• ห้อง 6 แบบแผนการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนบนดอยตุง
เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงมีพระราชดำริริเริ่มโคงการพัฒนาดอยตุงๆ เพื่อแก้ไขปัญหาของดินแดนที่เป็นส่วนหนึ่งของสามเหลี่ยมทองคำอย่างครบวงจร ด้วยการ “ปลูกป่า ปลูกคน” ควบคู่กันไป โดยทรงศึกษาจากโครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำกิจกรรมการพัฒนาต่างๆ มาปรับใช้ที่ดอยตุง หรือเรียกง่ายๆว่า เป็นโครงการพัฒนาที่ “แม่เรียนจากลูก” ทุกวันนี้ ทั้งคนและผืนป่าของดอยตุง ได้รับการพลิกฟื้นคืนสู่ชีวิตที่พอเพียงและมีศักดิ์ศรี
• ห้อง 7 ห้องแห่งแรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจที่สมาชิกราชสกุลมหิดลทั้งห้าพระองค์ทรงมีต่อกันและกัน ได้นำไปสู่ทางออกของปัญหาและปัญหาเล่า และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีแก่ประเทศชาติบ้านเมืองมากมาย
เวลาทำการ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00 – 17.00 น.
ค่าบำรุงสถานที่
บุคคลทั่วไป ผู้สูงอายุ นักเรียน/นักศึกษา เด็กสูงไม่เกิน 120 ซ.ม.
50 บาท – – –
พระธาตุดอยตุง เป็นเจดีย์สีทองคู่กันตั้งอยู่ริมหน้าผา อายุเก่าแก่หลายร้อยปี จากที่ตั้งเจดีย์นี้สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้ อากาศเย็นสบาย
ประวัติพระธาตุดอยตุง
ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุดอยตุงสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอชุตราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองโยนกนาคพันธุ์ (ปัจจุบันคืออำเภอแม่จัน) พระมหากัสสปะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) แล้วมอบให้แก่ พระเจ้าอชุตราช ได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นไว้บนดอยแห่งนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ แล้วจึงได้ให้ทำตุง (ธง) มีความยาว 1,000 วาปักบนยอดเขาหากตุงปลิวไปถึงที่ใดก็กำหนดให้เป็นฐานของพระเจดีย์ ทั้งนี้พระองค์ได้พระราชทานทองคำให้พวกลาวจกเป็นค่าที่ดิน และให้พวกมิลักขุ 500 ครอบครัวดูแลรักษาพระธาตุ ต่อมาในสมัยพญามังรายแห่งราชวงศ์มังราย พระมหาวชิรโพธิเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวาย 50 องค์ พญามังราย
จึงให้สร้างพระเจดีย์อีกองค์ใกล้กับเจดีย์องค์เดิม นับจากนั้นเป็นต้นมาพระธาตุดอยตุงจึงได้มีเจดีย์สององค์มาจนถึงทุกวันนี้
ตุง นับเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของชาวล้านนา หมายถึง ความเจริญรุ่งรุ่ง การมีชัยชนะ ในวัดจะมี รอยปักตุง เป็นรอยแยกบนพื้น ยาวประมาณ 1 ฟุต อยู่ด้านหน้าพระธาตุ เชื่อกันว่าเป็นรอยแยกที่ใช้ปักฐานตุงบูชาพระธาตุ สร้างมาประมาณ 1,000 ปีแล้ว พระบรมธาตุดอยตุงเป็นที่เคารพสักการะของชาวล้านนา ทุกปีจะมีงานนมัสการพระบรมธาตุในวันเพ็ญเดือน 3 ยังถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีกุน ที่นิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
5. สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง
สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง หรือ สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ ตั้งอยู่ที่บนดอยช้างมูบ เหนือพระธาตุดอยตุงขึ้นไปตามถนนประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ใกล้กับชายแดนไทย – พม่า เป็นสวนที่รวมพันธุ์ไม้หายาก และพันธุ์ไม้พื้นเมือง โดยเฉพาะกุหลาบพันปีจากหลายประเทศ นางพญาเสือโคร่ง กล้วยไม้พื้นเมือง รองเท้านารี เป็นต้น ได้นำมาปลูกในสวนอย่างเป็นธรรมชาติ ท่ามกลางป่าสน มีเส้นทางเดินชมลัดเลาะตามไหล่เขา มีลานสำหรับพักผ่อน เพื่อชมวิวทิวทัศน์ได้รอบ ซึ่งสามารถมองเห็นประเทศเพื่อนบ้าน และแม่น้ำโขงได้ และจะยิ่งสวยงามมาก ในช่วงที่ดอกซากุระเมืองไทยหรือนางพญาเสือโคร่งบาน ในราวต้นเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ จนกลายเป็นสวนป่าที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง
ภายในบริเวณดอยมีพระสถูปช้างมูป เป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ตั้งอยู่บนกองหินขนาดใหญ่ มีลักษณะเหมือนช้างหมอบอยู่ และยังมีต้นสนและต้นไม้ใหญ่อายุนับร้อยปี ซึ่งขนย้ายขึ้นมาปลูกไว้ เนื่องจากการสร้างถนนสายเชียงราย-แม่สาย ซึ่งใช้ปลูกเพื่ออนุรักษ์ดินและต้นน้ำ
เวลาทำการ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00 – 17.00 น.
ค่าบำรุงสถานที่
บุคคลทั่วไป ผู้สูงอายุ นักเรียน/นักศึกษา เด็กสูงไม่เกิน 120 ซ.ม.
50 บาท 25 บาท 25 บาท –
บัตรเข้าชมชนิดรวม
นอกจากการซื้อบัตรเข้าชมเป็นที่ๆ แล้ว ยังมีบัตรเข้าชมแบบรวม 3-4 ที่ ราคาจะถูกกว่าซื้อแยก
• บัตรเข้าชม 3 ที่ พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง และ หอแห่งแรงบันดาลใจ
บุคคลทั่วไป ผู้สูงอายุ นักเรียน/นักศึกษา เด็กสูงไม่เกิน 120 ซ.ม.
190 บาท 90 บาท 90 บาท –
• บัตรเข้าชม 4 ที่ พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง หอแห่งแรงบันดาลใจ และ สวนรุกชาติแม่ฟ้าหลวง (สวนกุหลาบพันปี)
บุคคลทั่วไป ผู้สูงอายุ นักเรียน/นักศึกษา เด็กสูงไม่เกิน 120 ซ.ม.
220 บาท 110 บาท 110 บาท –