Moreover, in the presence of excess

Moreover, in the presence of excessive catalytic factors, administrative megatrends have attracted a change in public management; for example, attempts to reduce or slow down public spending and staffing. The ideas of privatisation and quasi-privatisation on jobs or activities that were not relevant to core public responsibility, and the development of automation by using information technology for the distribution of public services, have besieged the public administration realm (Hood 1991). The emergence of NPM can be concluded in four broad perspectives: efficiency, marketisation, accountability and decentralisation (Hood 1991, Hood 1995, Navarra and Cronford 2005). The term „efficiency‟ aims to improve production at a low cost; thus, concerning decreased unit costs, reduced staff and better methods of working. Marketisation refers to a shift of command and control from a vertical hierarchy to a horizontal contractual relationship within (and outside) the public sector. Some activities are privatised or contracted out to the private sector by competitive tendering. Accountability needs a clear assignment and clearly stated aims of responsibility, which are controlled by quality criteria and performance measurement. Decentralisation refers to more decision making being transferred to lower levels of the public sector, which means increasing local responsiveness. This includes the design of systems and mechanisms of accountability, and participation by citizen and non-governmental organisations. It could be said that NPM has put increasing emphasis on professional management practices, performance-oriented administration and customer-centric management. It asks for government needs to have good connections with its citizens, improve access to public services and respond to social development (Saxena 2005).
By the mid 1990s, globalisation of the Internet had emerged and was used widely in industrialised countries to support NPM, which gave birth to „e-government‟ (Baptista 2005). In those early days, e-government had functions to produce and distribute public information through the Internet. However, the information was quite static, which meant that it lacked interactions between government and civil societies. Currently, after more than a decade of experience, e-government has developed an advanced application of ICTs as a critical tool, which can develop a good and responsive government that provides better value at a lower cost (OECD 2005). However, some scholars, for example Schedler and Scharf (2001), Curtin, Sommer and Sommer (2003), Dunleavy et al. (2005), and Heeks (2006), gave evidence that e-government has gone far beyond simply providing some public information and services via a website, or just offering technical changes in public services. They stressed that e-government is a significant paradigm shift in public management, which has determined crucial and wide ranging changes of, for example, behaviour, organisational management, politics and culture in the entire civil society. Therefore, the strong effects of e-government can be called the second revolution in public administration after NPM (Criado Hughes and Teicher 2002, Teicher, Hughes and Dow 2002, Saxena 2005).
