OBJECTIVE:To explore attitudes towa

OBJECTIVE:
To explore attitudes towards two-wheel motorized vehicle (TWMV) helmet use among adolescents in a country with poor legal compliance.
DESIGN:
Self-administered questionnaires were completed by 523 high school students to define the sample of a qualitative study; thereafter, the Health Belief Model (HBM) was applied in 12 focus groups comprising 70 students.
SETTING:
Three randomly selected public secondary schools in middle-income areas of Athens, Greece.
RESULTS:
Students reporting frequent helmet use were characterized by a high perceived threat of a TWMV-related injury, which seemed to be associated with both prior experience of an injury and receiving information on helmet wearing from "significant others." Students reporting helmet non-use were characterized by a low threat perception, possibly attributable to adolescent egocentrism and accompanying feelings of invulnerability or to lack of knowledge and experience in risk identification. A sharp contrast was noted regarding the most important perceived benefit of helmet use, expressed among users as "protection in the case of a road crash" and among non-users as "avoiding tickets from traffic police". Main barriers to helmet use, as identified by non-users, included: low perceived efficacy of helmets; peer pressure; lack of appropriate information on helmet use; high helmet cost; lack of convenience; vision and hearing disturbance; and style reasons.
CONCLUSIONS:
When social norms of low compliance to safety laws prevail, qualitative research can assist in developing tailored educational interventions targeting behavior modification among adolescents.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์:การสำรวจทัศนคติ 2 ล้อรถยนต์ หมวกกันน็อค (TWMV) ใช้ในหมู่วัยรุ่นในประเทศกับปฏิบัติตามกฎระเบียบกฎหมายดีออกแบบ:ปกครองตนเองแบบสอบถามเสร็จสมบูรณ์ โดย 523 นักเรียนมัธยมศึกษากำหนดตัวอย่างของการศึกษาเชิงคุณภาพ หลัง แบบจำลองความเชื่อสุขภาพ (HBM) ถูกใช้ในกลุ่มโฟกัส 12 ห้องเรียน 70การตั้งค่า:3 สุ่มเลือกโรงเรียนมัธยมสาธารณะในพื้นที่เห็นของเอเธนส์ กรีซผลลัพธ์:นักเรียนที่รายงานใช้หมวกกันน็อคบ่อยมีลักษณะขู่รับรู้สูงที่เกี่ยวข้อง TWMV บาดเจ็บ ซึ่งดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับประสบการณ์ทั้งก่อนการบาดเจ็บและรับข้อมูลบนหมวกกันน็อคสวมใส่จาก "สำคัญอื่น ๆ " นักเรียนที่รายงานไม่ใช่หมวกใช้ได้ลักษณะ โดยที่ความเสี่ยงต่ำรับรู้ อาจรวม adolescent egocentrism และมาพร้อมกับความรู้สึก ของ invulnerability หรือการขาดความรู้และประสบการณ์ในการระบุความเสี่ยง ความคมชัดคมชัดถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการรับรู้ประโยชน์สำคัญที่สุดของใช้หมวกกันน็อค แสดงผู้ใช้เป็น "ป้องกันในกรณีที่ชนบนถนน" และ ผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้เป็น "หลีกเลี่ยงตั๋วจากตำรวจจราจร" อุปสรรคหลักกับหมวกใช้ ระบุว่าผู้ใช้ไม่ใช่- รวม: ประสิทธิภาพการรับรู้ต่ำของ helmets เพื่อนดัน ขาดข้อมูลที่เหมาะสมบนหมวกใช้ หมวกสูงต้นทุน ขาดความสะดวกสบาย วิสัยทัศน์และรบกวนการได้ยิน และเหตุผลลักษณะบทสรุป:เมื่อบรรทัดฐานทางสังคมของต่ำสอดคล้องกับกฎหมายความปลอดภัยเหนือกว่า การวิจัยเชิงคุณภาพสามารถช่วยในการพัฒนาและปรับการศึกษามาตรการกำหนดเป้าหมายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในหมู่วัยรุ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์:
เพื่อสำรวจทัศนคติต่อสองล้อรถมอเตอร์ (TWMV) การใช้หมวกกันน็อกของเด็กวัยรุ่นในประเทศที่มีการปฏิบัติตามกฎหมายที่ไม่ดี.
DESIGN:
แบบสอบถามด้วยตนเองเสร็จสมบูรณ์โดย 523 นักเรียนมัธยมในการกำหนดกลุ่มตัวอย่างของการศึกษาเชิงคุณภาพ; หลังจากนั้นความเชื่อด้านสุขภาพรุ่น (HBM) ถูกนำมาใช้ใน 12 กลุ่มประกอบด้วยนักเรียน 70 คน.
การตั้งค่า:
สามสุ่มเลือกโรงเรียนมัธยมของประชาชนในพื้นที่มีรายได้ปานกลางเอเธนส์, กรีซ. ผลนักเรียนที่รายงานการใช้หมวกกันน็อกบ่อยโดดเด่นด้วยการรับรู้สูงการคุกคามของการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับ TWMV ซึ่งดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับทั้งประสบการณ์ในอดีตของการบาดเจ็บและได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการสวมใส่หมวกกันน็อกจาก "คนอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ." หมวกกันน็อครายงานนักเรียนที่ไม่ได้ใช้งานโดดเด่นด้วยการรับรู้ภัยคุกคามที่ต่ำอาจจะเป็นส่วนที่เป็นวัยรุ่นหลงตัวเองและความรู้สึกที่มาพร้อมกับของคงกระพันหรือการขาดความรู้และประสบการณ์ในการระบุความเสี่ยง ความคมชัดที่คมชัดเป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับการรับรู้ผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการใช้หมวกกันน็อกในหมู่ผู้ใช้แสดงความเป็น "การป้องกันในกรณีของความผิดพลาดที่ถนน" และในหมู่ผู้ใช้ที่ไม่ใช่เป็น "ตั๋วหลีกเลี่ยงจากตำรวจจราจร" อุปสรรคหลักในการใช้หมวกกันน็อคที่ระบุไว้โดยผู้ใช้ที่ไม่ใช่รวม: ประสิทธิภาพการรับรู้ต่ำของหมวกกันน็อก; แรงกดดัน; การขาดข้อมูลที่เหมาะสมกับการใช้หมวกกันน็อก; หมวกกันน็อคค่าใช้จ่ายสูง การขาดของความสะดวกสบาย; วิสัยทัศน์และรบกวนการได้ยิน; และเหตุผลสไตล์. สรุปเมื่อบรรทัดฐานทางสังคมของการปฏิบัติตามกฎหมายต่ำเพื่อความปลอดภัยเหนือกว่าการวิจัยเชิงคุณภาพสามารถช่วยในการพัฒนาปรับแต่งการแทรกแซงการศึกษากำหนดเป้าหมายการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์ : เพื่อสำรวจทัศนคติ
สองล้อติดเครื่องรถ ( twmv ) ใช้หมวกนิรภัยของวัยรุ่นในประเทศที่มีการปฏิบัติตามกฎหมาย จนตนเอง :

ออกแบบแบบสอบถามเสร็จแต่นักเรียนมัธยมที่จะกำหนดกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเชิงคุณภาพ และแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ( ห์ ) ถูกใช้ใน 12 กลุ่มโฟกัสประกอบด้วยการตั้งค่า :

70 คน3 สุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา ในพื้นที่ที่มีรายได้ระดับกลางของเอเธนส์ , กรีซ :

ผลนักเรียนรายงานหมวกบ่อยใช้เป็นลักษณะสูงเป็นภัยคุกคามการรับรู้ของ twmv เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บ ซึ่งดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับทั้งประสบการณ์ก่อนของการบาดเจ็บและการรับข้อมูลจาก " สวมหมวกนิรภัยอย่างคนอื่น" นักเรียนรายงานหมวกไม่ใช้มีลักษณะเป็นภัยคุกคามการรับรู้ต่ำ อาจจะเนื่องมาจาก egocentrism วัยรุ่นและมาพร้อมกับความรู้สึกของพันหรือขาดความรู้และประสบการณ์ในการระบุความเสี่ยง ความคมชัดคมเป็นข้อสังเกต เรื่องที่สำคัญที่สุด การรับรู้ประโยชน์ของการใช้หมวกนิรภัยแสดงของผู้ใช้เป็น " การป้องกันในกรณีของความผิดพลาดของผู้ใช้บนถนน " และเป็น " หลีกเลี่ยงตั๋วจากตำรวจจราจร อุปสรรคหลักในการใช้หมวกนิรภัย , ตามที่ระบุโดยผู้ใช้ ไม่รวม : ต่ำความดันโลหิตของหมวกกันน็อก ; การกดดัน ขาดข้อมูลที่เหมาะสมในการใช้หมวกกันน็อก หมวกกันน็อก ค่าใช้จ่ายสูง ขาดวิสัยทัศน์ และความสะดวกสบาย เสียงรบกวน และเหตุผลสไตล์

สรุปเมื่อสังคม บรรทัดฐานของการปฏิบัติต่ำเพื่อความปลอดภัยกฎหมายเหนือกว่าการวิจัยเชิงคุณภาพสามารถช่วยในการพัฒนาการศึกษา โดยปรับเป้าหมายการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของวัยรุ่น .