Six years after the global financia

Six years after the global financial crisis, GDP growth for a majority of the world economies
has shifted to a noticeably lower path compared to pre-crisis levels. Excluding the three years
of 2008-2010, which featured, respectively, the eruption of the financial crisis, the great
recession and the policy-driven rebound, four fifths of the world economies have seen
average growth in 2011-2014 that was lower than the average growth in 2004-2007 (figure 2).
At issue is whether such a shift to a lower path of growth in most countries will become
entrenched for a long period. According to some pessimistic views, major developed
economies are highly likely to be entrapped in a secular stagnation (box 2), while
policymakers in China have indeed taken growth of 7.0-7.5 per cent as the new normal for
the Chinese economy, compared with the average growth of 10 per cent that China achieved
in the previous three decades. Many other large emerging economies, particularly outside
Asia, have also seen a much slower growth trajectory in recent years as internal weaknesses
interact with challenging external conditions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หกปีหลังจากวิกฤตการเงินโลก เศรษฐกิจสำหรับส่วนใหญ่ของเศรษฐกิจโลกได้เปลี่ยนไปยังเส้นทางลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับระดับก่อนวิกฤต รวม 3 ปีของปี 2008-2010 ซึ่งที่โดดเด่น ตามลำดับ การปะทุของวิกฤตการเงิน มหาราชถดถอยและการตอบสนองนโยบายการขับเคลื่อน fifths 4 ของเศรษฐกิจโลกได้เห็นเจริญเติบโตเฉลี่ยใน 2011-2014 ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตเฉลี่ยในปี 2004-2007 (รูป 2)ปัญหาคือ ว่า กะดังกล่าวไปยังเส้นทางล่างเจริญเติบโตในประเทศส่วนใหญ่จะเป็นมั่นคงแห่งรัฐเป็นเวลานาน ตามบางมุมมองในเชิงลบ หลักพัฒนาเศรษฐกิจมีแนวโน้มสูงที่จะถูกเก็บกักในความซบเซาทางโลก (กล่อง 2), ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายในประเทศจีนจริงได้เติบโตร้อยละ 7.0-7.5 เป็นปกติใหม่สำหรับเศรษฐกิจจีน การเปรียบเทียบกับการเติบโตเฉลี่ยของร้อยละ 10 ที่จีนประสบความสำเร็จใน 3 ทศวรรษก่อนหน้านั้น หลายอื่น ๆ ขนาดใหญ่เกิดขึ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านนอกเอเชีย ได้เห็นอีกเป็นมากช้าเจริญเติบโตของวิถีในปีที่ผ่านมาจุดอ่อนภายในโต้ตอบกับสภาพภายนอกที่ท้าทาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หกปีหลังจากวิกฤตการเงินโลกเจริญเติบโตของ GDP
ส่วนใหญ่ของเศรษฐกิจโลกได้เปลี่ยนไปยังเส้นทางที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับระดับก่อนวิกฤต ไม่รวมสามปีของ 2008-2010 ซึ่งเป็นจุดเด่นตามลำดับการระเบิดของวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ดีในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการตอบสนองนโยบายขับเคลื่อนสี่ในห้าของเศรษฐกิจโลกได้เห็นการเติบโตเฉลี่ยใน2011-2014 ที่ต่ำกว่า การเติบโตเฉลี่ยใน 2004-2007 (รูปที่ 2). ที่มีปัญหาคือว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไปยังเส้นทางของการเจริญเติบโตที่ต่ำกว่าในประเทศส่วนใหญ่จะกลายเป็นที่ยึดที่มั่นเป็นระยะเวลานาน ตามมุมมองในแง่ร้ายบางอย่างที่สำคัญการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมากมีแนวโน้มที่จะเก็บกักความเมื่อยล้าในโลก (2 กล่อง) ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายในประเทศจีนมีการดำเนินการจริงการเจริญเติบโตของร้อยละ7.0-7.5 เป็นปกติใหม่สำหรับเศรษฐกิจจีนเมื่อเทียบกับการเจริญเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 ที่ประเทศจีนประสบความสำเร็จในทศวรรษที่ผ่านมาก่อนหน้าสาม อื่น ๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นใหม่ที่มีขนาดใหญ่เศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่นอกทวีปเอเชียยังได้เห็นวิถีการเจริญเติบโตช้าลงมากในปีที่ผ่านมาเป็นจุดอ่อนภายในโต้ตอบกับสภาพภายนอกที่ท้าทาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

6 ปีหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลก , การเจริญเติบโตของ GDP สำหรับส่วนใหญ่ของเศรษฐกิจโลกได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ลดเส้นทางเมื่อเทียบกับระดับก่อนวิกฤต ไม่รวม 3 ปี
ของธุรกิจที่โดดเด่น ได้แก่ การปะทุของวิกฤตการณ์ทางการเงินถดถอยที่ดี
และนโยบายขับเคลื่อนตอบสนองสี่ห้าของโลกเศรษฐกิจที่ได้เห็น
มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยใน 2011-2014 ที่ต่ำกว่าการเติบโตเฉลี่ยใน 2004-2007 ( รูปที่ 2 ) .
ที่ปัญหาไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนเส้นทางล่างของการเจริญเติบโตในประเทศส่วนใหญ่จะกลายเป็น
น่าสำหรับระยะเวลานาน ตามบางสาขาพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งมุมมอง
ที่มีโอกาสสูงที่จะตกลงในซบเซาฆราวาส ( 2 กล่อง ) ในขณะที่ร้อยละในประเทศจีนมีแน่นอน
ถ่ายการเจริญเติบโตของ 70-7.5 ร้อยละปกติใหม่สำหรับ
เศรษฐกิจจีน เทียบกับอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 ว่า จีนประสบความสำเร็จ
ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา หลายๆ ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะนอก
เอเชียยังได้เห็นการเจริญเติบโตช้ามากในวิถีที่ผ่านมาเป็น
จุดอ่อนภายในโต้ตอบกับความท้าทายภายนอก .