองเลยสักนิด

เธอพยายามที่จะขายไม้ขีดไฟให้ได้ เพราะถ้าวันนี้เธอขายไม้ขีดไม่ได้เลยสักกำหรือไม่ได้ เงินเลยแม้สักชิลลิ่งหนึ่งแล้ว เมื่อกลับบ้านไปโดยมือเปล่า เธอจะต้องถูกพ่อซึ่งเป็นคนขี้เมาตบตีเอาอย่างทารุณ เด็กหญิง ตัวน้อยๆคนนี้ จึงพยายามเดินขายไม้ขีดไฟของเธอไปเรื่อย ๆอย่างใจลอย และขณะที่เธอ กำลังจะข้ามถนนไป อีกฝั่งหนึ่งนั้น ก็ได้มีรถเกวียนแล่นผ่านมาด้วยความเร็วสูง เธอจึงกระโดดหลบ มันทำให้ร้องเท้าคู่เก่า ๆที่เธอใส่มานั้นต้องกระเด็นไป คนละทิศคนละทาง เธอตกใจมากแต่ก็ร้องห่วงรองเท้าของเธอขึ้นด้วย เสียง อันดังว่า " โอ๊ะ รองเท้า "

เด็กน้อยผู้น่าสงสารมองตามรองเท้าที่กระเด็นไปนั้นอย่างนึกเสียดาย เพราะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่รองเท้าคู่ เก่า ๆที่ใหญ่เกิดขนาดเท้าของเธออย่างมาก ก็ตาม แต่มันเป็นรองเท้าของแม่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วของเธอและ เป็นรองเท้า คู่ที่เธอมีไว้สวมใส่ออกไปข้างนอกในหน้าหนาวเพื่อประทั้งความหนาวเย็น ให้เพียงคู่เดียวเท่านั้น...แรงกระโดดด้วยความลนลานทำให้รองเท้า ข้างหนึ่งกระเด็นหายไปไหนไม่รู้ ส่วนอีกข้างเด็กชายจอมเกเร คนหนึ่งคว้าเอาไปได้ แล้วก็ร้องบอกว่า " เขาจะเอาไปทำอู่ให้ลูกของเขานอน " ก่อนที่จะวิ่งหนีหายไปจากที่นั่น...

ด้วยเหตุนี้ แม่หนูน้อยจึงต้องเดินด้วยเท้าเปล่าที่แดงคล้ำช้ำไปเพราะความ หนาวไปตามถนน เธอรวบรวมเก็บไม้ขีดไฟที่ตกกระจัดกระจายเกลื่อนกราดไปหมด นั้นอย่างเศร้าหมอง " ไม้ขีดพวกนี้คงจะนำมาขายเป็นสินค้าไม่ได้ต่อไปอีกแล้ว นี่ถ้ากลับไปบ้านเราจะต้องโดนพ่อดุด่าทุบตีมากมายขนาดไหนนะ " เธอคิด อย่างเลื่อนลอย แล้วเธอก็ออกเดินต่อไปอย่างไรจุดหมายปลายทาง เท้าเล็ก ๆ คู่นั้น บอบช้ำจนเขียวเพราะความเย็นของหิมะ โธ่..เวรกรรมอะไรของเธอนะ..ช่าง เป็นเด็กน้อยที่น่าสงสารเสียเหลือเกิน....

มีแสงสว่างส่องออกมาจากหน้าต่างตามบ้านทุกบาน และมีกลิ่น หอมหวนของห่านอบโชยกรุ่นออกมาสู่ถนน ใช่สิ..วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อ ต้อนรับปีใหม่ หนูน้อยพร่ำรำพึงกับตัวเองตลอดเวลา เสียงหัวเราะต่อกระซิก และเริงร่าอย่างมีความสุขของคนในบ้านเหล่านั้น เรียก ร้องให้เธอไปหยุดและแอบมองดู ในที่สุดก็ถึงวันสิ้นปีแล้วสินะ เรื่องนี้ต่างหาก ที่อยู่ในความคิดของเธอ วูปหนึ่งที่เธอคิดอิจฉาพวกเขาเหล่านั้น พลันน้ำตาของ เธอก็ไหลลงมาอย่างสุดจะกลั้น มันไหลเป็นทางลงมาเป็นสายไม่ยอมหยุด

