“ผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว นอกจากสีของน้ำทะเล ที่เปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีดำแล้ว และยังมีกลิ่นเหม็น ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าลงไปเล่นน้ำในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อชาวประมงพื้นบ้าน ซึ่งจับสัตว์น้ำอยู่ในบริเวณดังกล่าว และชาวบ้านที่นำเรือพานักท่องเที่ยวออกไปดำน้ำดูปะการัง บริเวณเกาะแก่งต่างๆ เนื่องจากต้องนำเรือมาจอดในลำคลอง และเมื่อต้องเดินลุยน้ำจะเกิดอาการคันตามผิวหนัง ซึ่งมีบางรายต้องไปรับการรักษาจากโรงพยาบาล เนื่องจากเกิดปัญหาเรื้อรัง ทั้งนี้ ชมรมเรือหางยาวอ่าวบางเทา มีสมาชิกกว่า 85 คน มีเรือหางยาวบริการรับ–ส่งนักท่องเที่ยวจำนวน 58 ลำ และเรือประมงพื้นบ้านอีก 25 ลำ ที่จอดเรืออยู่บริเวณดังกล่าว และเป็นที่แน่นอนว่าเจ้าของเรือทุกลำจะต้องมีการสัมผัสกับน้ำเสียขณะขึ้นลงเรือ อีกทั้งที่ตั้งของชมรมติดกับจุดที่น้ำเสียไหลลงสู่ทะเล จึงทำให้เกิดผลกระทบกับชมรมฯ เป็นวงกว้าง” ที่ปรึกษาชมรมเรือหางยาวอ่าวบางเทา กล่าว