A number of studies have shown that

A number of studies have shown that horses with a history of
colic are more likely to suffer further episodes of both medical colic
(Reeves et al. 1996; Tinker et al. 1997a; Hillyer et al. 2002) and/or
particular types of surgical colic (Cohen et al. 1995, 1999; Cohen
and Peloso 1996; Archer et al. 2008a,b). Furthermore, horses that
have undergone exploratory laparotomy for colic are at increased
risk of further colic episodes and post operative colic contributes
negatively to post operative survival (French et al. 2002; Proudman
et al. 2002; Mair and Smith 2005). However, there is a paucity of
research investigating recurrent colic after nonsurgical episodes
of colic. Cohort studies focused upon colic are few and, of those
that report colic incidence, are representative of different horse
populations including; horse farms in the USA(Tinker et al. 1997b;
Traub-Dargatz et al. 2001), UK race yards (Hillyer et al. 2001) and
army horses in Rio de Janeiro (Laranjeira et al. 2009). Almost
a decade ago, Cohen (2003) noted that “relatively little is known
about these more common forms of colic (referring to cases of colic
managed in the field by equine practitioners in private practice)
including information about their incidence, predisposing factors,
evaluation of treatments and responses, rates of recurrence and
methods for prevention.” Many of these questions still remain.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จำนวนของการศึกษาได้แสดงให้เห็นที่ม้า มีประวัติจุกเสียดมีแนวโน้มจะประสบการตอนของจุกเสียดทั้งทางการแพทย์(รีฟส์ et al. 1996 ทิงร้อยเอ็ด 1997a Hillyer et al. 2002) หรือประเภทของอาการจุกเสียดราคาประหยัด (โคเฮน et al. 1995, 1999 โคเฮนและ Peloso 1996 อาร์เชอร์ร้อยเอ็ด 2008a, b) นอกจากนี้ ม้าที่มีระดับการสำรวจ laparotomy สำหรับจุกเสียดจะเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มเติมตอนที่อาการจุกเสียดและอาการจุกเสียดหลังผ่าตัดทางลบเพื่อความอยู่รอดหลังผ่าตัด (ฝรั่งเศส et al. 2002 Proudmanet al. 2002 Mair และ 2005 สมิธ) อย่างไรก็ตาม มี paucity ของวิจัยตรวจสอบอาการจุกเสียดเกิดขึ้นหลังจากตอน nonsurgicalของอาการจุกเสียด งานศึกษาที่มุ่งเน้นตามอาการจุกเสียดได้ และน้อย ผู้อุบัติการณ์ที่รายงานอาการจุกเสียด เป็นตัวแทนของม้าที่แตกต่างกันประชากรรวมถึง ฟาร์มม้าในประเทศสหรัฐอเมริกา (ทิง et al. 1997bแทรมป์ Dargatz et al. 2001) UK แข่งขันหลา (Hillyer et al. 2001) และกองทัพม้าในริโอเดอจาเนโร (Laranjeira et al. 2009) เกือบสิบ โคเฮน (2003) กล่าวว่า "ค่อนข้างน้อยเป็นที่รู้จักกันเกี่ยวกับแบบฟอร์มเหล่านี้ทั่วไปของอาการจุกเสียด (หมายถึงกรณีที่มีอาการจุกเสียดจัดการในฟิลด์โดยม้าผู้ปฏิบัติส่วนตัว)รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติ predisposing ปัจจัยการประเมินการรักษา และการตอบสนอง อัตราของการเกิดซ้ำ และวิธีการป้องกัน" หลายคำถามเหล่านี้ยังคง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าม้าที่มีประวัติความเป็นมาของ
อาการจุกเสียดมีแนวโน้มที่จะประสบตอนต่อไปของทั้งสองอาการจุกเสียดทางการแพทย์
(Reeves et al, 1996;.. ทิงเกอร์ et al, 1997a; Hillyer et al, 2002.) และ / หรือ
ชนิดโดยเฉพาะการผ่าตัด อาการจุกเสียด (โคเฮน, et al 1995 1999. โคเฮน
และ Peloso 1996. ธนู et al, 2008a, B) นอกจากนี้ม้าที่
ได้รับการสอบสวน laparotomy สำหรับอาการจุกเสียดอยู่ที่เพิ่ม
ความเสี่ยงของอาการจุกเสียดตอนต่อไปและอาการจุกเสียดผ่าตัดก่อ
เชิงลบการโพสต์การอยู่รอดการผ่าตัด (ฝรั่งเศส et al, 2002;. Proudman
et al, 2002;. แมร์สมิ ธ และ 2005) แต่มีความยากจนของ
การวิจัยการตรวจสอบอาการจุกเสียดที่เกิดขึ้นอีกหลังจากที่เอพศัลยกรรม
ของอาการจุกเสียด ศึกษาการศึกษามุ่งอาการจุกเสียดมีน้อยและของผู้
ที่รายงานอุบัติการณ์อาการจุกเสียดเป็นตัวแทนของม้าที่แตกต่างกัน
ของประชากรรวมทั้ง; ฟาร์มม้าในสหรัฐอเมริกา (ทิงเกอร์ et al, 1997b;.
. ทร็อบ-Dargatz et al, 2001), สหราชอาณาจักรหลาแข่งขัน (. Hillyer et al, 2001) และ
ม้ากองทัพในริโอเดจาเนโร (. Laranjeira et al, 2009) เกือบ
ทศวรรษที่ผ่านมาโคเฮน (2003) ตั้งข้อสังเกตว่า "ค่อนข้างน้อยเป็นที่รู้จักกัน
เกี่ยวกับเหล่านี้รูปแบบที่พบมากขึ้นของอาการจุกเสียด (หมายถึงกรณีที่มีอาการจุกเสียด
การจัดการในสนามโดยผู้ปฏิบัติงานม้าในทางปฏิบัติเอกชน)
รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการเกิดของพวกเขาปัจจัย predisposing,
การประเมินผล ของการรักษาและการตอบสนองอัตราของการเกิดขึ้นและ
วิธีการในการป้องกัน. "หลายคำถามเหล่านี้ยังคงอยู่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จำนวนของการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าม้าที่มีประวัติของไทยมีโอกาสที่จะประสบเพิ่มเติมตอนของแพทย์ทั้งสอง จุกเสียด( รีฟ et al . 1996 ; คนจรจัด et al . 1997a ; ฮีลีเออร์ et al . 2002 ) และ / หรือโดยเฉพาะประเภทของศัลยกรรมจุกเสียด ( Cohen et al . 1995 , 1999 ; โคเฮนและ peloso 1996 ; อาร์เชอร์ et al . 2008a , B ) นอกจากนี้ ม้าว่าได้รับการผ่าตัดเปิดช่องท้องจุกเสียดที่เพิ่มขึ้นสำหรับความเสี่ยงของอาการจุกเสียดและตอนต่อไปหลังผ่าตัดอาการจุกเสียด มีส่วนช่วยลบโพสต์การอยู่รอดหัตถการ ( ฝรั่งเศส et al . 2002 ; เพราด์เมิ่นet al . 2002 ; แมร์และ Smith 2005 ) อย่างไรก็ตาม มีจำนวนเล็กน้อยของการวิจัยดำเนินการสืบสวนป่วน หลัง nonsurgical เอพของจุกเสียด การศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์เน้นป่วนน้อยและของเหล่านั้นรายงานการเกิดอาการจุกเสียดที่เป็นตัวแทนของม้าที่แตกต่างกันประชากร ได้แก่ ฟาร์มเลี้ยงม้าในสหรัฐอเมริกา ( คนจรจัด et al . 1997b ;โทรบ dargatz et al . 2001 ) , สนามแข่ง UK ( ฮีลีเออร์ et al . 2544 ) และม้ากองทัพบกในริโอ เดอ จาเนโร ( laranjeira et al . 2009 ) เกือบทศวรรษที่ผ่านมา โคเฮน ( 2003 ) กล่าวว่า " ค่อนข้างน้อยเป็นที่รู้จักกันเรื่องเหล่านี้โดยทั่วไปมากขึ้นรูปแบบของอาการจุกเสียด ( หมายถึงกรณีของอาการจุกเสียดการจัดการในด้านโดยม้าประกอบในการปฏิบัติส่วนตัว )รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติการณ์ของ predisposing ปัจจัยการประเมินผลการรักษาและการตอบสนอง อัตราของการเกิดขึ้นอีกและวิธีการป้องกัน " หลายคำถามเหล่านี้ยังคงอยู่