เธอนึกถึงแม่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...เพราะเมื่อตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่ก็มักจะ จัดงานเลี้ยงฉลองและทำอาหาร เพื่อขอบคุณพระเจ้าในวันคริสต์มาส ให้กับเธอและครอบครัวเสมอ...แต่ตอนนี้ไม่มีแม่เสียแล้ว เธอเห็นพวกคนในบ้าน กำลังมอบห่อของขวัญให้กับพวกลูก ๆของเขา เด็ก ๆรีบแกะห่อของขวัญกันอย่างดีใจ ช่างน่าอิจฉาความโชคดีของพวกเขาเหล่านั้นเสียเหลือเกิน...เธอแอบมอง ความสุขของพวกเขาเหล่านั้น อยู่นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และเธอมารู้สึกตัวเอาก็ต่อเมื่อ ไฟที่สว่างไสวในบ้านหลังนั้นได้ถูกดับลง ทุกอย่างกลับคืนสู่ สภาพที่เงียบเหงา และเวิ้งว้างอย่างเก่าของมันไปทั่วทั้งบริเวณนั้นอีกครั้งหนึ่ง...

หิมะยังคงตกลงมาเป็นระยะ ๆ เด็กหญิงยังคงเดินต่อมาอีก
เรื่อย ๆและเพราะ ความหนาวและอ่อนเพลีย เธอ จึงเดินไปล้มตัวลงนั่งหลบอยู่ที่บันไดบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีชายคายื่นออกมาน้อยนิดแต่คงพอช่วยที่จะใช้หลบ หิมะได้บ้าง เธอนั่งห่อตัว ให้เล็กลงเพื่อหวังจะให้อุ่นขึ้นเพื่อคลายความหนาว แต่มันก็ไม่สามารถที่จะ ช่วยให้เธอหายหนาวได้เลยสักน้อยนิด เธอไม่กล้ากลับไปที่บ้านด้วยเพราะกลัวพ่อมาก พ่อจะโหดร้ายกับเธอเสมอเวลาที่พ่อเมา...เธอกลัวเหลือเกิน...เด็กน้อยหนาว จนสั่นเทาไปทั้งตัว มือของเธอเย็นเฉียบจนเกือบจะ เป็นน้ำแข็ง เธอพยายามหดตัว ให้เล็กลงไปอีก แต่เธอก็ยังคงหนาวอยู่อย่างนั้น เธอไม่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเลยจริงๆ

มือเล็ก ๆ ทั้งสองของแม่หนูเย็นเฉียบชืดชาไปหมดด้วยความหนาวเหน็บ อา...ไม้ขีดไฟก้านเล็ก ๆ นี้สักก้านอาจจะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้น หากเธอจะกล้าดึง เอามันออกมาจากมัดเพียงก้านเดียวเท่านั้น แล้วขีดเข้ากับกำแพง เพื่อ อังนิ้วของตัวเองให้อุ่นขึ้น แล้วในที่สุดแม่หนูน้อยก็ดึงไม้ขีดออกมาหนึ่งก้าน " แชะ " เกิดประกายวาบแล้วก็ลุกโพลงขึ้น มันเป็นเปลวอันแสนสดใสและ อบอุ่น คล้ายดวงเทียนเล่มเล็ก ๆ หนูน้อยเอามือขึ้นป้องมันไว้ เป็นดวง ประทีปที่แสนวิเศษ หนูน้อยเคลิ้มไปว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ที่หน้าเตาผิง ที่มีประตู และลูกบิดเป็นทองเหลืองขนาดใหญ่ ไฟกำลังลุกโพลงและ แสนจะอบอุ่น

