การที่มนุษย์จะเดินทางจากโลกไปยังดาวดวงอื่น หรือมีความอยากรู้อยากเห็นว่ การแปล - การที่มนุษย์จะเดินทางจากโลกไปยังดาวดวงอื่น หรือมีความอยากรู้อยากเห็นว่ ไทย วิธีการพูด

การที่มนุษย์จะเดินทางจากโลกไปยังดาว

การที่มนุษย์จะเดินทางจากโลกไปยังดาวดวงอื่น หรือมีความอยากรู้อยากเห็นว่าโลกของเราเป็นอย่างไรเมื่อออกไปมองจากอวกาศ ในขณะที่ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่คือ แรงโน้มถ่วงของโลกพยายามดึงดูดมวลทุกอย่างเข้าสู่โลก ดังนั้นการจะเดินทางออกจากโลกจึงต้องตอบคำถามต่างๆ ที่ท้าทายต่อไปนี้

· เราจะใช้ยานพาหนะอะไร จึงจะเดินทางไปได้ จะออกแบบยานอย่างไร ต้องใช้พลังงานจากแหล่งใดเป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ในพาหนะนั้น

· ทำอย่างไรยานพาหนะจึงสามารถเอาชนะแรงดึงดูดของโลกได้

· ถ้ามนุษย์ออกไปในอวกาศ จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย ต้องเตรียมตัวอย่างไร



การศึกษาเกี่ยวกับอวกาศต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ และความรู้อื่นๆอีกมาก


การส่งดาวเทียมและยานอวกาศจากผิวโลกขึ้นสู่อวกาศ ต้องต่อสู้กับแรงดึงดูดของโลก ยานอวกาศต้องเอาชนะแรงดึงดูดนี้โดยอาศัยจรวดที่มีแรงขับดันและความเร็วสูง ความเร็วของจรวดต้องมากกว่า 7.91กิโลเมตรต่อวินาที ยานอวกาศจึงจะสามารถขึ้นไปสู่อวกาศ และโคจรรอบโลกในระดับต่ำที่สุด (0 กิโลเมตร) ได้ ถ้าความเร็วมากกว่านี้ ยานจะขึ้นโคจรไปอยู่ในระดับที่สูงกว่า เช่น ถ้าความเร็วจรวดเป็น 8.26กิโลเมตรต่อวินาที ยานจะขึ้นไปได้สูง644 กิโลเมตร หากจะให้ยานหนีออกไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ จรวจที่พายานออกไปต้องมีความเร็วที่ผิวโลกมากกว่า 11.2 กิโลเมตรต่อวินาที ซึ่งเรียกว่า ความเร็วหลุดพ้น (escape velocity) ความเร็วหลุดพ้นจากโลกจะลดต่ำลงเมื่อห่างจากโลกมากขึ้นดังตาราง7.1



บันทึกของชาวจีนที่ต่อสู้กับชาวมองโกลในปีพ.ศ.1775กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากจรวดไว้ว่า “ใช้จรวดขับดันลูกธนูพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม” บั้งไฟของไทยก็มีหลักการเดียวกับจรวดคือแรงกิริยาจากไอเสียกระทำต่อบั้งไฟให้พุ่งออกไปข้างหน้าเท่ากับแรงปฏิกิริยาจากบั้งไฟกระทำต่อไอเสียให้พุ่งออกไปข้างหลังดังภาพ7.3แต่ความเร็วยังไม่สูงพอที่จะเคลื่อนที่ออกจากโลกได้ ในปี พ.ศ. 2446ไชออลคอฟสกี (Tsiolkovski) ชาวรัสเซียค้นคว้าเกี่ยวกับเชื้อเพลิงสำหับใช้ในเครื่องยนต์จรวด เสนอว่าการใช้เชื้อเพลิงแข็งจะไม่มีแรงขับดันสูงพอที่จะนำยานอวกาศออกจากพื้นโลกขึ้นสู่อวกาศได้ ควรใช้เชื้อเพลิงเหลว ซึ่งแยกเชื้อเพลิงและสารที่ช่วยในการเผาไหม้แยกออกจากกัน การนำจรวดมาต่อกันเป็นชั้นๆ จะช่วยลดมวลของจรวดลง เพราะเมื่อจรวดชั้นแรกใช้เชื้อเพลิงหมดก็ปล่อยทิ้งไป และให้จรวดชั้นต่อไปทำหน้าที่ต่อ จนถึงจรวดชั้นสุดท้ายที่ติดกับดาวเทียมหรือยานอวกาศ จะมีความเร็วสูงพอที่จะเอาชนะแรงดึงดูดของโลกขึ้นสู่อวกาศได้

