The main rationale for childhood va

The main rationale for childhood vaccination is that it reduces child mortality significantly and is a cost effective way to improve child health, particularly for poor households located in high-disease environments (e.g. Koenig, Bishai and Khan 2001, Breiman et al 2004, Brenzel et al 2006). Indeed, there is evidence that vaccination guards not only against a particular disease but also can provide a wide range of health benefits (Contreras 1989, Fonseca et al. 1996) making it a particularly valuable public health measure.
A secondary argument for the vaccination of children is that it can be thought of as an investment in human capital, with children’s health improvements resulting in their higher worker productivity and earnings as adults. The argument for viewing health interventions as techniques for promoting economic success and poverty reduction was set out in the report of the Commission on Macroeconomics and Health (World Health Organization 2001). Bloom, Canning, and Weston (2005) use estimates of the effect of vaccination on mortality rates, combined with estimates of the effect of life expectancy on productivity, to estimate that full immunization with six standard vaccines has a rate of return around 18% (about the same rate as primary education) as an investment in human capital, despite the long delay between childhood vaccination and entering work.
A weakness of the Bloom, Canning, and Weston approach is that it assumes that the productivity effect

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เหตุผลหลักสำหรับเด็กฉีดวัคซีนคือ มันลดการตายของเด็กอย่างมาก และเป็นวิธีมีประสิทธิภาพต้นทุนการปรับปรุงสุขภาพเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครัวเรือนยากจนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมโรคสูง (เช่นรักษา Bishai และขัน 2001, Breiman et al 2004, Brenzel et al 2006) แน่นอน มีหลักฐานว่า วัคซีนเฝ้ากับโรคบางชนิดไม่เพียง แต่ยัง สามารถให้ความหลากหลายของประโยชน์ต่อสุขภาพ (Contreras 1989, Fonseca et al. 1996) ทำให้วัดมีคุณค่าโดยเฉพาะสาธารณสุขอาร์กิวเมนต์สองสำหรับการฉีดวัคซีนของเด็กได้ว่า มันสามารถคิดเป็นการลงทุนในทุนมนุษย์ กับการปรับปรุงสุขภาพเด็กเป็นผลในประสิทธิภาพของผู้ปฏิบัติงานสูงขึ้นและกำไรเป็นผู้ใหญ่ อาร์กิวเมนต์สำหรับการดูรักษาสุขภาพเป็นเทคนิคในการส่งเสริมการลดความยากจนและความสำเร็จทางเศรษฐกิจถูกตั้งค่าออกในรายงานคณะกรรมการเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มหภาคและสุขภาพ (โลกสุขภาพองค์กร 2001) บลูม แคนนิ่ง และ Weston (2005) ใช้ประเมินผลของวัคซีนอัตราการตาย รวมกับการประเมินผลของอายุขัยผลผลิต การประเมินให้รับวัคซีนทั้งหมดกับค่าวัคซีนมาตรฐานที่ 6 มีอัตราของกลับประมาณ 18% (เกี่ยวกับอัตราเดียวเป็นประถมศึกษา) เป็นการลงทุนในทุนมนุษย์ แม้มีการหน่วงเวลานานระหว่างฉีดวัคซีนเด็กและป้อนงานจุดอ่อนของวิธีบลูม แคนนิ่ง และ Weston คือ ว่า จะเปลี่ยนที่ผลผลิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เหตุผลหลักสำหรับการฉีดวัคซีนในวัยเด็กก็คือว่ามันช่วยลดการตายของเด็กอย่างมีนัยสำคัญและเป็นค่าใช้จ่ายวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงสุขภาพของเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครัวเรือนที่ยากจนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นโรคสูง (เช่นนิ Bishai และข่าน 2001 Breiman et al, 2004, Brenzel และ อัล 2006) อันที่จริงมีหลักฐานว่ายามฉีดวัคซีนไม่เพียง แต่กับโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แต่ยังสามารถให้บริการที่หลากหลายของประโยชน์ต่อสุขภาพ (คอนทราราซ 1989 Fonseca et al. 1996) ทำให้มันเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของประชาชนที่มีคุณค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง.