Driven by Internet-based technology, e-government can help to transform public service deliveries and make public services available for 24 hours, 7 days a week, which would create greater accessibility from anywhere, and also eliminate visits to government offices. E-government would help to reduce costs and save time for both customers and public agencies (Teicher, Hughes, and Dow 2002). Navarra and Cronford (2005, p. 9) stated, “e-government involves the creation, development and interlinking of a variety of social, institutional and technological ecologies to deliver services which are perceived as legitimate, innovative, useful and welfare enhancing”. This perspective hints that e-government involves creation of a large

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นอกจากนี้ ในต่อหน้าของปัจจัยตัวเร่งปฏิกิริยามากเกินไป จัดการคลุมได้ดึงดูดการเปลี่ยนแปลงในการจัดการสาธารณะ ตัวอย่าง พยายามที่จะลด หรือชะลอการใช้จ่ายสาธารณะ และพนักงาน ความคิดของ privatisation privatisation quasi-งานหรือกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับหลักความรับผิดชอบสาธารณะ และการพัฒนาของระบบอัตโนมัติโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศการกระจายบริการสาธารณะ มีล้อมขอบเขตการบริหารราชการ (ฮูด 1991) การเกิดขึ้นของ NPM สามารถสรุปได้ในมุมกว้างสี่: ประสิทธิภาพ marketisation ความรับผิดชอบ และ decentralisation (ฮูด 1991, 1995 ฮูด นาบาร์รา และ Cronford 2005) คำว่า "efficiency‟ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงการผลิตที่ต้นทุนต่ำ ดังนั้น เกี่ยวกับต้นทุนต่อหน่วยลดลง พนักงานลดลง และดีกว่าวิธีการทำงาน Marketisation หมายถึงกะของคำสั่งและการควบคุมจากลำดับชั้นแนวตั้งเป็นแนวนอนตามสัญญาสัมพันธ์ภายใน (และนอก) ภาครัฐ กิจกรรมบางอย่าง privatised หรือตีบออกไปภาคเอกชน โดยแข่งขัน tendering ความรับผิดชอบต้องกำหนดชัดเจนและจุดมุ่งหมายชัดเจนระบุความรับผิดชอบ ซึ่งถูกควบคุม โดยเงื่อนไขคุณภาพและประสิทธิภาพวัด Decentralisation ถึงตัดสินใจเพิ่มเติมการโอนย้ายไปภาครัฐ ซึ่งหมายความว่า การเพิ่มการตอบสนองของท้องถิ่นระดับล่าง ซึ่งรวมถึงการออกแบบระบบและกลไกความรับผิดชอบ และมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรเอกชน มันอาจจะกล่าวว่า NPM มีใส่เน้นวิธีบริหารจัดการมืออาชีพ มุ่งเน้นประสิทธิภาพการจัดการ และการจัดการเกี่ยวกับลูกค้าเพิ่มขึ้น มันถามสำหรับรัฐบาลต้องมีการเชื่อมต่อที่ดีกับพลเมืองของ ปรับปรุงการเข้าถึงบริการสาธารณะ และตอบสนองต่อการพัฒนาสังคม (2005 ซสักเสนา)กลางปี 1990 นโบายของอินเทอร์เน็ตมีชุมนุม และถูกใช้อย่างกว้างขวางในประเทศ industrialised สนับสนุน NPM ซึ่งให้กำเนิด "e-government‟ (Baptista 2005) ในยุคแรก ๆ นั้น รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์มีฟังก์ชันการผลิต และกระจายข้อมูลข่าวสารผ่านทางอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลได้ค่อนข้างคงที่ ซึ่งหมายความ ว่า มันขาดกันระหว่างรัฐบาลและภาคประชาสังคม ขณะนี้ หลังจากกว่าทศวรรษของประสบการณ์ รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ได้พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ขั้นสูงของทุกเป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งสามารถพัฒนาให้ดี และตอบสนองรัฐบาลที่ดีต้นทุนต่ำ (OECD 2005) อย่างไรก็ตาม นักวิชาการบางคน ตัวอย่าง Schedler และ Scharf (2001), Curtin ฤดู และฤดู (2003), Dunleavy และ al. (2005), และ Heeks (2006), ให้หลักฐานที่รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ได้ไปไกลเกินกว่าเพียงแค่ให้ข้อมูลข่าวสารและบริการผ่านทางเว็บไซต์บาง หรือเพียงเสนอเทคนิคการเปลี่ยนแปลงในบริการสาธารณะ พวกเขาเน้นว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญกระบวนทัศน์ในการจัดการสาธารณะ ซึ่งมีความสำคัญ และหลากหลายตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของ อย่าง พฤติกรรม organisational จัดการ การเมือง และวัฒนธรรมในภาคประชาสังคมทั้งหมด ดังนั้น ผลแข็งแกร่งของรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สามารถเรียกการปฏิวัติสองในการบริหารราชการหลัง NPM (สตี เฟ่น Criado และ Teicher 2002, Teicher สตีเฟ่น และว 2002, 2005 ซสักเสนา)ขับเคลื่อน ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วยแปลงส่งราชการ และให้บริการสาธารณะพร้อมใช้งาน 24 ชั่วโมง สัปดาห์ 7 วันที่จะสร้างการเข้าถึงมากขึ้นจากที่ใดก็ได้ และยัง กำจัดชมสำนักงานของรัฐบาล รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดต้นทุน และประหยัดเวลาสำหรับลูกค้าและหน่วยงานสาธารณะ (Teicher ฮิวจ์ส และ 2002 ดาว) นาบาร์ราและ Cronford (2005, p. 9) ระบุ "รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับการสร้าง พัฒนา และ interlinking ของสังคม และสถาบันเทคโนโลยี ecologies เพื่อให้บริการที่จะถือว่าเป็นกฎหมาย นวัตกรรม ประโยชน์และการเพิ่มสวัสดิการ" มุมมองนี้คำแนะนำรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างขนาดใหญ่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นอกจากนี้ในการปรากฏตัวของปัจจัยเร่งปฏิกิริยามากเกินไป Megatrends การบริหารการเปลี่ยนแปลงมีความสนใจในการบริหารจัดการสาธารณะ; ตัวอย่างเช่นความพยายามที่จะลดหรือชะลอการใช้จ่ายของประชาชนและพนักงาน ความคิดของการแปรรูปและการแปรรูปเสมือนในงานหรือกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบหลักของประชาชนและการพัฒนาของระบบอัตโนมัติโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการกระจายของบริการสาธารณะที่มีการปิดล้อมดินแดนบริหารจัดการภาครัฐ (ฮูด 1991) การเกิดขึ้นของ NPM สามารถสรุปในสี่มุมมองกว้าง: ประสิทธิภาพ marketisation ความรับผิดชอบและการกระจายอำนาจ (ฮูดปี 1991 ฮูดปี 1995 และ Navarra Cronford 2005) คำว่า "ประสิทธิภาพ" มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงการผลิตที่มีต้นทุนต่ำ จึงเกี่ยวข้องกับต้นทุนต่อหน่วยลดลง, พนักงานที่ลดลงและวิธีการที่ดีในการทำงาน Marketisation หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของคำสั่งและการควบคุมจากลำดับชั้นแนวตั้งเข้ากับความสัมพันธ์ตามสัญญาภายในแนวนอน (และภายนอก) ภาครัฐ กิจกรรมบางอย่างจะแปรรูปหรือตัวออกไปยังภาคเอกชนโดยการประมูลแข่งขัน ความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายความต้องการที่ชัดเจนและระบุไว้อย่างชัดเจนจุดมุ่งหมายของความรับผิดชอบที่จะถูกควบคุมโดยเกณฑ์คุณภาพและการวัดประสิทธิภาพ Decentralisation หมายถึงการตัดสินใจมากขึ้นที่จะถูกย้ายไปอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นซึ่งหมายถึงการตอบสนองในท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงการออกแบบระบบและกลไกของความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรที่ไม่ใช่ภาครัฐ มันอาจจะกล่าวได้ว่า NPM ได้ใส่เพิ่มขึ้นโดยเน้นการปฏิบัติจัดการอย่างมืออาชีพ, การบริหารผลการปฏิบัติงานที่มุ่งเน้นและการจัดการลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มันถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการเชื่อมต่อที่ดีกับประชาชนในการปรับปรุงการเข้าถึงบริการสาธารณะและการตอบสนองต่อการพัฒนาสังคม (Saxena 2005).
