As a fossil fuel, natural gas is fo

As a fossil fuel, natural gas is formed from the decaying remains of pre-historic plant and animal life. As with petroleum, most natural gas formation is due to the breakdown of prehistoric marine zooplankton. Zooplankton subsist on a diet of phytoplankton, which, in turn, rely upon the energy of the sun to produce organic matter and energy through photosynthesis.
We can think of gas (or oil or coal for that matter) as organic material that is prevented from complete decay. Typically, it will be found at the top of petroleum reservoirs, where it has been formed by the combined action of methanogenic bacteria (they produce methane while they decompose organic material) and through catagenesis (the thermal decomposition of kerogen). As marine sediments are buried deep within the earth, high temperatures and pressures lead to varying degrees of the completion of catagenesis, which is the process that produces both petroleum and natural gas. Higher temperatures and pressures favor the formation of lighter hydrocarbons (natural gas), and so oil/gas formations that are deeper in the earth tend to have a greater ratio of gas to petroleum. Following the production of natural gas through the processes of diagenesis and catagenesis, the newly formed natural gas will attempt to migrate to a new location. Because the earth is filled entirely by layers of solid (or at significant depths) molten rock, the gas it contains cannot exist within a self-contained “lake”, but must decide to live within the small fraction of space (or pores) that exist in these rocks. Like the sponge in your kitchen sink (albeit, less spongy and a bit heavier) certain kinds of rock (mainly sandstone and limestone) contain pores large enough and with enough connections to serve as storage and migration sites for gas or oil or water or any other fluid wishing to call them home. Because the light hydrocarbons that comprise natural gas are lighter than water and rock, those that exist within the earth will tend to migrate upwards until they reach the surface, or are trapped by an impermeable layer of rock
Methane is also produced by bacteria (methanogens) that decompose organic matter under anoxic conditions, referred to as biogenic methane. These microorganisms are active in the intestines of most animals, and are responsible for methane release from decomposing landfill waste. In the process of petroleum formation, methane may be formed in this manner during the early stages burial.
A large supply of methane is also present within coal seams, where it is found adsorbed to the structure of the coal; where it was formed by methanogenic bacteria during the decomposition process and also during catagenesis of the forming coal. “Coalbed methane” is found to lack the presence of heavier hydrocarbons (as in hydrocarbon reservoirs) and also sulfur compounds (thus the name “sweet gas”). This methane is in a near liquid state lining the pores of the coal, and is partially released when pressure in the reservoir declines due to the presence of a withdrawal well.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล ก๊าซธรรมชาติจะเกิดขึ้นจากยังคง decaying พืชสมัยก่อนประวัติศาสตร์และชีวิตสัตว์ เช่นเดียวกับปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่ก่อเป็นเนื่องจากการแบ่งยุคก่อนประวัติศาสตร์ทางทะเล zooplankton Zooplankton subsist ในอาหารของ phytoplankton ซึ่ง จะ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตอินทรีย์และพลังงานผ่านการสังเคราะห์ด้วยแสงเราสามารถคิดว่า แก๊ส หรือน้ำมัน หรือถ่านหินสำหรับเรื่องที่) เป็นวัสดุอินทรีย์ที่ป้องกันผุสมบูรณ์ โดยทั่วไป มันจะพบที่ด้านบนของอ่างเก็บน้ำปิโตรเลียม มีการเกิดขึ้นจากการดำเนินการรวม ของแบคทีเรีย methanogenic (ผลิตมีเทนในขณะที่พวกเขาเปื่อยวัสดุอินทรีย์) และ catagenesis (เน่าความร้อนของเคโรเจน) ที่ เป็นตะกอนทะเลถูกฝังลึกภายในโลก อุณหภูมิสูงและความดันทำให้องศาที่แตกต่างของความสมบูรณ์ของ catagenesis ซึ่งเป็นกระบวนการปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ อุณหภูมิและความดันสูงชอบการก่อตัวของสารไฮโดรคาร์บอนเบา (ก๊าซธรรมชาติ), และดังนั้น ก่อตัวน้ำมันและแก๊สที่อยู่ลึกในดินมักจะ มีอัตราส่วนที่มากขึ้นของก๊าซกับน้ำมัน ต่อการผลิตก๊าซธรรมชาติโดยใช้กระบวนการของ catagenesis และ diagenesis ก๊าซธรรมชาติรูปแบบใหม่จะพยายามย้ายไปยังตำแหน่งใหม่ เนื่องจากดินที่กรอกทั้งหมด โดยหินละลายชั้น ของแข็ง (หรือ ที่ความลึกสำคัญ) ก๊าซนั้นไม่มีอยู่ภายในตนเองมีอยู่ "ทะเลสาบ" แต่ต้องตัดสินใจที่จะอยู่ในส่วนเล็ก ๆ ของพื้นที่ (หรือรูขุมขน) ที่มีอยู่ในหินเหล่านี้ ชอบฟองน้ำในอ่างล้างจานของคุณ (แม้ว่า spongy น้อย และหนักมาก) หิน (ส่วนใหญ่เป็นหินทรายและหินปูน) บางชนิดประกอบด้วยรูขุมขนที่ใหญ่พอ และเพียงพอเชื่อมต่อเพื่อใช้เป็นที่เก็บและโยกย้ายไซต์สำหรับก๊าซ หรือน้ำมัน หรือน้ำหรือใด ๆ อื่น ๆ ของเหลวต้องโทรบ้าน เนื่องจากสารไฮโดรคาร์บอนเบาที่ประกอบด้วยก๊าซธรรมชาติมีน้ำหนักเบากว่าน้ำและหิน ที่มีอยู่ภายในโลกจะมีแนวโน้มการโยกย้ายขึ้นจนกว่าจะถึงผิว หรือติดอยู่ตามชั้นของหินเพิ่มการซึมผ่านของนอกจากนี้ยังมีผลิตมีเทน โดยแบคทีเรีย (methanogens) ที่อินทรียภายใต้เงื่อนไข anoxic เรียกว่ามีเทน biogenic จุลินทรีย์เหล่านี้อยู่ในลำไส้ของสัตว์มากที่สุด และรับผิดชอบการปล่อยมีเทนจากการฝังกลบขยะพืชพันธุ์ ในกระบวนการก่อตัวของปิโตรเลียม อาจเกิดในลักษณะนี้มีเทนระหว่างฝังศพขั้นต้นจัดหาวัสดุขนาดใหญ่ของมีเทนที่มีภายในถ่านหินตะเข็บ ที่พบ adsorbed โครงสร้างของถ่านหิน ที่ได้ก่อตั้งขึ้น โดยแบคทีเรีย methanogenic ใน ระหว่างกระบวนการแยกส่วนประกอบ และ ระหว่าง catagenesis ของถ่านหินขึ้นรูป "Coalbed มีเทน" พบการขาดของไฮโดรคาร์บอนที่หนักกว่า (ในระยะสั้นของไฮโดรคาร์บอน) และนอกจากนี้ กำมะถันสาร (ดังนั้นชื่อ "หวานก๊าซ") มีเทนนี้อยู่ในสถานะของเหลวใกล้ซับรูขุมขนของถ่านหิน และบางส่วนออกเมื่อความดันในอ่างเก็บน้ำลดลงเนื่องจากการถอนตัวของดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในฐานะที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลก๊าซธรรมชาติจะเกิดขึ้นจากเนื้อที่ยังคงอยู่ของพืชก่อนประวัติศาสตร์และชีวิตสัตว์ เช่นเดียวกับปิโตรเลียมก่อก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่เกิดจากการสลายของแพลงก์ตอนสัตว์ทะเลยุคก่อนประวัติศาสตร์ ดำรงชีวิตแพลงก์ตอนสัตว์ในอาหารของแพลงก์ตอนพืชซึ่งในที่สุดก็ขึ้นอยู่กับพลังงานของดวงอาทิตย์ในการผลิตสารอินทรีย์และพลังงานผ่านการสังเคราะห์.
เราสามารถคิดของก๊าซ (หรือน้ำมันหรือถ่านหินสำหรับเรื่องที่) เป็นสารอินทรีย์ที่มีการป้องกันจากการ การสลายตัวสมบูรณ์ โดยปกติก็จะพบได้ที่ด้านบนของอ่างเก็บน้ำปิโตรเลียมที่จะได้รับการที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการรวมกันของแบคทีเรียมีเทน (ที่พวกเขาผลิตก๊าซมีเทนในขณะที่พวกเขาย่อยสลายสารอินทรีย์) และผ่านการ catagenesis (การสลายตัวทางความร้อนของเคโรเจน) ในฐานะที่เป็นตะกอนทะเลถูกฝังอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินที่มีอุณหภูมิสูงและความดันนำไปสู่องศาที่แตกต่างของความสำเร็จของ catagenesis ซึ่งเป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดทั้งปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ อุณหภูมิที่สูงขึ้นและแรงกดดันสนับสนุนการก่อตัวของสารไฮโดรคาร์บอนเบา (ก๊าซธรรมชาติ) และน้ำมัน / ก๊าซก่อตัวที่มีความลึกลงไปในโลกมีแนวโน้มที่จะมีอัตราส่วนที่มากขึ้นของก๊าซปิโตรเลียม ต่อไปนี้การผลิตก๊าซธรรมชาติผ่านกระบวนการของการ diagenesis และ catagenesis ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ก๊าซธรรมชาติจะพยายามที่จะย้ายไปยังสถานที่ใหม่ เพราะโลกที่เต็มไปทั้งหมดโดยชั้นของของแข็ง (หรือที่ระดับความลึกอย่างมีนัยสำคัญ) หินหลอมเหลวก๊าซจะมีไม่สามารถอยู่ภายในตนเองมี "ทะเลสาบ" แต่จะต้องตัดสินใจที่จะอยู่ในส่วนเล็ก ๆ ของพื้นที่ (หรือรูขุมขน) ที่ ที่มีอยู่ในหินเหล่านี้ เหมือนฟองน้ำในอ่างห้องครัวของคุณ (แม้ว่าเป็นรูพรุนน้อยลงและบิตหนัก) บางชนิดของหิน (ส่วนใหญ่เป็นหินทรายและหินปูน) มีรูขุมขนที่มีขนาดใหญ่พอและมีการเชื่อมต่อมากพอที่จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดเก็บข้อมูลและเว็บไซต์การโยกย้ายสำหรับก๊าซหรือน้ำมันหรือน้ำหรือ ของเหลวอื่น ๆ ที่ต้องการที่จะเรียกพวกเขากลับบ้าน เพราะไฮโดรคาร์บอนแสงที่ประกอบด้วยก๊าซธรรมชาติมีน้ำหนักเบากว่าน้ำและร็อคที่มีอยู่ในโลกจะมีแนวโน้มที่จะย้ายขึ้นไปจนกว่าจะถึงพื้นผิวหรือถูกขังอยู่โดยชั้นอากาศของหินก๊าซมีเทนที่ผลิตโดยแบคทีเรีย (methanogens) ที่ย่อยสลายสารอินทรีย์ภายใต้เงื่อนไขซิกเรียกว่าไบโอจีก๊าซมีเทน
จุลินทรีย์เหล่านี้มีการใช้งานในลำไส้ของสัตว์มากที่สุดและมีความรับผิดชอบในการปล่อยก๊าซมีเทนจากการย่อยสลายของเสียที่ฝังกลบ ในขั้นตอนของการพัฒนาปิโตรเลียมก๊าซมีเทนอาจจะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ในช่วงที่ฝังศพระยะแรก.
อุปทานของก๊าซมีเทนที่มีขนาดใหญ่ยังอยู่ภายในชั้นถ่านหินซึ่งจะมีการดูดซับพบโครงสร้างของถ่านหิน; ที่มันถูกสร้างขึ้นโดยแบคทีเรียมีเทนในระหว่างขั้นตอนการสลายตัวและในช่วง catagenesis ของถ่านหินขึ้นรูป "ก๊าซมีเทน Coalbed" พบว่าขาดการปรากฏตัวของสารไฮโดรคาร์บอนหนัก (เช่นในอ่างเก็บน้ำไฮโดรคาร์บอน) และสารประกอบกำมะถัน (ดังนั้นชื่อ "ก๊าซหวาน") ก๊าซมีเทนนี้อยู่ในสถานะของเหลวที่อยู่ใกล้แถวรูขุมขนถ่านหินและบางส่วนถูกปล่อยออกมาเมื่อความดันลดลงในอ่างเก็บน้ำเพราะการปรากฏตัวของการถอนตัวที่ดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นฟอสซิล เชื้อเพลิง , ก๊าซธรรมชาติขึ้นมาจากซากผุพังของประวัติศาสตร์ pre พืชและสัตว์ที่มีชีวิต เป็นปิโตรเลียม การเกิดก๊าซธรรมชาติมากที่สุดเนื่องจากการสลายของยุคก่อนประวัติศาสตร์สัตว์ทะเล . มีอยู่ในอาหารของแพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ ซึ่ง จะอาศัยพลังงานจากดวงอาทิตย์เพื่อผลิตสารอินทรีย์และพลังงานผ่านการสังเคราะห์แสง
เราสามารถคิดของแก๊สหรือน้ำมันหรือถ่านหิน สำหรับเรื่องที่ ) เป็นสารอินทรีย์ที่ถูกขัดขวางจากการเสร็จสมบูรณ์ โดยปกติแล้วจะสามารถพบได้ที่ด้านบนของแหล่งปิโตรเลียม ซึ่งมันได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยการรวมของจุลินทรีย์ ( พวกเขาผลิตก๊าซมีเทนขณะย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ ) และผ่าน catagenesis ( การสลายตัวทางความร้อนของเลขฐานสิบ )เป็นตะกอนพื้นทะเลจะถูกฝังลึกลงไปในดิน , อุณหภูมิสูงและความดันทำให้องศาที่แตกต่างของความสมบูรณ์ของ catagenesis ซึ่งคือกระบวนการผลิตทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อุณหภูมิที่สูงขึ้นและแรงกดดันที่โปรดปรานการก่อตัวของไฮโดรคาร์บอนเบา ( ก๊าซธรรมชาติ )และน้ำมัน / ก๊าซก่อตัวอยู่ลึกลงไปในพื้นดินมักจะมีมากกว่าอัตราส่วนของก๊าซปิโตรเลียม ตามการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการของการก่อเกิดใหม่ และ catagenesis , รูปแบบใหม่ก๊าซธรรมชาติจะพยายามที่จะย้ายไปยังสถานที่ใหม่ เพราะโลกที่เต็มไปทั้งหมด โดยชั้นของของแข็ง ( หรือที่ระดับความลึกที่สำคัญ ) หลอมหินแก๊สมันมีไม่สามารถอยู่ภายในมี " ทะเลสาบ " แต่ต้องตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ภายในเสี้ยวเล็ก ๆของพื้นที่ ( หรือรูขุมขน ) ที่มีอยู่ในหินเหล่านี้ ชอบฟองในอ่างครัวของคุณ ( แม้ว่าฟูน้อยลง และเป็นบิตหนักกว่า ) บางชนิดของหิน ( ส่วนใหญ่เป็นหินทรายและหินปูน ) มีรูขนาดใหญ่เพียงพอและมีการเชื่อมต่อที่เพียงพอที่จะใช้เป็นกระเป๋าและการย้ายถิ่นเว็บไซต์สำหรับก๊าซหรือน้ำมัน หรือ น้ำ หรือของเหลวอื่น ๆที่ประสงค์จะเรียกพวกเขากลับมา เพราะแสงไฮโดรคาร์บอนที่ประกอบด้วยก๊าซธรรมชาติจะเบากว่าน้ำ และหินคนที่อยู่ภายในโลกจะมีแนวโน้มที่จะย้ายขึ้นไปจนกว่าจะถึงผิว หรือติดอยู่ โดยผ่านชั้นหิน
ก๊าซมีเทนที่ผลิตโดยแบคทีเรียสร้างมีเทน ) ที่ย่อยสลายสารอินทรีย์ ภายใต้สภาวะแอนอกซิก เรียกว่าลงมีเทน จุลินทรีย์เหล่านี้มีการใช้งานในลำไส้ของสัตว์มากที่สุดและมีความรับผิดชอบในการปล่อยก๊าซมีเทนจากการเน่าของขยะที่ฝังกลบ ในกระบวนการของการเกิดปิโตรเลียม ก๊าซมีเทนอาจจะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ ในช่วงแรก . .
อุปทานขนาดใหญ่ของก๊าซมีเทนมีอยู่ภายในตะเข็บถ่านหินที่พบดูดซับกับโครงสร้างของถ่านหินที่ถูกสร้างขึ้นโดยจุลินทรีย์ในกระบวนการย่อยสลาย และระหว่าง catagenesis ของการขึ้นรูปถ่านหิน " ด้านก๊าซมีเทน " พบการขาดการแสดงตนของหนักไฮโดรคาร์บอน ( เป็นแหล่งไฮโดรคาร์บอนและสารประกอบซัลเฟอร์ ( จึงชื่อหวาน " ก๊าซ " ) ก๊าซมีเทนอยู่ในสถานะของเหลวใกล้เยื่อบุรูขุมขนของถ่านหินและมีบางส่วนออกเมื่อแรงดันน้ำในอ่างลดลงเนื่องจากการแสดงของการถอนเงินดี
.