หลักการส่งยานอวกาศของไชออลคอฟสกีถือเป็นหลักการสำคัญในการเดินทางสู่อวกาศ

ในปี พ.ศ. 2469 โรเบิร์ต กอดดาร์ด (Robert Goddard) ชาวอเมริกันประสบความสำเร็จในการสร้างจรวดเชื้อเพลองเหลว โดยใช้ออกซิเจนเหลวเป็นสารที่ช่วยในการเผาไหม้อยู่ในถังหนึ่ง และไฮโดรเจนเหลวเป็นเชื้อเพลิงอยู่ในอีกถังหนึ่ง

ได้มีการพัฒนาจรวดเชื้อเพลิงเหลวมาเป็นลำดับ กระทั่งสหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในการใช้จรวดสามท่อนสำหรับส่งยานอวกาศหรือดาวเทียมที่มีน้ำหนักมากขึ้นสู่อวกาศจากนั้นการศึกษาค้นคว้าด้านอวกาศก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการแข่งขันกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ



ระบบการขนส่งอวกาศ

การส่งดาวเทียมและยานอวกาศแต่ละครั้งทั้งดาวเทียมและจรวดนำส่ง ไม่มีส่วนใดนำมาใช้ได้ใหม่ ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการสำรวจอวกาศสูงมาก

คำถามสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาค้นคว้าต่อไปคอ ทำอย่างไรการส่งดาวเทียมและยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศจึงจะประหยัด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ระบบการขนส่งอวกาศถูกพัฒนาและออกแบบให้สามารถนำชิ้นส่วนบางอย่างที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ให้มากที่สุด ระบบขนส่งอวกาศประกอบด้วย 3ส่วนหลัก คือจรวดเชื้อเพลิงแข้ง ถังเชื้อเพลิงภายนอกยานขนส่งอวกาศดังภาพ 7.4 มวลรวมเมื่อขึ้นจากฐานประมาณ 2,041,200กิโลกรัม มวลเมื่อยานร่อนลงจอดประมาณ 96,163กิโลกรัม ขั้นตอนการปฏิบัติงานของยานขนส่งอวกาศศึกษาได้จากแผนภาพ 7.5

สภาพบนโลกกับในอวกาศแตกต่างกันอย่างมากมาย มนุษย์ออกจากโลกสู่อวกาศจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร สภาพในอวกาศจะมีผลอย่างไรต่อร่างกายมนุษย์ นักเรียนคงมีคำถามอีกมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอวกาศ

ไม่มีใครรู้หรือบอกได้ว่าจะเกิดอะไรหรือไม่เมื่อต้องไปอยู่ในอวกาศ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจ จึงมีการทดลองและฝึกสัตว์หลายชนิด เช่น สุนัข กระต่าย และลิงเป็นต้น เพื่อส่งขึ้นไปอยู่ในอวกาศ ขณะเดียวกันมนุษย์ที่ถูกคัดเลือกให้เดินทางขึ้นสู่อวกาศก็ต้องมีการฝึกความอดทนและทดสอบร่างกายให้มีความแข็งแรง แข็งแกร่งมากที่สุด เพื่อให้สามารถอยู่ในอวกาศในสภาพไร้น้ำนักได้ เมื่อมนุษย์ต้องไปอยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น หัวใจทำงานช้าลง กล้ามเนื้อทุกส่วนจะมีขนาดเล็กลง กระดูกจะมีความหนาแน่นน้อยลงกระดูกจึงเปราะและแตกหักง่าย นักเรียนคิดว่า เป็นเพราะเหตุใด

วิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์อวกาศเมื่อต้องไปอยู่ในอวกาศเป็นเวลานานก็คือ การออกกำลังกายอย่างหนัก และสม่ำเสมอ เพื่อให้อวัยวะต่างๆของร่างยังคงใช้งานอย่างเป็นปกติ



การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

ความสนใจใคร่มนุษย์ที่เกี่ยวกับความมหัศจรรย์บนฟากฟ้า เกี่ยวกับโลกมนุษย์อาศัยอยู่ และดาวดวงอื่นๆ ที่มนุษย์มองเห็น ทำให้มีการศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอวกาศ มีการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการศึกษา พัฒนา และประดิษฐ์อุปกรณ์ถ่ายภาพในช่วงคลื่นต่าง ๆ จากระยะไกล ตลอดทั้งรับและส่งสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วนำอุปกรณ์และเครื่องรับส่งสัญญาณ ไปประกอบเป็นดาวเทียมที่ถูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก ทำให้สามารถสังเกตสิ่งต่าง ๆ บนโลกได้จากระยะไกลในเวลาอันเร็ว ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับ เอกภพ โลก ดวงจันทร์ และดาวอื่น ๆ อีกมากมาย ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีในอวกาศช่วยเปิดเผยความลี้ลับในอดีต และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ด้านต่าง ๆ อีกมากมาย

ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา

เป็นดาวเทียมที่มีอุปกรณ์ถ่ายภาพ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การที่มนุษย์จะเดินทางจากโลกไปยังดาวดวงอื่นหรือมีความอยากรู้อยากเห็นว่าโลกของเราเป็นอย่างไรเมื่อออกไปมองจากอวกาศในขณะที่ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่คือ ดังนั้นการจะเดินทางออกจากโลกจึงต้องตอบคำถามต่าง ๆ ที่ท้าทายต่อไปนี้

· เราจะใช้ยานพาหนะอะไรจึงจะเดินทางไปได้จะออกแบบยานอย่างไรต้องใช้พลังงานจากแหล่งใดเป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ในพาหนะนั้น

· ทำอย่างไรยานพาหนะจึงสามารถเอาชนะแรงดึงดูดของโลกได้

· ถ้ามนุษย์ออกไปในอวกาศจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายต้องเตรียมตัวอย่างไร



การศึกษาเกี่ยวกับอวกาศต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์นักคณิตศาสตร์และความรู้อื่นๆอีกมาก


การส่งดาวเทียมและยานอวกาศจากผิวโลกขึ้นสู่อวกาศต้องต่อสู้กับแรงดึงดูดของโลกยานอวกาศต้องเอาชนะแรงดึงดูดนี้โดยอาศัยจรวดที่มีแรงขับดันและความเร็วสูงความเร็วของจรวดต้องมากกว่า 791กิโลเมตรต่อวินาที ยานอวกาศจึงจะสามารถขึ้นไปสู่อวกาศและโคจรรอบโลกในระดับต่ำที่สุด (0 กิโลเมตร) ได้ถ้าความเร็วมากกว่านี้ยานจะขึ้นโคจรไปอยู่ในระดับที่สูงกว่าเช่นถ้าความเร็วจรวดเป็น 826กิโลเมตรต่อวินาที ยานจะขึ้นไปได้สูง644 กิโลเมตรหากจะให้ยานหนีออกไปโคจรรอบดวงอาทิตย์จรวจที่พายานออกไปต้องมีความเร็วที่ผิวโลกมากกว่า 11ความเร็วหลุดพ้น 2 กิโลเมตรต่อวินาทีซึ่งเรียกว่า (ความเร็วหนี) ความเร็วหลุดพ้นจากโลกจะลดต่ำลงเมื่อห่างจากโลกมากขึ้นดังตาราง7.1



บันทึกของชาวจีนที่ต่อสู้กับชาวมองโกลในปีพ.ศ1775กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากจรวดไว้ว่า "ใช้จรวดขับดันลูกธนูพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม" 3แต่ความเร็วยังไม่สูงพอที่จะเคลื่อนที่ออกจากโลกได้ ในปีพ.ศ 2446ไชออลคอฟสกี ควรใช้เชื้อเพลิงเหลวเสนอว่าการใช้เชื้อเพลิงแข็งจะไม่มีแรงขับดันสูงพอที่จะนำยานอวกาศออกจากพื้นโลกขึ้นสู่อวกาศได้ชาวรัสเซียค้นคว้าเกี่ยวกับเชื้อเพลิงสำหับใช้ในเครื่องยนต์จรวด (Tsiolkovski) การนำจรวดมาต่อกันเป็นชั้น ๆ จะช่วยลดมวลของจรวดลงเพราะเมื่อจรวดชั้นแรกใช้เชื้อเพลิงหมดก็ปล่อยทิ้งไปและให้จรวดชั้นต่อไปทำหน้าที่ต่อจนถึงจรวดชั้นสุดท้ายที่ติดกับดาวเทียมหรือยานอวกาศ
หลักการส่งยานอวกาศของไชออลคอฟสกีถือเป็นหลักการสำคัญในการเดินทางสู่อวกาศ

