approach to the task and to verball

approach to the task and to verbally encourage their children, such as stating that copies were adequateand that no negative consequences would follow from the task, and to encourage their children to complete the task without assistance. The third phase was designed to determine any impact of parental rearing condition on children (post-parental rearing manipulation). The task was video-recorded,with each participant being given a random letter identification used for later coding.Procedure for coding and reliability testing. All recorded segments (pre- and post-experimental manipulations)used for coding purposes were de-identified with random letter codes and randomized using an online randomizer (http://www.randomizer.org) before they were coded by a research assistant with postgraduate qualifications in psychology who was unaware of children’s diagnostic status, the experimental condition, or the study hypotheses. A random sample of these video segments(25%) was reliability-coded by a second research assistant who was also unaware of the experimental condition or hypotheses. Each coder was given the relevant coding manual and trained to criterion on the coding system using two recorded samples. Inter-rater reliability analysis using the kappa statistic was performed to determine consistency among raters on categorical variables. Categorical variables were investigated using kappa statistics, whereas continuous variables were examined using

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีการ เพื่องาน และ เพื่อส่งเสริมให้เด็กของพวกเขา เช่นระบุว่า สำเนาได้ adequateand ที่ไม่มีผลลบจะตามงาน วาจา และ เพื่อส่งเสริมให้ลูกทำงานโดยไม่ต้อง ระยะที่สามถูกออกแบบเพื่อกำหนดผลกระทบใด ๆ ของสภาพการเพาะเลี้ยงโดยผู้ปกครองกับเด็ก (post-parental แม่จัดการ) งานได้วิดีโอบันทึก กับผู้เข้าร่วมแต่ละได้รับรหัสตัวอักษรแบบสุ่มที่ใช้สำหรับเขียนโค้ดในภายหลังขั้นตอนการเขียนโค้ดและการทดสอบความน่าเชื่อถือ บันทึกเซ็กเมนต์ทั้งหมด (manipulations ภาพก่อน และหลังทดลอง) ใช้สำหรับวัตถุประสงค์ในการเขียนโค้ดถูก de-ระบุรหัสตัวอักษรสุ่ม และ randomized ใช้ randomizer มีออนไลน์ (http://www.randomizer.org) ก่อนที่จะถูกเข้ารหัส โดยผู้ช่วยวิจัย มีคุณสมบัติในด้านจิตวิทยาที่ต่ำของสถานะการวินิจฉัยเด็ก เงื่อนไขการทดลอง หรือสมมุติฐานการศึกษา บัณฑิต ตัวอย่างที่สุ่มของ segments(25%) วิดีโอเหล่านี้ถูกเข้ารหัสความน่าเชื่อถือ โดยผู้ช่วยวิจัยที่สองที่ยังไม่รู้เงื่อนไขทดลองหรือสมมุติฐาน Coder แต่ละได้รับเกี่ยวข้องรหัสด้วยตนเอง และการฝึกอบรมกับเกณฑ์ระบบรหัสโดยใช้ตัวอย่างบันทึกที่สอง วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือระหว่าง rater ใช้สถิติกัปปะที่ดำเนินการเพื่อตรวจสอบความสอดคล้องระหว่าง raters ในตัวแปรที่แน่ชัด ตัวแปรที่แน่ชัดถูกสอบสวนใช้สถิติกัปปะ ในขณะที่ตัวแปรต่อเนื่องถูกตรวจสอบโดยใช้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แนวทางในการงานและวาจาส่งเสริมให้เด็กของพวกเขาเช่นที่ระบุว่าสำเนาถูก adequateand ที่ไม่มีผลทางลบจะตามมาจากงานและเพื่อส่งเสริมให้เด็กของพวกเขาเพื่อให้งานได้โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือ ขั้นตอนที่สามได้รับการออกแบบเพื่อตรวจสอบผลกระทบของสภาพการเลี้ยงดูของพ่อแม่เด็ก ๆ (การจัดการการเลี้ยงการโพสต์ของผู้ปกครอง) งานที่ได้รับการบันทึกวิดีโอแบบกับแต่ละผู้เข้าร่วมจะได้รับการระบุตัวอักษรที่สุ่มใช้ในภายหลัง coding.Procedure สำหรับการเขียนโปรแกรมและการทดสอบความน่าเชื่อถือ ส่วนบันทึกทุกชนิด (ก่อนและกิจวัตรการโพสต์การทดลอง) ใช้สำหรับวัตถุประสงค์การเข้ารหัสถูกยกเลิกการระบุด้วยรหัสตัวอักษรที่สุ่มและสุ่มโดยใช้ randomizer ออนไลน์ (http://www.randomizer.org) ก่อนที่จะถูกเขียนโดยผู้ช่วยวิจัยกับ คุณวุฒิปริญญาโทในด้านจิตวิทยาที่ไม่รู้สถานะวินิจฉัยเด็กสภาพการทดลองหรือสมมติฐานการศึกษา ตัวอย่างที่สุ่มจากกลุ่มวิดีโอเหล่านี้ (25%) เป็นความน่าเชื่อถือเขียนโดยผู้ช่วยวิจัยที่สองที่ยังไม่ทราบถึงสภาพการทดลองหรือสมมติฐาน coder แต่ละคนได้รับคู่มือการเขียนโปรแกรมที่เกี่ยวข้องและได้รับการฝึกฝนเกณฑ์ในระบบการเข้ารหัสโดยใช้สองตัวอย่างที่บันทึกไว้ การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือระหว่างผู้ประเมินโดยใช้สถิติคัปปาได้ดำเนินการเพื่อตรวจสอบความสอดคล้องกันในหมู่ผู้ประเมินตัวแปรเด็ดขาด ตัวแปรเด็ดขาดถูกตรวจสอบโดยใช้สถิติคัปปาในขณะที่ตัวแปรอย่างต่อเนื่องมีการตรวจสอบโดยใช้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีการงาน และเพื่อส่งเสริมให้เด็กด้วย เช่น ระบุว่า เล่ม adequateand ไม่มีผลลบจะตามงาน และเพื่อให้เด็กของพวกเขาให้เสร็จสมบูรณ์โดยปราศจากความช่วยเหลือ ระยะที่ 3 ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบผลกระทบของผู้ปกครองในการเลี้ยงดูเด็ก ( โพสต์โดยผู้ปกครองเลี้ยงดูสภาพการจัดการ )งานเป็นวิดีโอที่บันทึก กับผู้เข้าร่วมแต่ละที่ได้รับการสุ่มตัวอักษรใช้ทีหลังนะครับ ขั้นตอนการเข้ารหัสและการทดสอบความน่าเชื่อถือ บันทึกกลุ่ม ( ก่อนและหลังทดลองใช้สำหรับการเข้ารหัส manipulations ) มีวัตถุประสงค์ เดอ ระบุด้วยรหัสสุ่มตัวอักษรแบบสุ่มและใช้ออนไลน์ ( http://www.randomizer .org ) ก่อนที่จะถูกเขียนโดยผู้ช่วยวิจัยระดับปริญญาโทในด้านจิตวิทยากับคุณสมบัติที่ได้ทราบสถานะการวินิจฉัยเด็ก ภาวะการทดลองหรือการวิจัยสมมติฐาน ตัวอย่างสุ่มของกลุ่มวิดีโอเหล่านี้ ( 25% ) คือความน่าเชื่อถือที่เขียนโดยสองผู้ช่วยวิจัยที่ยังไม่ทราบเงื่อนไขการทดลองหรือสมมติฐานผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ละได้รับการเข้ารหัสด้วยตนเองและผ่านการฝึกอบรมตามเกณฑ์ในการเข้ารหัสโดยใช้ระบบสองบันทึกตัวอย่าง ระหว่างกลุ่มโดยใช้สถิติการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือกว่าการตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างผู้ประเมินกับตัวแปรเชิงคุณภาพ ตัวแปรเชิงกลุ่มทำการศึกษาโดยใช้สถิติแคปป้า ในขณะที่ตัวแปรต่อเนื่อง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการใช้