More specifically, this paper makes

More specifically, this paper makes four contributions. First, using means-ends-chain theory it develops a conceptual framework (Fig. 1) to synthesize the existing theoretical and empirical literature. Second, our results from testing this framework provide guidance to managers and researchers about the conceptualization and measurement of e-service quality, and its association with specific antecedents and consequences. In this regard, we test alternative models of e-service quality dimensions, and examine specific moderators of key relationships. Our moderator analysis provides guidance about boundary conditions (country culture, regulatory environment, and industry) that can mitigate or enhance key relationships. Third, our results clarify measurement issues (appropriate scale items and e-service quality dimensions), sampling issues (e.g., student versus non-student sample), and issues regarding potential co-variates. Fourth, typical of a meta-analysis, we provide many useful empirical generalizations such as those regarding the association between e-service quality dimensions and overall e-service quality, and how these associations are moderated by differences in a country's culture, regulatory system, and industry type. Kamakura, Kopalle, and Lehmann (2014, p. 121) underscore the importance of empirical generalizations in retailing: “grouping related studies (replications) can provide a more powerful test of specific theories than any single study as well as help identify boundary conditions for them.” Bass (1995) clarifies that empirical generalizations enable researchers to (i) assess how far they have progressed in research, (ii) assess what they have learned through the processes, and (iii) develop unifying principles to guide future research. In this regard, our study not only assesses the current progress (what are the existing measures of e-service quality) and the current learning (how these measures relate to key outcomes), but also helps advance research through the conceptual framework provided.