ในปีพ.ศ 2469 โรเบิร์ตกอดดาร์ด (โรเบิร์ตก็อดเดิร์ด) ชาวอเมริกันประสบความสำเร็จในการสร้างจรวดเชื้อเพลองเหลวโดยใช้ออกซิเจนเหลวเป็นสารที่ช่วยในการเผาไหม้อยู่ในถังหนึ่งและไฮโดรเจนเหลวเป็นเชื้อเพลิงอยู่ในอีกถังหนึ่ง

ได้มีการพัฒนาจรวดเชื้อเพลิงเหลวมาเป็นลำดับ กระทั่งสหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในการใช้จรวดสามท่อนสำหรับส่งยานอวกาศหรือดาวเทียมที่มีน้ำหนักมากขึ้นสู่อวกาศจากนั้นการศึกษาค้นคว้าด้านอวกาศก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการแข่งขันกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ



ระบบการขนส่งอวกาศ

การส่งดาวเทียมและยานอวกาศแต่ละครั้งทั้งดาวเทียมและจรวดนำส่งไม่มีส่วนใดนำมาใช้ได้ใหม่ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการสำรวจอวกาศสูงมาก

คำถามสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาค้นคว้าต่อไปคอทำอย่างไรการส่งดาวเทียมและยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศจึงจะประหยัดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ระบบการขนส่งอวกาศถูกพัฒนาและออกแบบให้สามารถนำชิ้นส่วนบางอย่างที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ให้มากที่สุดระบบขนส่งอวกาศประกอบด้วย 3ส่วนหลัก คือจรวดเชื้อเพลิงแข้งถังเชื้อเพลิงภายนอกยานขนส่งอวกาศดังภาพ 7มวลรวมเมื่อขึ้นจากฐานประมาณ 2,041, 200กิโลกรัม มวลเมื่อยานร่อนลงจอดประมาณ 96, 163กิโลกรัม ขั้นตอนการปฏิบัติงานของยานขนส่งอวกาศศึกษาได้จากแผนภาพ 7.5 4

สภาพบนโลกกับในอวกาศแตกต่างกันอย่างมากมายมนุษย์ออกจากโลกสู่อวกาศจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไรสภาพในอวกาศจะมีผลอย่างไรต่อร่างกายมนุษย์นักเรียนคงมีคำถามอีกมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอวกาศ

ไม่มีใครรู้หรือบอกได้ว่าจะเกิดอะไรหรือไม่เมื่อต้องไปอยู่ในอวกาศดังนั้นเพื่อความมั่นใจจึงมีการทดลองและฝึกสัตว์หลายชนิดเช่นสุนัขกระต่ายและลิงเป็นต้นเพื่อส่งขึ้นไปอยู่ในอวกาศ แข็งแกร่งมากที่สุดเพื่อให้สามารถอยู่ในอวกาศในสภาพไร้น้ำนักได้เมื่อมนุษย์ต้องไปอยู่ในอวกาศเป็นเวลานานร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเช่นหัวใจทำงานช้าลงกล้ามเนื้อทุกส่วนจะมีขนาดเล็กลง นักเรียนคิดว่าเป็นเพราะเหตุใด

วิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์อวกาศเมื่อต้องไปอยู่ในอวกาศเป็นเวลานานก็คือการออกกำลังกายอย่างหนักและสม่ำเสมอเพื่อให้อวัยวะต่างๆของร่างยังคงใช้งานอย่างเป็นปกติ



การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

ความสนใจใคร่มนุษย์ที่เกี่ยวกับความมหัศจรรย์บนฟากฟ้าเกี่ยวกับโลกมนุษย์อาศัยอยู่และดาวดวงอื่น ๆ ที่มนุษย์มองเห็นทำให้มีการศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอวกาศ ๆ พัฒนาและประดิษฐ์อุปกรณ์ถ่ายภาพในช่วงคลื่นต่างจากระยะไกลตลอดทั้งรับและส่งสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วนำอุปกรณ์และเครื่องรับส่งสัญญาณรีไปประกอบเป็นดาวเทียมที่ถูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก ๆ บนโลกได้จากระยะไกลในเวลาอันเร็วได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเอกภพโลกดวงจันทร์และดาวอื่นๆ อีกมากมายความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีในอวกาศช่วยเปิดเผยความลี้ลับในอดีต ๆ อีกมากมาย

ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา

เป็นดาวเทียมที่มีอุปกรณ์ถ่ายภาพ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
การที่มนุษย์จะเดินทางจากโลกไปยังดาวดวงอื่น หรือมีความอยากรู้อยากเห็นว่าโลกของเราเป็นอย่างไรเมื่อออกไปมองจากอวกาศ ในขณะที่ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่คือ แรงโน้มถ่วงของโลกพยายามดึงดูดมวลทุกอย่างเข้าสู่โลก ดังนั้นการจะเดินทางออกจากโลกจึงต้องตอบคำถามต่างๆ ที่ท้าทายต่อไปนี้

· เราจะใช้ยานพาหนะอะไร จึงจะเดินทางไปได้ จะออกแบบยานอย่างไร ต้องใช้พลังงานจากแหล่งใดเป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ในพาหนะนั้น

· ทำอย่างไรยานพาหนะจึงสามารถเอาชนะแรงดึงดูดของโลกได้

· ถ้ามนุษย์ออกไปในอวกาศ จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย ต้องเตรียมตัวอย่างไร



การศึกษาเกี่ยวกับอวกาศต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ และความรู้อื่นๆอีกมาก


การส่งดาวเทียมและยานอวกาศจากผิวโลกขึ้นสู่อวกาศ ต้องต่อสู้กับแรงดึงดูดของโลก ยานอวกาศต้องเอาชนะแรงดึงดูดนี้โดยอาศัยจรวดที่มีแรงขับดันและความเร็วสูง ความเร็วของจรวดต้องมากกว่า 7.91กิโลเมตรต่อวินาที ยานอวกาศจึงจะสามารถขึ้นไปสู่อวกาศ และโคจรรอบโลกในระดับต่ำที่สุด (0 กิโลเมตร) ได้ ถ้าความเร็วมากกว่านี้ ยานจะขึ้นโคจรไปอยู่ในระดับที่สูงกว่า เช่น ถ้าความเร็วจรวดเป็น 8.26กิโลเมตรต่อวินาที ยานจะขึ้นไปได้สูง644 กิโลเมตร หากจะให้ยานหนีออกไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ จรวจที่พายานออกไปต้องมีความเร็วที่ผิวโลกมากกว่า 11.2 กิโลเมตรต่อวินาที ซึ่งเรียกว่า ความเร็วหลุดพ้น (escape velocity) ความเร็วหลุดพ้นจากโลกจะลดต่ำลงเมื่อห่างจากโลกมากขึ้นดังตาราง7.1



บันทึกของชาวจีนที่ต่อสู้กับชาวมองโกลในปีพ.ศ.1775กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากจรวดไว้ว่า “ใช้จรวดขับดันลูกธนูพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม” บั้งไฟของไทยก็มีหลักการเดียวกับจรวดคือแรงกิริยาจากไอเสียกระทำต่อบั้งไฟให้พุ่งออกไปข้างหน้าเท่ากับแรงปฏิกิริยาจากบั้งไฟกระทำต่อไอเสียให้พุ่งออกไปข้างหลังดังภาพ7.3แต่ความเร็วยังไม่สูงพอที่จะเคลื่อนที่ออกจากโลกได้ ในปี พ.ศ. 2446ไชออลคอฟสกี (Tsiolkovski) ชาวรัสเซียค้นคว้าเกี่ยวกับเชื้อเพลิงสำหับใช้ในเครื่องยนต์จรวด เสนอว่าการใช้เชื้อเพลิงแข็งจะไม่มีแรงขับดันสูงพอที่จะนำยานอวกาศออกจากพื้นโลกขึ้นสู่อวกาศได้ ควรใช้เชื้อเพลิงเหลว ซึ่งแยกเชื้อเพลิงและสารที่ช่วยในการเผาไหม้แยกออกจากกัน การนำจรวดมาต่อกันเป็นชั้นๆ จะช่วยลดมวลของจรวดลง เพราะเมื่อจรวดชั้นแรกใช้เชื้อเพลิงหมดก็ปล่อยทิ้งไป และให้จรวดชั้นต่อไปทำหน้าที่ต่อ จนถึงจรวดชั้นสุดท้ายที่ติดกับดาวเทียมหรือยานอวกาศ จะมีความเร็วสูงพอที่จะเอาชนะแรงดึงดูดของโลกขึ้นสู่อวกาศได้

