Rifampicin is used in the treatment

Rifampicin is used in the treatment of tuberculosis and inactive meningitis along with other antibiotics which may include pyrazinamide, isoniazid, ethambutol, and streptomycin ("PIERS"). It must be administered regularly daily for several months without a break, otherwise, the risk of drug-resistant tuberculosis is greatly increased.[8] In fact, this is the primary reason it is used in tandem with the four aforementioned drugs, particularly isoniazid.[9] This is also the primary motivation behind directly observed therapy for tuberculosis.

Rifampicin resistance develops quickly during treatment, so monotherapy should not be used to treat these infections — it should be used in combination with other antibiotics.

Rifampicin is also used in the treatment of cholestatic pruritus.[10]

Most doctors recommend taking rifampicin on an empty stomach with one glass (200 ml/8 oz.) of water. It is generally taken either one hour before meals or two hours after meals. However, it is important to discuss how to take any medicine with your doctor.[11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีใช้ rifampicin ในรักษาวัณโรคและเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่ไม่ได้ใช้งานพร้อมกับยาปฏิชีวนะอื่น ๆ ซึ่งอาจได้แก่ pyrazinamide, isoniazid, ethambutol และ streptomycin ("ท่าเรือ") มันต้องบริหารเป็นประจำทุกวันเวลาหลายเดือนโดยไม่หยุดพัก อื่น ความเสี่ยงของยาวัณโรคมากขึ้น [8] ในความเป็นจริง ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ใช้คือยาดังกล่าวสี่ isoniazid อย่างยิ่ง [9] และยังเป็นแรงจูงใจหลักหลังบำบัดสังเกตโดยตรงสำหรับวัณโรคต้านทาน rifampicin พัฒนาอย่างรวดเร็วระหว่างการรักษา ดังนั้นไม่ควรใช้ monotherapy การรักษาติดเชื้อเหล่านี้ซึ่งควรใช้ร่วมกับยาอื่น ๆนอกจากนี้ยังมีใช้ rifampicin ในการบำบัดรักษาอย่างไร pruritus cholestatic [10]แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้ rifampicin ในขณะท้องว่างด้วยแก้ว (200 มล./8 ออนซ์) ของน้ำ นั้นโดยทั่วไปจะนำหนึ่งชั่วโมงก่อนอาหารหรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหาร อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการใช้ยากับแพทย์ของคุณ [11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

rifampicin ถูกนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยวัณโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและไม่ได้ใช้งานพร้อมกับยาปฏิชีวนะอื่น ๆ ซึ่งอาจรวมถึง pyrazinamide, isoniazid, ethambutol และ streptomycin ("PIERS") จะต้องมีการบริหารงานเป็นประจำทุกวันเป็นเวลาหลายเดือนโดยไม่หยุดพักมิฉะนั้นความเสี่ยงของผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก. [8] ในความเป็นจริงนี้เป็นเหตุผลหลักที่มีการใช้ควบคู่กับสี่ยาเสพติดดังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง isoniazid . [9] และนี่ก็เป็นแรงจูงใจหลักที่อยู่เบื้องหลังการรักษาด้วยการสังเกตโดยตรงวัณโรค. ต้านทาน Rifampicin พัฒนาอย่างรวดเร็วในระหว่างการรักษาเพื่อให้ยาไม่ควรที่จะใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อเหล่านี้ - มันควรจะใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะอื่น ๆ . Rifampicin ยังใช้ในการ การรักษาอาการคัน cholestatic ได้. [10] แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้ rifampicin ในขณะท้องว่างกับหนึ่งแก้ว (200 มล. / 8 ออนซ์.) น้ำ มีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยทั่วไปหนึ่งชั่วโมงก่อนอาหารหรือสองชั่วโมงหลังอาหาร แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะหารือเกี่ยวกับวิธีการใช้ยาใด ๆ กับแพทย์ของคุณ. [11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไรแฟมปิซินจะใช้ในการรักษาวัณโรค และโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ใช้งานพร้อมกับยาปฏิชีวนะอื่น ๆซึ่งอาจรวมถึงพัยราซินาไมด์ isoniazid , ethambutol และสเตร็ปโตมัยซิน ( " ท่าเรือ " ) มันต้องใช้เป็นประจำทุกวันเป็นเวลาหลายเดือนโดยไม่หยุดพัก มิฉะนั้น เสี่ยงต่อวัณโรคดื้อยาเพิ่มมากขึ้น [ 8 ] ในความเป็นจริงนี่คือเหตุผลหลัก มันถูกใช้ควบคู่กับยา 4 ดังกล่าว โดยเฉพาะเชื้อวัณโรค [ 9 ] นี่ก็เป็นแรงจูงใจหลักที่อยู่เบื้องหลังการสังเกตโดยตรง การรักษาวัณโรค

rifampicin ต้านทานพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว โดยในระหว่างการรักษา ดังนั้นไม่ควรใช้รักษาเชื้อเหล่านี้ จึงควรใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะอื่น ๆ

ไรแฟมปิซิน นอกจากนี้ยังใช้ในการรักษาโรคสองขั้วคัน [ 10 ]

ส่วนใหญ่หมอแนะนำให้ใช้ไรแฟมปิซินในขณะท้องว่างกับ 1 แก้ว ( 200 มิลลิลิตร / 8 ออนซ์ของน้ำ มันถ่ายโดยทั่วไป 1 ชั่วโมง ก่อนอาหาร หรือสองชั่วโมงหลังอาหาร อย่างไรก็ตาม , มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะหารือถึงวิธีการกินยาแพทย์ [ 11 ]