วิเศษ....แม่หนูยื่นเท้าออกไปเพื่อจะอังให้มันอุ่นขึ้น แต่ เปลวไฟก็ดับวูบลง เตาผิงก็ได้หายวับไป หนูน้อยนั่งถือก้านไม้ขีดไฟ ที่ไหม้แล้วค้างอยู่ในมือไม้ขีดไฟก้านใหม่ถูกจุดขึ้นมาอีก มันไหม้โพรง สว่างไสว คราวนี้ผนังตึก ซึ่งแสงสว่างฉาบฉายไปกระทบนั้นกลายเป็น โปร่งใสคล้ายเยื่อไม้อันบางเบา หนู
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
นิทานเรื่อง: เด็กขายไม้ขีดไฟหนาวเหลือเกินหิมะกำลังตกและราตรีกำลังคืบคลานเข้ามาถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่ในความหนาวเยียบเย็นและมืดมัวนั้นในถนนสายหนึ่งมีผู้คนมากมายออกมาเดินเลือกซื้อของขวัญกันด้วยหน้าตาที่สดชื่นเพราะวันนี้เป็นคืนวันสิ้นปีและในท่ามกลางความขวักไขว่ของผู้คนเหล่านั้นได้มีเด็กหญิงตัวเล็กๆแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เก่าและสกปรกคนหนึ่งเดินไปตามถนนสายนั้นเพื่อขายไม้ขีดไฟซึ่งเป็นอาชีพของเธอนั่นเองเธอห่อไม้ขีดไฟไว้ในผ้ากันเปื้อนและถือไว้ในมืออีกกำใหญ่เด็กน้อยเดินตะโกนร้องขายไม้ขีดไฟไปเรื่อยๆ "มีใครต้องการไม้ขีดไฟบ้างไหมคะ... ไม้ขีดไฟค่ะ... ไม้ขีดไฟ" "คุณป้าขา... ช่วยกรุณาเมตตาซื้อไม้ขีดให้หนูหน่อยสิคะ "เธอร้องบอกขายกับสองแม่ลูกคู่หนึ่งที่เดินผ่านมาด้วยหวังว่าสองแม่ลูกคู่นี้ดูท่าทางจะเป็นคนใจดีไม่แน่หรอกบางทีเธออาจจะได้รับความเมตตาบ้างก็อาจเป็นได้" ไม้ขีดไฟที่บ้านมีอยู่แล้วมากมาย... ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดสักทีไม่เอาหรอกจ๊ะลองไปถามขายคนอื่นดูเถอะ "ไม่มีใครซื้อไม้ขีดจากเธอเลยตลอดทั้งวันและไม่มีใครให้ทานเธอเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียวหนูน้อยที่น่าสงสารเดินคอตกหนาวสั่นและหิวโหยน่าเวทนายิ่งนักเกล็ดหิมะเกาะกรังเป็นปุยอยู่บนผมสีทองยาวสลวยประบ่าของเธอแน่นอนแม่หนูไม่ได้คิดอาลัยไยดีในสารรูปของตัวเองเลยสักนิด เธอพยายามที่จะขายไม้ขีดไฟให้ได้เพราะถ้าวันนี้เธอขายไม้ขีดไม่ได้เลยสักกำหรือไม่ได้เงินเลยแม้สักชิลลิ่งหนึ่งแล้วเมื่อกลับบ้านไปโดยมือเปล่าเธอจะต้องถูกพ่อซึ่งเป็นคนขี้เมาตบตีเอาอย่างทารุณเด็กหญิงตัวน้อยๆคนนี้จึงพยายามเดินขายไม้ขีดไฟของเธอไปเรื่อยๆอย่างใจลอยและขณะที่เธอกำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งนั้นก็ได้มีรถเกวียนแล่นผ่านมาด้วยความเร็วสูงเธอจึงกระโดดหลบมันทำให้ร้องเท้าคู่เก่าๆที่เธอใส่มานั้นต้องกระเด็นไปคนละทิศคนละทางเธอตกใจมากแต่ก็ร้องห่วงรองเท้าของเธอขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า "โอ๊ะรองเท้า" เด็กน้อยผู้น่าสงสารมองตามรองเท้าที่กระเด็นไปนั้นอย่างนึกเสียดายเพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่รองเท้าคู่เก่าๆที่ใหญ่เกิดขนาดเท้าของเธออย่างมากก็ตามแต่มันเป็นรองเท้าของแม่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วของเธอและเป็นรองเท้าคู่ที่เธอมีไว้สวมใส่ออกไปข้างนอกในหน้าหนาวเพื่อประทั้งความหนาวเย็นให้เพียงคู่เดียวเท่านั้น... แรงกระโดดด้วยความลนลานทำให้รองเท้าข้างหนึ่งกระเด็นหายไปไหนไม่รู้ส่วนอีกข้างเด็กชายจอมเกเรคนหนึ่งคว้าเอาไปได้แล้วก็ร้องบอกว่า "เขาจะเอาไปทำอู่ให้ลูกของเขานอน" ก่อนที่จะวิ่งหนีหายไปจากที่นั่น... ด้วยเหตุนี้แม่หนูน้อยจึงต้องเดินด้วยเท้าเปล่าที่แดงคล้ำช้ำไปเพราะความหนาวไปตามถนนเธอรวบรวมเก็บไม้ขีดไฟที่ตกกระจัดกระจายเกลื่อนกราดไปหมดนั้นอย่างเศร้าหมอง "ไม้ขีดพวกนี้คงจะนำมาขายเป็นสินค้าไม่ได้ต่อไปอีกแล้วนี่ถ้ากลับไปบ้านเราจะต้องโดนพ่อดุด่าทุบตีมากมายขนาดไหนนะ" เธอคิดอย่างเลื่อนลอยแล้วเธอก็ออกเดินต่อไปอย่างไรจุดหมายปลายทางเท้าเล็กๆ คู่นั้นบอบช้ำจนเขียวเพราะความเย็นของหิมะโธ่... เวรกรรมอะไรของเธอนะ... ช่างเป็นเด็กน้อยที่น่าสงสารเสียเหลือเกิน... มีแสงสว่างส่องออกมาจากหน้าต่างตามบ้านทุกบานและมีกลิ่นหอมหวนของห่านอบโชยกรุ่นออกมาสู่ถนนใช่สิ... วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่หนูน้อยพร่ำรำพึงกับตัวเองตลอดเวลาเสียงหัวเราะต่อกระซิกและเริงร่าอย่างมีความสุขของคนในบ้านเหล่านั้นเรียกร้องให้เธอไปหยุดและแอบมองดูในที่สุดก็ถึงวันสิ้นปีแล้วสินะเรื่องนี้ต่างหากที่อยู่ในความคิดของเธอวูปหนึ่งที่เธอคิดอิจฉาพวกเขาเหล่านั้นพลันน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอย่างสุดจะกลั้นมันไหลเป็นทางลงมาเป็นสายไม่ยอมหยุด เธอนึกถึงแม่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้... เพราะเมื่อตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่แม่ก็มักจะจัดงานเลี้ยงฉลองและทำอาหารเพื่อขอบคุณพระเจ้าในวันคริสต์มาสให้กับเธอและครอบครัวเสมอ... แต่ตอนนี้ไม่มีแม่เสียแล้วเธอเห็นพวกคนในบ้านกำลังมอบห่อของขวัญให้กับพวกลูกๆของเขาเด็กๆรีบแกะห่อของขวัญกันอย่างดีใจช่างน่าอิจฉาความโชคดีของพวกเขาเหล่านั้นเสียเหลือเกิน... เธอแอบมองความสุขของพวกเขาเหล่านั้นอยู่นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้และเธอมารู้สึกตัวเอาก็ต่อเมื่อไฟที่สว่างไสวในบ้านหลังนั้นได้ถูกดับลงทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพที่เงียบเหงาและเวิ้งว้างอย่างเก่าของมันไปทั่วทั้งบริเวณนั้นอีกครั้งหนึ่ง... หิมะยังคงตกลงมาเป็นระยะๆ เด็กหญิงยังคงเดินต่อมาอีกเรื่อยๆและเพราะความหนาวและอ่อนเพลียเธอจึงเดินไปล้มตัวลงนั่งหลบอยู่ที่บันไดบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีชายคายื่นออกมาน้อยนิดแต่คงพอช่วยที่จะใช้หลบหิมะได้บ้างเธอนั่งห่อตัวให้เล็กลงเพื่อหวังจะให้อุ่นขึ้นเพื่อคลายความหนาวแต่มันก็ไม่สามารถที่จะช่วยให้เธอหายหนาวได้เลยสักน้อยนิดเธอไม่กล้ากลับไปที่บ้านด้วยเพราะกลัวพ่อมากพ่อจะโหดร้ายกับเธอเสมอเวลาที่พ่อเมา... เธอกลัวเหลือเกิน... เด็กน้อยหนาวจนสั่นเทาไปทั้งตัวมือของเธอเย็นเฉียบจนเกือบจะเป็นน้ำแข็งเธอพยายามหดตัวให้เล็กลงไปอีกแต่เธอก็ยังคงหนาวอยู่อย่างนั้นเธอไม่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเลยจริง ๆ มือเล็กๆ ทั้งสองของแม่หนูเย็นเฉียบชืดชาไปหมดด้วยความหนาวเหน็บอา... ไม้ขีดไฟก้านเล็กๆ นี้สักก้านอาจจะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นหากเธอจะกล้าดึงเอามันออกมาจากมัดเพียงก้านเดียวเท่านั้นแล้วขีดเข้ากับกำแพงเพื่ออังนิ้วของตัวเองให้อุ่นขึ้นแล้วในที่สุดแม่หนูน้อยก็ดึงไม้ขีดออกมาหนึ่งก้าน "แชะ" เกิดประกายวาบแล้วก็ลุกโพลงขึ้นมันเป็นเปลวอันแสนสดใสและอบอุ่นคล้ายดวงเทียนเล่มเล็กๆ หนูน้อยเอามือขึ้นป้องมันไว้เป็นดวงประทีปที่แสนวิเศษหนูน้อยเคลิ้มไปว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ที่หน้าเตาผิงที่มีประตูและลูกบิดเป็นทองเหลืองขนาดใหญ่ไฟกำลังลุกโพลงและแสนจะอบอุ่น วิเศษ... แม่หนูยื่นเท้าออกไปเพื่อจะอังให้มันอุ่นขึ้นแต่เปลวไฟก็ดับวูบลงเตาผิงก็ได้หายวับไปหนูน้อยนั่งถือก้านไม้ขีดไฟที่ไหม้แล้วค้างอยู่ในมือไม้ขีดไฟก้านใหม่ถูกจุดขึ้นมาอีกมันไหม้โพรงสว่างไสวคราวนี้ผนังตึกซึ่งแสงสว่างฉาบฉายไปกระทบนั้นกลายเป็นโปร่งใสคล้ายเยื่อไม้อันบางเบาหนู
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
นิทานเรื่องเด็กขายไม้ขีดไฟ
:หนาวเหลือเกินหิมะกำลังตกและราตรีกำลังคืบคลานเข้ามาถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่ในความหนาวเยียบเย็นและมืดมัวนั้นในถนนสายหนึ่งมีผู้คนมากมายออกมาเดินเลือกซื้อของและในท่ามกลางความขวักไขว่ของผู้คนเหล่านั้นได้มีเด็กหญิงตัวเล็กๆแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เก่าและสกปรกคนหนึ่งเดินไปตามถนนสายนั้นเพื่อขายไม้ขีดไฟซึ่งเป็นอาชีพของเธอนั่นเองและถือไว้ในมืออีกกำใหญ่เด็กน้อยเดินตะโกนร้องขายไม้ขีดไฟไปเรื่อยไม่มี " มีใครต้องการไม้ขีดไฟบ้างไหมคะ .. . . . . . . ไม้ขีดไฟค่ะ . . . . . . . ไม้ขีดไฟ "

" คุณป้าขา . . . . . . .ช่วยกรุณาเมตตาซื้อไม้ขีดให้หนูหน่อยสิคะ " เธอร้องบอกขายกับสองแม่ลูกคู่หนึ่งที่เดินผ่านมาด้วยหวังว่าสองแม่ลูกคู่นี้ดูท่าทางจะเป็นคนใจดีไม่แน่หรอกบางทีเธออาจจะได้รับความเมตตาบ้างก็อาจเป็นได้ ". . . . . . .ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดสักทีไม่เอาหรอกจ๊ะลองไปถามขายคนอื่นดูเถอะ " ไม่มีใครซื้อไม้ขีดจากเธอเลยตลอดทั้งวันและไม่มีใครให้ทานเธอเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียวหนูน้อยที่น่าสงสารเกล็ดหิมะเกาะกรังเป็นปุยอยู่บนผมสีทองยาวสลวยประบ่าของเธอแน่นอนแม่หนูไม่ได้คิดอาลัยไยดีในสารรูปของตัวเองเลยสักนิด

เธอพยายามที่จะขายไม้ขีดไฟให้ได้เพราะถ้าวันนี้เธอขายไม้ขีดไม่ได้เลยสักกำหรือไม่ได้เงินเลยแม้สักชิลลิ่งหนึ่งแล้วเมื่อกลับบ้านไปโดยมือเปล่าเธอจะต้องถูกพ่อซึ่งเป็นคนขี้เมาตบตีเอาอย่างทารุณเด็กหญิงจึงพยายามเดินขายไม้ขีดไฟของเธอไปเรื่อยๆอย่างใจลอยและขณะที่เธอกำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งนั้นก็ได้มีรถเกวียนแล่นผ่านมาด้วยความเร็วสูงเธอจึงกระโดดหลบมันทำให้ร้องเท้าคู่เก่าคนละทิศคนละทางเธอตกใจมากแต่ก็ร้องห่วงรองเท้าของเธอขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า " โอ๊ะรองเท้า "