หลักการส่งยานอวกาศของไชออลคอฟสกีถือเป็นหลักการสำคัญในการเดินทางสู่อวกาศ

ในปี พ.ศ. 2469 โรเบิร์ต กอดดาร์ด (Robert Goddard) ชาวอเมริกันประสบความสำเร็จในการสร้างจรวดเชื้อเพลองเหลว โดยใช้ออกซิเจนเหลวเป็นสารที่ช่วยในการเผาไหม้อยู่ในถังหนึ่ง และไฮโดรเจนเหลวเป็นเชื้อเพลิงอยู่ในอีกถังหนึ่ง

ได้มีการพัฒนาจรวดเชื้อเพลิงเหลวมาเป็นลำดับ กระทั่งสหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในการใช้จรวดสามท่อนสำหรับส่งยานอวกาศหรือดาวเทียมที่มีน้ำหนักมากขึ้นสู่อวกาศจากนั้นการศึกษาค้นคว้าด้านอวกาศก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการแข่งขันกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ



ระบบการขนส่งอวกาศ

การส่งดาวเทียมและยานอวกาศแต่ละครั้งทั้งดาวเทียมและจรวดนำส่ง ไม่มีส่วนใดนำมาใช้ได้ใหม่ ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการสำรวจอวกาศสูงมาก

คำถามสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาค้นคว้าต่อไปคอ ทำอย่างไรการส่งดาวเทียมและยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศจึงจะประหยัด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ระบบการขนส่งอวกาศถูกพัฒนาและออกแบบให้สามารถนำชิ้นส่วนบางอย่างที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ให้มากที่สุด ระบบขนส่งอวกาศประกอบด้วย 3ส่วนหลัก คือจรวดเชื้อเพลิงแข้ง ถังเชื้อเพลิงภายนอกยานขนส่งอวกาศดังภาพ 7.4 มวลรวมเมื่อขึ้นจากฐานประมาณ 2,041,200กิโลกรัม มวลเมื่อยานร่อนลงจอดประมาณ 96,163กิโลกรัม ขั้นตอนการปฏิบัติงานของยานขนส่งอวกาศศึกษาได้จากแผนภาพ 7.5

สภาพบนโลกกับในอวกาศแตกต่างกันอย่างมากมาย มนุษย์ออกจากโลกสู่อวกาศจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร สภาพในอวกาศจะมีผลอย่างไรต่อร่างกายมนุษย์ นักเรียนคงมีคำถามอีกมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอวกาศ

ไม่มีใครรู้หรือบอกได้ว่าจะเกิดอะไรหรือไม่เมื่อต้องไปอยู่ในอวกาศ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจ จึงมีการทดลองและฝึกสัตว์หลายชนิด เช่น สุนัข กระต่าย และลิงเป็นต้น เพื่อส่งขึ้นไปอยู่ในอวกาศ ขณะเดียวกันมนุษย์ที่ถูกคัดเลือกให้เดินทางขึ้นสู่อวกาศก็ต้องมีการฝึกความอดทนและทดสอบร่างกายให้มีความแข็งแรง แข็งแกร่งมากที่สุด เพื่อให้สามารถอยู่ในอวกาศในสภาพไร้น้ำนักได้ เมื่อมนุษย์ต้องไปอยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น หัวใจทำงานช้าลง กล้ามเนื้อทุกส่วนจะมีขนาดเล็กลง กระดูกจะมีความหนาแน่นน้อยลงกระดูกจึงเปราะและแตกหักง่าย นักเรียนคิดว่า เป็นเพราะเหตุใด

วิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์อวกาศเมื่อต้องไปอยู่ในอวกาศเป็นเวลานานก็คือ การออกกำลังกายอย่างหนัก และสม่ำเสมอ เพื่อให้อวัยวะต่างๆของร่างยังคงใช้งานอย่างเป็นปกติ



การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

ความสนใจใคร่มนุษย์ที่เกี่ยวกับความมหัศจรรย์บนฟากฟ้า เกี่ยวกับโลกมนุษย์อาศัยอยู่ และดาวดวงอื่นๆ ที่มนุษย์มองเห็น ทำให้มีการศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอวกาศ มีการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการศึกษา พัฒนา และประดิษฐ์อุปกรณ์ถ่ายภาพในช่วงคลื่นต่าง ๆ จากระยะไกล ตลอดทั้งรับและส่งสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วนำอุปกรณ์และเครื่องรับส่งสัญญาณ ไปประกอบเป็นดาวเทียมที่ถูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก ทำให้สามารถสังเกตสิ่งต่าง ๆ บนโลกได้จากระยะไกลในเวลาอันเร็ว ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับ เอกภพ โลก ดวงจันทร์ และดาวอื่น ๆ อีกมากมาย ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีในอวกาศช่วยเปิดเผยความลี้ลับในอดีต และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ด้านต่าง ๆ อีกมากมาย

ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา

เป็นดาวเทียมที่มีอุปกรณ์ถ่ายภาพ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การที่มนุษย์จะเดินทางจากโลกไปยังดาวดวงอื่นหรือมีความอยากรู้อยากเห็นว่าโลกของเราเป็นอย่างไรเมื่อออกไปมองจากอวกาศในขณะที่ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่คือดังนั้นการจะเดินทางออกจากโลกจึงต้องตอบคำถามต่างๆที่ท้าทายต่อไปนี้

ด้วยเราจะใช้ยานพาหนะอะไรจึงจะเดินทางไปได้จะออกแบบยานอย่างไรต้องใช้พลังงานจากแหล่งใดเป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ในพาหนะนั้น

ด้วยทำอย่างไรยานพาหนะจึงสามารถเอาชนะแรงดึงดูดของโลกได้

ด้วยถ้ามนุษย์ออกไปในอวกาศจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายต้องเตรียมตัวอย่างไร






การศึกษาเกี่ยวกับอวกาศต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์นักคณิตศาสตร์และความรู้อื่นๆอีกมากการส่งดาวเทียมและยานอวกาศจากผิวโลกขึ้นสู่อวกาศต้องต่อสู้กับแรงดึงดูดของโลกยานอวกาศต้องเอาชนะแรงดึงดูดนี้โดยอาศัยจรวดที่มีแรงขับดันและความเร็วสูงความเร็วของจรวดต้องมากกว่า 791 กิโลเมตรต่อวินาทียานอวกาศจึงจะสามารถขึ้นไปสู่อวกาศและโคจรรอบโลกในระดับต่ำที่สุด ( 0 กิโลเมตร ) ได้ถ้าความเร็วมากกว่านี้ยานจะขึ้นโคจรไปอยู่ในระดับที่สูงกว่าเช่นถ้าความเร็วจรวดเป็น 826 กิโลเมตรต่อวินาทียานจะขึ้นไปได้สูง 644 กิโลเมตรหากจะให้ยานหนีออกไปโคจรรอบดวงอาทิตย์จรวจที่พายานออกไปต้องมีความเร็วที่ผิวโลกมากกว่า 112 กิโลเมตรต่อวินาทีซึ่งเรียกว่าความเร็วหลุดพ้น ( หนีความเร็ว ) ความเร็วหลุดพ้นจากโลกจะลดต่ำลงเมื่อห่างจากโลกมากขึ้นดังตาราง 7.1



บันทึกของชาวจีนที่ต่อสู้กับชาวมองโกลในปีพ . ศ .1775 กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากจรวดไว้ว่า " ใช้จรวดขับดันลูกธนูพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม "3 แต่ความเร็วยังไม่สูงพอที่จะเคลื่อนที่ออกจากโลกได้สามารถพ . ศ .1 ไชออลคอฟสกี ( tsiolkovski ) ชาวรัสเซียค้นคว้าเกี่ยวกับเชื้อเพลิงสำหับใช้ในเครื่องยนต์จรวดเสนอว่าการใช้เชื้อเพลิงแข็งจะไม่มีแรงขับดันสูงพอที่จะนำยานอวกาศออกจากพื้นโลกขึ้นสู่อวกาศได้ควรใช้เชื้อเพลิงเหลวการนำจรวดมาต่อกันเป็นชั้นๆจะช่วยลดมวลของจรวดลงเพราะเมื่อจรวดชั้นแรกใช้เชื้อเพลิงหมดก็ปล่อยทิ้งไปและให้จรวดชั้นต่อไปทำหน้าที่ต่อจนถึงจรวดชั้นสุดท้ายที่ติดกับดาวเทียมหรือยานอวกาศ
หลักการส่งยานอวกาศของไชออลคอฟสกีถือเป็นหลักการสำคัญในการเดินทางสู่อวกาศ