อาร์กิวเมนต์รองสำหรับการฉีดวัคซีน เด็กก็คือว่ามันอาจจะคิดว่าเป็นเงินลงทุนในทุนมนุษย์มีการปรับปรุงสุขภาพของเด็กที่เกิดขึ้นในการผลิตของผู้ปฏิบัติงานที่สูงขึ้นของพวกเขาและผลประกอบการเป็นผู้ใหญ่ อาร์กิวเมนต์สำหรับการดูการแทรกแซงสุขภาพเป็นเทคนิคในการส่งเสริมความสำเร็จทางเศรษฐกิจและลดปัญหาความยากจนได้รับการกำหนดไว้ในรายงานของคณะกรรมการเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มหภาคและสุขภาพ (องค์การอนามัยโลก 2001) บลูแคนนิงส์และเวสตัน (2005) ใช้การประเมินผลกระทบของการฉีดวัคซีนในอัตราการตายรวมกับประมาณการของผลกระทบของอายุขัยในการผลิตเพื่อประเมินว่าการสร้างภูมิคุ้มกันที่เต็มไปด้วยหกวัคซีนมาตรฐานมีอัตราผลตอบแทนประมาณ 18% ( เกี่ยวกับอัตราเดียวกับการศึกษาประถมศึกษา) เป็นเงินลงทุนในทุนมนุษย์แม้จะมีความล่าช้าระหว่างการฉีดวัคซีนในวัยเด็กและการทำงานเข้ามา.
ความอ่อนแอของบลูมกระป๋องและวิธีการที่เวสตันก็คือว่ามันอยู่บนสมมติฐานที่มีผลการผลิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เหตุผลหลักสำหรับการฉีดวัคซีนในวัยเด็กคือ ว่า มันช่วยลดอัตราการตายของเด็กอย่างมาก และเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพต้นทุนในการปรับปรุงสุขภาพของเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่ยากจนอยู่ในสภาพแวดล้อมของโรคสูง ( เช่น Koenig bishai และ Khan , 2001 , breiman et al 2004 brenzel et al , 2006 ) แน่นอนมีหลักฐานว่าทหารไม่เพียง แต่กับวัคซีนป้องกันโรคใดโรคหนึ่ง แต่ยังสามารถให้บริการที่หลากหลายของประโยชน์ต่อสุขภาพ ( Contreras 1989 , ฟอนเซก้า et al . 1996 ) ทำให้วัดสุขภาพของประชาชนที่มีคุณค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
อาร์กิวเมนต์มัธยมฉีดวัคซีนของเด็กที่สามารถคิดเป็น การลงทุนในทุนมนุษย์ ,กับเด็กของการปรับปรุงสุขภาพส่งผลให้ผลิตภาพแรงงานที่สูงขึ้น และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ อาร์กิวเมนต์สำหรับการดูด้านสุขภาพเป็นเทคนิคเพื่อส่งเสริมความสำเร็จทางเศรษฐกิจและการลดความยากจนได้ตั้งค่าออกในรายงานของคณะกรรมการเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มหัพภาคและสุขภาพ ( องค์การอนามัยโลก 2001 ) บาน , กระป๋องเวสตัน ( 2005 ) และใช้ประมาณการผลของวัคซีนในอัตราการตายรวมกับประมาณการผลกระทบของอายุขัยในผลผลิต เพื่อประเมินว่า ภูมิคุ้มกันเต็มกับหกวัคซีนมาตรฐาน มีอัตราผลตอบแทนประมาณ 18 % ( เกี่ยวกับอัตราเดียวกับการประถมศึกษา ) เป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ แม้จะมีความล่าช้า ยาวระหว่างวัคซีนในวัยเด็ก และป้อนงาน
จุดอ่อนของบลูม กระป๋อง และ เวสตัน วิธีการคือมันถือว่าผลผลิตผล