หม่อนมีชื่อภาษาอังกฤษว่า มัลเบอรี่ (Mulberry) ดังนั้นผลของมันจึงเป็นผลไม้ประเภทเบอรี่ด้วย ลักษณะเหมือนพวงองุ่นช่อเล็กๆ ที่กอดกันแน่น ขนาดประมาณหนึ่งข้อนิ้วก้อย (นิ้วลุงยองนะ) ซึ่งจะเปลี่ยนสีจากเขียวอ่อนเป็นส้มเป็นแดง จนเมื่อสุกเต็มที่จะเป็นสีม่วงเข้มมีรสหวานฉ่ำชื่นใจ แต่ผลแดงๆ ก็กินได้แล้วแต่จะออกเปรี้ยวๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ ลูกหม่อนกินสดๆ ก็ได้ นำมาแปรรูปก็ดี ทั้งทำน้ำผลไม้ ไวน์ แยม แถมมีประโยชน์มากหลายเป็นยาระบายอ่อนๆ บำรุงไต บำรุงโลหิต (เหมาะสำหรับคนโลหิตจางและสตรีมีครรภ์) และมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ ป้องกันมะเร็งและชะลอริ้วรอยความชรา
ต้นหม่อนก็แสนจะปลูกง่ายดาย ที่บ้านลุงก็มีอยู่สองสามต้น ต้นใดใบงามเขียวออกลูกดกตลอดทั้งปี ลุงยองก็เลยจะมาแนะนำลูกๆ หลานได้ทดลองปลูก หรือจะทำไร่เอาเป็นจริงเป็นจังเลยก็ยังได้ แต่ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ แล้วการปลูกต้นหม่อนก็เพื่อจะเก็บใบไปเลี้ยงตัวหนอนไหม เพื่อให้ผลิตเส้นไหมเบาบางเงางาม นำมาถักทอเป็นผืนผ้าสวยงามที่ขึ้นชื่อลือชาของไทย ส่วนชาใบหม่อนและผลเบอรี่นั้นเป็นผลพลอยได้ แต่ในปัจจุบันที่คนเราตื่นตัวกันเรื่องสุขภาพไม่ได้เลี้ยงไหมทอผ้าก็ไม่เป็นไร
หม่อนเป็นไม้ยืนต้น เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนอย่างบ้านเราขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิด แต่ต้องระบายน้ำได้ดีไม่ท่วมขัง ถ้าหมั่นดูแลรักษาสวนหม่อนอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ต้นหม่อนจะมีอายุยืนยาวได้กว่า 10 ปีเลยทีเดียว เมื่อนำต้นอ่อนสูงขนาดหนึ่งไม้บรรทัดลงปลูกแล้ว ก็คอยพรวนดินให้ร่วนโปร่งเพื่อให้มีการระบายอากาศ กำจัดวัชพืช ตัดแต่งกิ่ง (ไม่เก็บแค่เป็นใบ แต่ตัดไปทั้งกิ่งเลย) ยิ่งตัดก็ยิ่งแตกกิ่งใบใหม่แถมออกลูกพร้อมกันไปด้วย ใส่ปุ๋ยเป็นระยะเพื่อเป็นการเพิ่มธาตุอาหารในดิน แต่ต้องเป็นปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักเท่านั้นเพราะเราใช้เป็นอาหารจะได้ไม่มีสารพิษตกค้างนะ