สามารถพ . ศ .ซึ่งโรเบิร์ตกอดดาร์ด ( โรเบิร์ต กอดดาร์ด ) ชาวอเมริกันประสบความสำเร็จในการสร้างจรวดเชื้อเพลองเหลวโดยใช้ออกซิเจนเหลวเป็นสารที่ช่วยในการเผาไหม้อยู่ในถังหนึ่งและไฮโดรเจนเหลวเป็นเชื้อเพลิงอยู่ในอีกถังหนึ่ง

ได้มีการพัฒนาจรวดเชื้อเพลิงเหลวมาเป็นลำดับกระทั่งสหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในการใช้จรวดสามท่อนสำหรับส่งยานอวกาศหรือดาวเทียมที่มีน้ำหนักมากขึ้นสู่อวกาศจากนั้นการศึกษาค้นคว้าด้านอวกาศก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการแข่งขันกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ





การส่งดาวเทียมและยานอวกาศแต่ละครั้งทั้งดาวเทียมและจรวดนำส่งระบบการขนส่งอวกาศไม่มีส่วนใดนำมาใช้ได้ใหม่ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการสำรวจอวกาศสูงมาก

คำถามสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาค้นคว้าต่อไปคอทำอย่างไรการส่งดาวเทียมและยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศจึงจะประหยัดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ระบบการขนส่งอวกาศถูกพัฒนาและออกแบบให้สามารถนำชิ้นส่วนบางอย่างที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ให้มากที่สุดระบบขนส่งอวกาศประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือจรวดเชื้อเพลิงแข้งถังเชื้อเพลิงภายนอกยานขนส่งอวกาศดังภาพ 74 มวลรวมเมื่อขึ้นจากฐานประมาณ 2041200 กิโลกรัมมวลเมื่อยานร่อนลงจอดประมาณ 96163 กิโลกรัมขั้นตอนการปฏิบัติงานของยานขนส่งอวกาศศึกษาได้จากแผนภาพ 7.5

สภาพบนโลกกับในอวกาศแตกต่างกันอย่างมากมายมนุษย์ออกจากโลกสู่อวกาศจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไรสภาพในอวกาศจะมีผลอย่างไรต่อร่างกายมนุษย์นักเรียนคงมีคำถามอีกมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอวกาศ

ไม่มีใครรู้หรือบอกได้ว่าจะเกิดอะไรหรือไม่เมื่อต้องไปอยู่ในอวกาศดังนั้นเพื่อความมั่นใจจึงมีการทดลองและฝึกสัตว์หลายชนิดเช่นสุนัขกระต่ายและลิงเป็นต้นเพื่อส่งขึ้นไปอยู่ในอวกาศแข็งแกร่งมากที่สุดเพื่อให้สามารถอยู่ในอวกาศในสภาพไร้น้ำนักได้เมื่อมนุษย์ต้องไปอยู่ในอวกาศเป็นเวลานานร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเช่นหัวใจทำงานช้าลงกล้ามเนื้อทุกส่วนจะมีขนาดเล็กลงนักเรียนคิดว่าเป็นเพราะเหตุใด

วิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์อวกาศเมื่อต้องไปอยู่ในอวกาศเป็นเวลานานก็คือการออกกำลังกายอย่างหนักและสม่ำเสมอเพื่อให้อวัยวะต่างๆของร่างยังคงใช้งานอย่างเป็นปกติ



การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

ความสนใจใคร่มนุษย์ที่เกี่ยวกับความมหัศจรรย์บนฟากฟ้าเกี่ยวกับโลกมนุษย์อาศัยอยู่และดาวดวงอื่นๆที่มนุษย์มองเห็นทำให้มีการศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอวกาศพัฒนาและประดิษฐ์อุปกรณ์ถ่ายภาพในช่วงคลื่นต่างจะจากระยะไกลตลอดทั้งรับและส่งสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วนำอุปกรณ์และเครื่องรับส่งสัญญาณไปประกอบเป็นดาวเทียมที่ถูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลกจะบนโลกได้จากระยะไกลในเวลาอันเร็วได้เรียนรู้สิ่งต่างจะเกี่ยวกับเอกภพโลกดวงจันทร์และดาวอื่นจะอีกมากมายความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีในอวกาศช่วยเปิดเผยความลี้ลับในอดีตจะอีกมากมาย



เป็นดาวเทียมที่มีอุปกรณ์ถ่ายภาพดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: