The study of the past has never bee

The study of the past has never been static. The practice of history has witnessed many shifts and turns in the way it is thought and undertaken. Since the 1960s, for example, the discipline of history has experienced a 'social science turn', a 'cliometric' or 'statistics turn', a 'women's history turn', a 'cultural history turn' and so on. These are not novelties that have not come and gone. Each has remained a significant way for historians to reflect upon and write about change over time. But, in all this one thing has apparently not altered. This is the epistemology of history. In spite of this rich variety of methodological developments or shifts and turns of interest, the foundational way historians 'know' things about the past' has been unchallenged. Despite the use of statistics, the new themes (society, women, gender, culture) and the application of fresh concepts and theories, there remain two steady points in the historian's cosmos: empiricism and rational analysis. As the product of the European eighteenth-century Enlightenment the empirical-analytical model has become the epistemology for undertaking the study of the past

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาผ่านมาไม่เคยมีคง แบบฝึกหัดประวัติศาสตร์เคยเห็นหลายกะ และเปลี่ยนวิธีคิด และดำเนินการ ตั้งแต่ปี 1960 เช่น สาขาวิชาการประวัติศาสตร์มีประสบการณ์การ 'สังคมศาสตร์เลี้ยว เป็น 'cliometric' หรือ 'เปิดสถิติ' เป็น 'ผู้หญิงประวัติเปิด' 'ประวัติวัฒนธรรมเลี้ยว และอื่น ๆ เหล่านี้จะไม่ novelties ที่ได้มา และหายไป แต่ละได้ยังคงเป็นวิธีที่สำคัญสำหรับนักประวัติศาสตร์จะตรอง และเขียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตามเวลา ได้ ในทั้งหมดนี้สิ่งหนึ่งที่ได้เห็นได้ชัดไม่เปลี่ยนแปลง ญาณวิทยาของประวัติศาสตร์อยู่ แม้เปิดน่าสนใจและหลากหลายนี้รวยพัฒนา methodological หรือกะ นักประวัติศาสตร์ทาง foundational 'รู้' สิ่งผ่านมา ' ได้อันดับหนึ่ง แม้ มีการใช้สถิติ ชุดรูปแบบใหม่ (สังคม ผู้หญิง เพศ วัฒนธรรม) และประยุกต์ใช้ทฤษฎีและแนวคิดที่สด มีอยู่สองจุดที่มั่นคงในดาวกระจายของนักประวัติศาสตร์: empiricism และวิเคราะห์เหตุผล เป็นผลิตภัณฑ์ของธรรมราชยุโรป แบบประจักษ์วิเคราะห์ได้กลายเป็น ญาณวิทยาในดำเนินการศึกษาในอดีต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาที่ผ่านมาไม่เคยมีแบบคงที่ การปฏิบัติของประวัติศาสตร์ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจำนวนมากและเปลี่ยนในทางที่มันเป็นความคิดและการดำเนินการ ตั้งแต่ปี 1960 ยกตัวอย่างเช่นวินัยของประวัติศาสตร์มีประสบการณ์ 'สังคมศาสตร์เปิด' เป็น 'cliometric' หรือ 'สถิติเปิด' เป็นประวัติศาสตร์ของผู้หญิงเปิด 'เป็น' ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมเปิด 'และอื่น ๆ เหล่านี้ไม่ได้ใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้มาและหายไป แต่ละคนยังคงเป็นวิธีที่สำคัญสำหรับนักประวัติศาสตร์ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงและเขียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ในทั้งหมดนี้สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง นี้เป็นแขนงของประวัติศาสตร์ แม้นี้อุดมไปด้วยความหลากหลายของการพัฒนาวิธีการหรือการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนที่น่าสนใจในสิ่งที่นักประวัติศาสตร์ทางพื้นฐาน 'รู้เกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา' ได้รับไม่มีใครทักท้วง แม้จะมีการใช้สถิติในรูปแบบใหม่ (สังคมผู้หญิงเพศวัฒนธรรม) และการประยุกต์ใช้แนวความคิดที่สดใหม่และทฤษฎีที่ยังคงมีสองจุดอย่างต่อเนื่องในจักรวาลประวัติศาสตร์ของ: ประสบการณ์นิยมและวิเคราะห์เหตุผล เป็นผลิตภัณฑ์ของการตรัสรู้ยุโรปศตวรรษที่สิบแปดที่รูปแบบการทดลองการวิเคราะห์ได้กลายเป็นแขนงสำหรับการดำเนินการศึกษาที่ผ่านมา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาที่ผ่านมายังไม่เคยคงที่ การปฏิบัติของประวัติศาสตร์มีพยานหลายกะ และเปิดใน มันเป็นวิธีคิดและดำเนินการ ตั้งแต่ปี 1960 , ตัวอย่างเช่น , วินัยของประวัติศาสตร์มีประสบการณ์ ' สังคมศาสตร์เปิด ' สถิติ ' cliometric ' หรือ ' เปิด ' เปิด ' ประวัติศาสตร์ ' ของผู้หญิง เปิด ' ' ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมและ เหล่านี้ไม่ได้มี novelties ที่ได้มาและหายไปแต่ละ ยังคงเป็นวิธีที่สำคัญสำหรับนักประวัติศาสตร์ที่จะไตร่ตรองและเขียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ ทั้งหมดนี้มีสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง นี่เป็นญาณวิทยาของประวัติศาสตร์ ทั้งๆที่มีความหลากหลายนี้อุดมไปด้วยการพัฒนาระเบียบวิธีหรือกะ และหันความสนใจ , พื้นฐานทางประวัติศาสตร์ ' รู้ ' เรื่องในอดีตได้ท้า .แม้จะมีการใช้สถิติรูปแบบใหม่ ( สังคม , ผู้หญิง , เพศ , วัฒนธรรม ) และการประยุกต์แนวคิดและทฤษฎีใหม่ แต่ก็ยังคงมั่นคงสองจุดในนักประวัติศาสตร์ดาวกระจาย : การวิเคราะห์ประสบการณ์นิยมและเหตุผล เป็นผลิตภัณฑ์ของศตวรรษที่สิบแปดยุโรปตรัสรู้จากแบบจำลองเชิงประจักษ์ได้กลายเป็น ญาณวิทยา เพื่อดําเนินการศึกษาในอดีต