เด็กน้อยผู้น่าสงสารมองตามรองเท้าที่กระเด็นไปนั้นอย่างนึกเสียดายเพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่รองเท้าคู่เก่าๆที่ใหญ่เกิดขนาดเท้าของเธออย่างมากก็ตามแต่มันเป็นรองเท้าของแม่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วของเธอและคู่ที่เธอมีไว้สวมใส่ออกไปข้างนอกในหน้าหนาวเพื่อประทั้งความหนาวเย็นให้เพียงคู่เดียวเท่านั้น .. . . . . . . แรงกระโดดด้วยความลนลานทำให้รองเท้าข้างหนึ่งกระเด็นหายไปไหนไม่รู้ส่วนอีกข้างเด็กชายจอมเกเรคนหนึ่งคว้าเอาไปได้แล้วก็ร้องบอกว่า " เขาจะเอาไปทำอู่ให้ลูกของเขานอนก่อนที่จะวิ่งหนีหายไปจากที่นั่น

" . . . . . . .ด้วยเหตุนี้แม่หนูน้อยจึงต้องเดินด้วยเท้าเปล่าที่แดงคล้ำช้ำไปเพราะความหนาวไปตามถนนเธอรวบรวมเก็บไม้ขีดไฟที่ตกกระจัดกระจายเกลื่อนกราดไปหมดนั้นอย่างเศร้าหมอง "นี่ถ้ากลับไปบ้านเราจะต้องโดนพ่อดุด่าทุบตีมากมายขนาดไหนนะ " เธอคิดอย่างเลื่อนลอยแล้วเธอก็ออกเดินต่อไปอย่างไรจุดหมายปลายทางเท้าเล็กจะคู่นั้นบอบช้ำจนเขียวเพราะความเย็นของหิมะโธ่ .. . . . . . . . . . . . . . .

เวรกรรมอะไรของเธอนะช่างเป็นเด็กน้อยที่น่าสงสารเสียเหลือเกินมีแสงสว่างส่องออกมาจากหน้าต่างตามบ้านทุกบานและมีกลิ่นหอมหวนของห่านอบโชยกรุ่นออกมาสู่ถนนใช่สิ . . . . . . .วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่หนูน้อยพร่ำรำพึงกับตัวเองตลอดเวลาเสียงหัวเราะต่อกระซิกและเริงร่าอย่างมีความสุขของคนในบ้านเหล่านั้นเรียกร้องให้เธอไปหยุดและแอบมองดูเรื่องนี้ต่างหากที่อยู่ในความคิดของเธอวูปหนึ่งที่เธอคิดอิจฉาพวกเขาเหล่านั้นพลันน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอย่างสุดจะกลั้นมันไหลเป็นทางลงมาเป็นสายไม่ยอมหยุด

เธอนึกถึงแม่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เพราะเมื่อตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่แม่ก็มักจะจัดงานเลี้ยงฉลองและทำอาหารเพื่อขอบคุณพระเจ้าในวันคริสต์มาสให้กับเธอและครอบครัวเสมอ . . . . . . . . . . . . . .แต่ตอนนี้ไม่มีแม่เสียแล้วเธอเห็นพวกคนในบ้านกำลังมอบห่อของขวัญให้กับพวกลูกๆของเขาเด็กๆรีบแกะห่อของขวัญกันอย่างดีใจช่างน่าอิจฉาความโชคดีของพวกเขาเหล่านั้นเสียเหลือเกิน . . . . . . .เธอแอบมองความสุขของพวกเขาเหล่านั้นอยู่นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้และเธอมารู้สึกตัวเอาก็ต่อเมื่อไฟที่สว่างไสวในบ้านหลังนั้นได้ถูกดับลงทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพที่เงียบเหงา. . . . . . .

หิมะยังคงตกลงมาเป็นระยะจะเด็กหญิงยังคงเดินต่อมาอีก
เรื่อยๆและเพราะความหนาวและอ่อนเพลีย You จึงเดินไปล้มตัวลงนั่งหลบอยู่ที่บันไดบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีชายคายื่นออกม
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: