เมื่อไปท่องทะเล เที่ยวป่า หรือปีนเขา สิ่งที่เราปรารถนาจะเห็นคือ ความตื่นตาตื่นใจจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเวิ้งฟ้าอันไร้ขอบเขต ลูกไฟดวงใหญ่ที่กำลังพ้นจากผืนน้ำ หมู่ปะการังอันสวยสด ดอกไม้นานาพรรณริมธารใส ม่านน้ำที่ตกลงมาจากผาสูงดังสนั่น หรือทะเลหมอกยามอรุณรุ่ง เราหวังจะได้พบกับ ทิวทัศน์อันงดงาม แปลกตา และโอฬาร ซึ่งเร้าใจให้ตื่นตลึงจนต้องอุทานออกมา และอดไม่ได้ที่จะคว้ากล้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
หลายคนแม้ไม่หวังจะได้สัมผัสกับความตระการตาของธรรมชาติ แต่ก็ไปท่องป่าเที่ยวทะเลเพื่อหาความสนุกสนานกับเพื่อนฝูงในบรรยากาศที่แปลกใหม่ ตั้งวงสนทนาฮาเฮ เล่นดนตรี หรือกินเหล้าโดยมีป่าหรือทะเลเป็นฉากหลัง บ้างก็หวังสนุกกับการดำว่ายและโต้คลื่น ขณะที่ บางคนก็เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ฟังเพลงเท่านั้น ไปไหนมาไหนจึงมีแต่เครื่องเล่นMP3 กรอกหูทั้งสองข้างอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเที่ยวธรรมชาติด้วยอาการอย่างไร ผู้คนส่วนใหญ่ปรารถนาจะได้สัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือเร้าจิตกระตุ้นใจให้ตื่นเต้น ชวนหลงใหล จะว่าไปก็ไม่ต่างจากการไปกินอาหารเมนูเด็ดตามภัตตาคารชื่อดัง เป็นแต่ว่าแทนที่จะไปรับรู้ด้วยลิ้น ก็ไปสัมผัสทางตา หู จมูก หรือกาย เป็นสำคัญ
ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ รสชาติที่เอร็ดอร่อย เสียงเพลงที่เร้าจิตกระตุ้นใจ หรือกิจกรรมที่สนุกสนาน สิ่งเหล่านี้ให้ความรู้สึกที่น่าพึงพอใจชวนหลงใหลก็จริง แต่ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นาน และถ้าเร้าจิตกระตุ้นใจมากเกินไป ก็ทำให้เหนื่อยทั้งกายและใจได้ (เสียงเพลงที่ดังสนั่นและหนังที่เต็มไปด้วยฉากบู๊ล้างผลาญ ย่อมส่งผลต่อกายและใจยิ่งกว่าเวลาชื่นชมทะเลหมอกสุดสายตา) ที่สำคัญก็คือรสชาติเหล่านี้ถ้าได้เสพหรือสัมผัสบ่อย ๆ ความรู้สึกเพลิดเพลินใจจะจางคลายลง จนกลายเป็นความปกติธรรมดาไป ชาวบ้านที่อยู่ริมทะเลจึงไม่ค่อยรู้สึกว่ายามอรุณรุ่งนั้นท้องทะเลงดงามเพียงใด
อย่างไรก็ตาม นอกจากความตื่นตาตื่นใจ หรือความสนุกสนานตื่นเต้นแล้ว ธรรมชาติยังสามารถบันดาลความรู้สึกอีกชนิดหนึ่งให้แก่เราได้ เป็นความรู้สึกที่ประณีตลุ่มลึกกว่าความรู้สึกชนิดแรก นั่นคือความสงบใจ ในขณะที่ความรู้สึกชนิดแรกนั้นเกิดจากการเร้าจิตกระตุ้นใจทางตา หู จมูก ลิ้น หรือกาย ความสงบใจกลับเกิดจากบรรยากาศที่วิเวกสงบงัน และจากจิตที่เป็นสมาธิกับภาพหรือเสียงที่ปรากฏ
ธรรมชาติที่งดงามและยิ่งใหญ่นั้น สามารถบันดาลให้เกิดความรู้สึกตื่นตาตื่นใจก็จริง แต่ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถน้อมใจเราให้เกิดความสงบได้ ขอเพียงแต่เรามีจิตจดจ่ออยู่กับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า หรือทำกายและจิตให้นิ่ง ไม่นานความตื่นตาตื่นใจก็จะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสงบใจ หรือพูดอีกอย่างก็ได้ว่า ความสงบใจจะบังเกิดขึ้นมาแทนที่ความตื่นตาตื่นใจ
หากจะกล่าวให้เห็นเป็นภาพ ความสงบใจนั้นมาจากส่วนลึกของจิต ส่วนความตื่นตาตื่นใจนั้นเป็นอาการที่เกิดกับเปลือกนอกของจิต หรือจิตชั้นแรก ดังนั้นเมื่อมีสิ่งน่ายินดีมากระทบใจ ความตื่นตาตื่นใจ รวมถึงความสนุกสนาน และความลิงโลดใจ จึงเกิดขึ้นเป็นอันดับแรก คนส่วนใหญ่รู้จักแต่ความรู้สึกชนิดนี้เท่านั้น ส่วนความสงบใจกลับแทบไม่เคยสัมผัสเลยก็ว่าได้ เพราะจิตใจถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าจากภายนอกรวมทั้งวัตถุสิ่งเสพอยู่ตลอดเวลา จนไม่มีเวลาที่จะได้อยู่นิ่ง ๆ
การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับความสงบจากภายใน แม้ว่าในเบื้องแรกปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นทิวทัศน์อันงดงามตระการตา คือความตื่นตาตื่นใจ หรือความพิศวงในสีสรร แต่หากให้เวลาแก่ตนเอง อานุภาพของธรรมชาติจะค่อย ๆ ซึมซับลงไปสัมผัสกับส่วนลึกของจิตใจ และบันดาลความสงบให้ผุดบังเกิดขึ้น เป็นความสงบที่นำความสุขอย่างประณีตลึกซึ้งมาให้แก่เรา ชนิดที่ความตื่นตาตื่นใจหรือความสนุกสนานกลายเป็นความรู้สึกอย่างหยาบไปทันที
แต่มีคนจำนวนไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันตระการตา กลับไม่สามารถสัมผัสกับความสงบใจ เพราะมัวติดข้องกับความตื่นตาตื่นใจ หรือพอใจเพียงแค่ความสนุกสนานเท่านั้น หลายคนไม่อดทนพอที่จะอยู่นิ่ง ๆ เอาแต่วิ่งหามุมถ่ายรูป พูดคุยหยอกล้อ หรือมัวฟังเพลง เมื่อกายไม่สงบ แถมยังหาเรื่องคิดจนฟุ้งซ่าน จึงได้แค่ความสนุก ทั้ง ๆ ที่ความงดงามของธรรมชาติเบื้องหน้าสามารถตรึงใจให้เราสงบนิ่งได้ไม่ยาก หากให้โอกาสธรรมชาติได้ทำงาน
อันที่จริง ไม่จำต้องอาศัยธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ตระการตา เพียงแค่ป่าเขาลำเนาไพรธรรมดา ท้องทุ่งยามเช้าและยามเย็น หรือท้องฟ้าที่พร่างพราวด้วยดวงดาว ก็สามารถน้อมใจให้เกิดความสงบได้ไม่ยาก ในยามนั้นเองความทะยานอยากจะฝ่อตัว ความโกรธจะบรรเทา ความหลงตนจะสิ้นพยศ ขณะที่ ความสันโดษ ความปรารถนาดี และความอ่อนน้อมถ่อมตน เข้ามาแทนที่ คุณธรรมหรือความใฝ่ดีที่แฝงเร้นอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ จะมีพลังและสามารถฝ่าเปลือกนอกของจิตออกมาให้เรารับรู้ได้
การมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ จึงเป็นการเติมพลังฝ่ายดีให้แก่ตนเอง ช่วยให้เรามีกำลังที่จะทำคุณงามความดี ชนิดที่ไม่ยอมแพ้ความเห็นแก่ตัวหรืออุปสรรคทั้งจากภายในและภายนอก
อย่างไรก็ตามนอกจากความสงบใจแล้ว ธรรมชาติยังสามารถให้ความสว่างแก่จิตใจของเราได้ด้วย เป็นความสว่างที่เกิดจากความรู้ความเข้าใจในความเป็นจริงของชีวิตและโลก เราสามารถเรียนรู้สัจธรรมจากธรรมชาติได้อย่างไม่มีขอบเขต ครูบาอาจารย์นับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ล้วนเปิดใจเรียนรู้สัจธรรมจากธรรมชาติ พระอรหันต์บางท่านรู้แจ้งในมายาภาพของสังขารจนบรรลุธรรมเมื่อเห็นพยับแดด พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ไขปริศนาว่าท่านรู้ธรรมได้อย่างไรในเมื่ออ่านตำรับตำราน้อยมาก ท่านว่า “สำหรับผู้มีปัญญา ธรรมะมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า” ส่วนท่านพุทธทาสภิกขุก็แนะให้คนที่มาเยือนสวนโมกข์ หัดฟัง “เสียงต้นไม้พูด ก้อนหินสอนธรรมะ”บ้าง