โดยกลางปี ​​1990 โลกาภิวัตน์ของอินเทอร์เน็ตโผล่ออกมาและถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศอุตสาหกรรมที่จะสนับสนุน NPM, ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด "รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์" (Baptista 2005) ในวันแรกที่รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์มีฟังก์ชั่นในการผลิตและแจกจ่ายข้อมูลสาธารณะผ่านทางอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตามข้อมูลที่เป็นแบบคงที่มากซึ่งหมายความว่ามันขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม ปัจจุบันหลังจากกว่าทศวรรษของประสบการณ์, e รัฐบาลได้มีการพัฒนาแอพลิเคชันขั้นสูงของเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือที่สำคัญซึ่งสามารถพัฒนารัฐบาลที่ดีและตอบสนองที่ให้ค่าที่ดีกว่าด้วยต้นทุนที่ต่ำ (OECD 2005) แต่นักวิชาการบางคนเช่น Schedler และ Scharf (2001), Curtin, ซอมเมอร์และซอมเมอร์ (2003), Dunleavy et al, (2005) และ Heeks (2006) ให้หลักฐานที่แสดงว่ารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้ไปไกลเกินกว่าเพียงแค่การให้ข้อมูลบางอย่างที่สาธารณะและบริการผ่านทางเว็บไซต์หรือเพียงแค่นำเสนอการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคในการให้บริการประชาชน พวกเขาเน้นว่ารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เป็นกระบวนทัศน์ที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงในการจัดการภาครัฐซึ่งได้กำหนดที่สำคัญและกว้างตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงเช่นพฤติกรรมการบริหารจัดการองค์กรการเมืองและวัฒนธรรมในภาคประชาสังคมทั้งหมด ดังนั้นผลกระทบที่แข็งแกร่งของรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สามารถเรียกว่าการปฏิวัติครั้งที่สองในการบริหารราชการหลังจาก NPM (Criado ฮิวจ์สและ Teicher 2002 Teicher ฮิวจ์และดาวโจนส์ 2002 Saxena 2005).
ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตตามรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วย ที่จะเปลี่ยนการส่งมอบการบริการสาธารณะและให้บริการสาธารณะที่มี 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ซึ่งจะสร้างการเข้าถึงมากขึ้นจากที่ใดก็ได้และยังขจัดเข้าชมไปยังหน่วยงานภาครัฐ E-รัฐบาลจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาให้กับลูกค้าและหน่วยงานภาครัฐ (Teicher ฮิวจ์และดาวโจนส์ 2002) Navarra และ Cronford (2005, น. 9) กล่าวว่า "รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับการสร้างการพัฒนาและการ Interlinking ความหลากหลายของสังคมระบบนิเวศน์สถาบันและเทคโนโลยีการให้บริการที่มีการรับรู้ที่ถูกต้องเป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์และเสริมสร้างสวัสดิการ" มุมมองนี้เป็นนัย ๆ ว่ารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับการสร้างที่มีขนาดใหญ่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นอกจากนี้ ในการแสดงตนของปัจจัยเร่งมากเกินไป เมกะเทรนด์การบริหารได้ดึงดูดการเปลี่ยนแปลงในการจัดการสาธารณะ เช่น ความพยายามที่จะลดหรือชะลอการใช้จ่ายสาธารณะ และพนักงาน แนวคิดของการแปรรูป และ กึ่งการแปรรูปในงานหรือกิจกรรมที่ไม่สอดคล้องกับหลักความรับผิดชอบต่อสาธารณะและพัฒนาระบบอัตโนมัติ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อกระจายการบริการสาธารณะ ได้ปิดล้อมสาธารณะการบริหารอาณาจักร ( ฮูด 1991 ) การเกิดขึ้นของ NPM สามารถสรุปได้ใน 4 กว้างมุมมอง : ประสิทธิภาพ , marketisation ความรับผิดชอบและ Decentralisation ( เครื่องดูดควันเครื่องดูดควันและ 1991 , 1995 , Navarra cronford 2005 ) คำ„‟มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยต้นทุนที่ต่ำ ดังนั้น การลดต้นทุนต่อหน่วย ลดพนักงานและวิธีการที่ดีขึ้นของการทำงาน marketisation หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของการควบคุมและสั่งการจากลำดับชั้นตามแนวตั้ง แนวนอน ( สัญญาความสัมพันธ์ภายในและภายนอก ) ภาคสาธารณะ บางกิจกรรมมีการแปรรูป หรือหดตัวจากภาคเอกชน โดยแข่งขันประมูล . ความรับผิดชอบ ต้องการงานที่ชัดเจนและระบุไว้อย่างชัดเจน มีความรับผิดชอบ ซึ่งถูกควบคุมโดยเกณฑ์คุณภาพและการวัดผลการปฏิบัติงาน Decentralisation หมายถึง มากกว่าการตัดสินใจจะถูกย้ายไปที่ระดับล่างของภาคประชาชน ซึ่งหมายถึงการเพิ่มการตอบสนองท้องถิ่น นี้รวมถึงการออกแบบระบบและกลไกของความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชน . อาจกล่าวได้ว่ามีการวางแนวการเน้นการบริหารมืออาชีพ การบริหารและการจัดการที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงาน ขอรัฐบาลต้องการที่จะมีการเชื่อมต่อที่ดีกับประชาชน ปรับปรุงการเข้าถึงการบริการสาธารณะ และตอบสนองต่อการพัฒนาทางสังคม ( Saxena 2005 )โดยช่วงกลางทศวรรษ 1990 โลกาภิวัตน์ของอินเทอร์เน็ตได้เกิดขึ้นและถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศอุตสาหกรรม ประเทศที่จะสนับสนุนแนว ซึ่งให้กำเนิด„รัฐบาล‟ ( แบ็ปติสต้า 2005 ) ในวันแรกนั้นรัฐบาลมีหน้าที่ผลิตและแจกจ่ายข้อมูลสาธารณะผ่านทางอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ค่อนข้างคงที่ซึ่งหมายความว่ามันไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและภาคสังคม ในปัจจุบัน หลังจากกว่าทศวรรษของประสบการณ์ , รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ได้มีการพัฒนาขั้นสูงการประยุกต์ใช้ไอซีทีเป็นเครื่องมือที่สำคัญซึ่งสามารถพัฒนาที่ดี และการตอบสนองของรัฐบาลที่ให้ราคาดีกว่าที่ต้นทุนต่ำ ( OECD ปี 2548 ) อย่างไรก็ตาม นักวิชาการบางคน สำหรับเชเดอเลอร์ตัวอย่างและชาร์ฟ ( 2001 ) , Curtin ซอมเมอร์ , และ ซอมเมอร์ ( 2003 ) , dunleavy et al . ( 2005 ) และ heeks ( 2006 ) ให้หลักฐานว่ารัฐบาลได้ไปไกลเกินกว่าเพียงแค่การให้ข้อมูลสาธารณะและบริการผ่านทางเว็บไซต์ หรือเพียง เสนอการเปลี่ยนแปลงเทคนิคในการบริการสาธารณะ เขาเน้นว่ารัฐบาลเป็น Paradigm Shift ที่สําคัญในการจัดการสาธารณะ ซึ่งได้กำหนดความกว้างตั้งแต่การเปลี่ยนแปลง เช่น พฤติกรรม องค์กรบริหาร การเมือง และวัฒนธรรมในสังคมทั้งหมด ดังนั้น ผลกระทบที่แข็งแกร่งของรัฐบาลสามารถเรียกการปฏิวัติครั้งที่สองในการบริหารราชการตามแนว ( criado Hughes และ teicher 2002 teicher ฮิวส์และ Dow 2002 Saxena 2005 )ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตตาม รัฐบาลสามารถช่วยแปลงสาธารณะบริการจัดส่งและให้บริการประชาชนให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง , 7 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งจะสร้างมากกว่าการเข้าถึงจากที่ใดก็ได้ และยังลดการเข้าชมสำนักงานของรัฐบาล รัฐบาลจะช่วยลดต้นทุนและประหยัดเวลาให้แก่ลูกค้าและหน่วยงานภาครัฐ ( teicher ฮิวจ์ส และดาว 2002 ) Navarra และ cronford ( 2548 , หน้า 9 ) ได้กล่าวว่า " รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง พัฒนา และการเชื่อมต่อของความหลากหลายของสังคม และสถาบันเทคโนโลยี ecologies ส่งมอบบริการซึ่งมีการรับรู้ที่ถูกต้อง สร้างสรรค์ ประโยชน์และสวัสดิการเพิ่ม " นี้เกี่ยวข้องกับการสร้างมุมมองข้อคิดว่ารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่