The remainder of this paper is divided into four sections. First, we briefly present our theory and conceptual framework to guide our meta-analysis. Second, we provide an overview of existing conceptualization of the e-service quality construct and hypothesize the effect of contextual factors that have the potential to influence the association between overall e-service quality and its dimensions. Third, we present our findings. Fourth, we develop a research agenda for future research on e-service quality.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระดาษนี้ให้เป็น 4 ครั้งแรก ใช้ทฤษฎีหมายถึงปลายโซ่มันพัฒนาเป็นกรอบแนวคิด (รูปที่ 1) การสังเคราะห์วรรณกรรมเชิงทฤษฎี และเชิงประจักษ์ที่มีอยู่ ที่สอง ผลจากการทดสอบนี้กรอบของเราให้คำแนะนำกับผู้จัดการและนักวิจัยเกี่ยวกับเนยและการวัดคุณภาพบริการอี และความสัมพันธ์กับ antecedents เฉพาะและผลกระทบ ในเรื่องนี้ เราทดสอบรุ่นอื่นของมิติคุณภาพการบริการ e และตรวจสอบเฉพาะผู้ควบคุมความสัมพันธ์คีย์ การวิเคราะห์ของเราดูแลให้คำแนะนำเกี่ยวกับเงื่อนไขขอบเขต (วัฒนธรรมประเทศ ระเบียบ และอุตสาหกรรม) ที่สามารถลด หรือเพิ่มความสัมพันธ์ที่สำคัญ ที่สาม ผลของเราชี้แจงปัญหาการวัด (รายการที่เหมาะสมขนาดและมิติคุณภาพการบริการ e), ปัญหาการสุ่มตัวอย่าง (เช่น นักเรียนและไม่ใช่นักเรียนตัวอย่าง), และปัญหาเกี่ยวกับ variates ร่วมที่อาจเกิดขึ้น สี่ ของ meta-analysis เรามีหลายประโยชน์เชิงประจักษ์เดิม ๆ เช่นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างมิติคุณภาพการบริการ e- และคุณภาพโดยรวมบริการอี วิธีสมาคมเหล่านี้มีควบคุม โดยความแตกต่างในวัฒนธรรมของประเทศ ระบบกำกับดูแล และประเภทอุตสาหกรรม คามาคุระ Kopalle และลีแมนน์ (2014, p. 121) เน้นความสำคัญของเดิม ๆ เชิงประจักษ์ในการค้าปลีก: "การจัดกลุ่มการศึกษาที่เกี่ยวข้อง (ระยะ) สามารถให้การทดสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้นของทฤษฎีเฉพาะเจาะจงกว่าการศึกษาเดียว ตลอดจนช่วยระบุขอบเขตเงื่อนไขสำหรับพวกเขาได้" เบส (1995) ชี้แจงว่า เชิงประจักษ์เดิม ๆ นักวิจัยที่จะ (i) ประเมินว่าพวกเขาได้ก้าวหน้าในงานวิจัย (ii) ประเมินสิ่งที่ได้เรียนรู้ถึงกระบวนการเปิดใช้งาน และ (iii) พัฒนา unifying หลักเพื่อเป็นแนวทางการวิจัยในอนาคต ในเรื่องนี้ ศึกษาของเราไม่เพียงแต่ประเมินความคืบหน้าปัจจุบัน (อะไรเป็นมาตรการที่มีอยู่ของคุณภาพบริการอิเล็กทรอนิกส์) และการเรียนรู้ปัจจุบัน (ว่ามาตรการเหล่านี้สัมพันธ์กับผลลัพธ์สำคัญ), แต่ยัง ช่วยวิจัยตามกรอบแนวคิดไว้ล่วงหน้าThe remainder of this paper is divided into four sections. First, we briefly present our theory and conceptual framework to guide our meta-analysis. Second, we provide an overview of existing conceptualization of the e-service quality construct and hypothesize the effect of contextual factors that have the potential to influence the association between overall e-service quality and its dimensions. Third, we present our findings. Fourth, we develop a research agenda for future research on e-service quality.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดาษนี้จะทำให้ผลงานที่สี่ ครั้งแรกที่ใช้ทฤษฎีหมายถึงปลายโซ่จะพัฒนากรอบแนวคิด (รูปที่ 1). การสังเคราะห์วรรณกรรมเชิงทฤษฎีและเชิงประจักษ์ที่มีอยู่ ประการที่สองผลการทดสอบของเราจากกรอบนี้ให้คำแนะนำให้กับผู้จัดการและนักวิจัยเกี่ยวกับแนวความคิดและการวัดคุณภาพของ E-Service และการเชื่อมโยงกับบุคคลที่เฉพาะเจาะจงและผลที่ตามมา ในเรื่องนี้เราจะทำการทดสอบแบบจำลองทางเลือกของมิติคุณภาพ E-บริการและตรวจสอบผู้ดูแลที่เฉพาะเจาะจงของความสัมพันธ์ที่สำคัญ การวิเคราะห์ของเราเป็นผู้ดูแลให้คำแนะนำเกี่ยวกับเงื่อนไขขอบเขต (วัฒนธรรมประเทศสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและอุตสาหกรรม) ที่สามารถลดหรือเพิ่มความสัมพันธ์ที่สำคัญ ประการที่สามผลของเราชี้แจงปัญหาการวัด (รายการระดับที่เหมาะสมและ e-Service มิติคุณภาพ) ปัญหาการสุ่มตัวอย่าง (เช่นนักเรียนเมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ใช่นักเรียน) และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศักยภาพร่วม variates- ประการที่สี่ตามแบบฉบับของ meta-analysis เราให้ภาพรวมเชิงประจักษ์ที่มีประโยชน์มากมายเช่นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมิติคุณภาพ E-บริการและคุณภาพ E-บริการโดยรวมและวิธีการที่สมาคมเหล่านี้จะถูกตรวจสอบโดยความแตกต่างในวัฒนธรรมของประเทศระบบการกำกับดูแล และประเภทอุตสาหกรรม คามาคู Kopalle และมาห์น. (2014, หน้า 121) ขีดความสำคัญมาจากการทดลองในธุรกิจค้าปลีก: "การจัดกลุ่มการศึกษาที่เกี่ยวข้อง (ซ้ำ) สามารถให้การทดสอบประสิทธิภาพมากขึ้นของทฤษฎีที่เฉพาะเจาะจงกว่าการศึกษาใด ๆ เดียวเช่นเดียวกับช่วยในการระบุเงื่อนไขขอบเขตสำหรับ พวกเขา. "เบส (1995) ชี้แจงว่าภาพรวมเชิงประจักษ์ที่จะช่วยให้นักวิจัย (i) ประเมินว่าไกลพวกเขามีความก้าวหน้าในการวิจัย (ii) ประเมินสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการและ (iii) การพัฒนาหลักการรวมกันเพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยในอนาคต ในเรื่องนี้การศึกษาของเราไม่เพียง แต่ประเมินความคืบหน้าปัจจุบัน (สิ่งที่เป็นมาตรการที่มีอยู่ของคุณภาพของ E-Service) และการเรียนรู้ในปัจจุบัน (วิธีมาตรการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับผล Key) แต่ยังช่วยให้การวิจัยล่วงหน้าผ่านกรอบแนวคิดที่จัดไว้ให้.

ที่เหลือของบทความนี้จะแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ครั้งแรกที่เรานำเสนอในเวลาสั้น ๆ ทฤษฎีและกรอบความคิดของเราที่จะให้คำแนะนำของเรา meta-analysis ประการที่สองเราให้ภาพรวมของแนวความคิดที่มีอยู่ของการสร้างคุณภาพของ E-Service และตั้งสมมติฐานผลกระทบของปัจจัยบริบทที่มีศักยภาพที่จะมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพ E-บริการโดยรวมและขนาดของมัน ประการที่สามเรานำเสนอผลการวิจัยของเรา ประการที่สี่เราพัฒนาวาระการวิจัยสำหรับการวิจัยในอนาคตเกี่ยวกับคุณภาพของ E-Service