Research on thinking ordinarily exa

Research on thinking ordinarily examines individual or group differences in performance under "typical" conditions, although sometimes it attempts to optimize performance by providing hints or special instruction. It often looks at changes in performance over time. A major stream of research on thinking that was begun by Galton studies the intercorrelations among "factors" assumed to reflect stable (and perhaps inherent) mental characteristics (see Carroll, 1978, for a history of mental ability testing and test theory). A positive aspect of much of this research has been its willingness to examine naturally occurring relationships as a source of hypotheses to be tested. But a negative aspect, only partly redressed by the influence of Vygotsky and Piaget, has been the heavy use of elaborate Statistical procedures—such as correlation analysis, regression analysis, and factor analysis—which ordinarily require the questionable assumptions that relationships are linear and effects additive (Hamilton, 1980). Until recently. furthermore, this research has virtually ignored social and cultural influences on Thinking.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิจัยคิดปกติตรวจสอบแต่ละราย หรือกลุ่มส่วนต่างในประสิทธิภาพการทำงานภายใต้เงื่อนไข "ทั่วไป" ถึงแม้ว่าบางครั้งจะพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยการให้คำแนะนำหรือคำสั่งพิเศษ มันมักจะดูที่การเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพการทำงานช่วงเวลา กระแสหลักคิดที่ถูกเริ่มต้น โดย Galton วิจัยศึกษา intercorrelations ระหว่าง "ปัจจัย" สันนิษฐานถึงมั่นคง (และอาจเป็นแต่กำเนิด) จิตลักษณะ (ดูคาร์ 1978 ประวัติของการทดสอบความสามารถทางจิตและการทดสอบทฤษฎี) เป็นด้านบวกมากในงานวิจัยนี้มีความยินดีที่จะตรวจสอบความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นแหล่งที่มาของสมมุติฐานที่จะทดสอบ แต่ด้านลบ redressed เพียงบางส่วน โดยอิทธิพลของ Vygotsky และปียาแฌ ได้ใช้วิธีการทางสถิติอย่างประณีตหนัก — เช่นวิเคราะห์ความสัมพันธ์ การวิเคราะห์การถดถอย และวิเคราะห์ปัจจัย — ซึ่งปกติต้องแก้แค้นคืนสมมติฐานว่า มีความสัมพันธ์เชิงเส้นและผลสามารถ (แฮมิลตัน 1980) จนกระทั่งล่าสุด นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ได้แทบละเว้นอิทธิพลทางสังคม และวัฒนธรรมในการคิด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

งานวิจัยเกี่ยวกับการคิดปกติตรวจสอบความแตกต่างของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในการปฏิบัติงานภายใต้หัวข้อ "ปกติ" เงื่อนไขแม้ว่าบางครั้งก็พยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยการให้คำแนะนำหรือคำสั่งพิเศษ มันมักจะมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงในการปฏิบัติงานในช่วงเวลา กระแสหลักของการวิจัยเกี่ยวกับความคิดที่เริ่มจากการศึกษา Galton intercorrelations หมู่ "ปัจจัย" สันนิษฐานว่าจะสะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพ (และโดยธรรมชาติอาจ) ลักษณะทางจิต (ดูคาร์โรลล์, ปี 1978 สำหรับประวัติของการทดสอบความสามารถทางจิตและทฤษฎีการทดสอบ) ด้านบวกของมากของการวิจัยนี้ได้รับความตั้งใจที่จะศึกษาความสัมพันธ์เกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นแหล่งที่มาของสมมติฐานที่จะทดสอบ แต่ด้านลบเพียงเสื้อผ้าบางส่วนจากอิทธิพลของ Vygotsky และเพียเจต์ที่ได้รับการใช้งานหนักของขั้นตอนดังกล่าวเป็นสถิติที่ซับซ้อนการวิเคราะห์ความสัมพันธ์การวิเคราะห์การถดถอยและการวิเคราะห์ซึ่งปกติปัจจัยที่จำเป็นต้องมีการตั้งสมมติฐานที่น่าสงสัยว่ามีความสัมพันธ์เชิงเส้นและมีผลกระทบ สารเติมแต่ง (แฮมิลตัน, 1980) จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้. นอกจากนี้งานวิจัยนี้ได้ละเลยความจริงที่มีอิทธิพลต่อสังคมและวัฒนธรรมในการคิด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งานวิจัยเกี่ยวกับการคิดปกติ ตรวจสอบบุคคล หรือกลุ่มบุคคลความแตกต่างในการปฏิบัติภายใต้เงื่อนไข " ปกติ " , แต่บางครั้งก็พยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโดยการให้คำแนะนำหรือคำสั่งพิเศษ . มันมักจะมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงในการปฏิบัติงานตลอดเวลากระแสหลักในความคิดที่เริ่มโดยแกลตันศึกษามีค่าอยู่ระหว่าง " ปัจจัย " ถือว่าสะท้อนคงที่ ( และบางทีโดยธรรมชาติ ) จิตลักษณะ ( ดู ) , 1978 , สำหรับประวัติของการทดสอบความสามารถทางจิตและทฤษฎีการทดสอบ )ด้านบวกมากของงานวิจัยนี้ได้ศึกษาความสัมพันธ์ของความเต็มใจที่จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นแหล่งของสมมติฐานที่จะทดสอบ แต่ด้านลบเพียงบางส่วน redressed โดยอิทธิพลของไวกอตสกี และ เพียเจต์ ได้รับหนักใช้วิธีการทางสถิติที่ซับซ้อน เช่น การวิเคราะห์ สหสัมพันธ์ การถดถอยการวิเคราะห์และ การวิเคราะห์องค์ประกอบ ซึ่งปกติต้องใช้สมมติฐานที่น่าสงสัยว่า ความสัมพันธ์เชิงเส้นผลและสารเติมแต่ง ( Hamilton , 1980 ) จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้งานวิจัยนี้ได้แทบไม่สนใจสังคมและวัฒนธรรมมีอิทธิพลในการคิด