Our result, indicated that mangoste

Our result, indicated that mangosteen buds
(Garcinia mangostana L.) require a long time to
form roots. This parallels the finding of Pertamawati
(2005) who reported new roots measuring only 4.7
mm long, maximum, from mangosteen shoots after
12 weeks of culturing. Another researcher suggests
that the typically slow growth of mangosteen tissue
might be caused by very low number of meristematic
cells, or by the lack of an internal cofactor that acts as
a precursor in the auxin biosynthesis. Auxin increases
the rate of growth (Wulandari & Poerwanto 2010;
Overvoorde et al. 2010).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แสดงผลของเรา มังคุดที่ตาเขต L.) ต้องใช้เวลานานแบบราก นี้แนวหาของ Pertamawati(2005) ที่รายงานเพียง 4.7 วัดรากใหม่หรือไม่มม.ยาว สูงสุด จากมังคุดถ่ายหลังสัปดาห์ที่ 12 ของการนำไปเลี้ยง นักวิจัยอื่นแนะนำที่เจริญเติบโตช้าโดยทั่วไปของมังคุดเนื้อเยื่ออาจเกิดจากหมายเลขที่ต่ำมากของ meristematicเซลล์ หรือ จากการขาดการกระตุ้นภายในที่ทำหน้าที่เป็นเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ออกซิน เพิ่มออกซินอัตราการเจริญเติบโต (วูลันดาและ Poerwanto 2010Overvoorde et al. 2010)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลของเราชี้ให้เห็นว่าตามังคุด
(Garcinia mangostana L. ) ต้องใช้เวลานานในการ
รูปแบบราก คล้ายคลึงกันนี้การค้นพบของ Pertamawati
(2005) ที่รายงานรากใหม่วัดเพียง 4.7
มิลลิเมตรยาวสูงสุดจากมังคุดหน่อหลังจาก
12 สัปดาห์ของการเพาะเลี้ยง นักวิจัยชี้ให้เห็น
ว่าการเจริญเติบโตช้าโดยปกติของเนื้อเยื่อมังคุด
อาจมีสาเหตุมาจากจำนวนที่ต่ำมากของเจริญ
เซลล์หรือโดยขาดปัจจัยภายในที่ทำหน้าที่เป็น
สารตั้งต้นในการสังเคราะห์ออกซิน ออกซินเพิ่ม
อัตราการเจริญเติบโต (Wulandari & Poerwanto 2010
Overvoorde et al, 2010).

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลมังคุด พบว่า ตาของเรา( Garcinia mangostana L . ) ต้องใช้เป็นเวลานานรากแบบ นี้สอดคล้องกับผล pertamawati( 2005 ) ที่รายงานว่า รากใหม่วัดเพียง 4.7มิลลิเมตรยาวสูงสุดจากมังคุดยิงหลัง12 สัปดาห์ของการเพาะเลี้ยง . ผู้วิจัยเสนอแนะอื่นการเจริญเติบโตที่ช้า โดยทั่วไปเนื้อเยื่อมังคุดอาจเกิดจากจำนวนของ meristematic ต่ำมากเซลล์ หรือขาดการภายในที่ทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์เป็นสารตั้งต้นในการผลิตระดับ . เพิ่มออกซินอัตราการเจริญเติบโต ( ริวูลันดาริ & poerwanto 2010overvoorde et al . 2010 )