ก้าวสู่ศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยศักยภาพของสนามบินระดับแนวหน้าของโลก สนามบินสุวรรณภูมิจึงถูกจับตามองว่า จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเรื่องนี้ ดร.สุวัฒน์ฯ ได้ให้ความเห็นว่า การเป็นศูนย์กลางจะต้องเกิดขึ้นจากการยอมรับของบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น หากสนามบินมีบริการที่ดี ราคาไม่แพง ทำให้สายการบินผู้ใช้บริการต้องการมาใช้บริการ และหากสามารถขยายการให้บริการโดยมีคุณภาพที่เป็นหนึ่ง สนามบินก็จะเป็นศูนย์กลางการบินไปได้เองโดยปริยาย
“สำหรับการเป็นศูนย์กลางการบินโดยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยนั้น ในอดีตเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว เครื่องบินจะสามารถบินได้ในระยะทางไม่เกิน 2-3 พันกิโลเมตร แล้วจะต้องหยุดพักเครื่องและเติมน้ำมัน เนื่องจากเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้านัก เครื่องบินยังบินได้ช้า สิ้นเปลืองน้ำมันมาก และเครื่องบินมีขนาดเล็ก ดังนั้น ประเทศไทยจึงอยู่ในทำเลที่สามารถเป็นศูนย์กลางการบินของโลกได้โดยเราไม่ต้องทำอะไรมากนัก แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้เครื่องบินสมัยใหม่สามารถบินได้ติดต่อกันเป็นเวลาถึง 12 ชั่วโมง เป็นระยะทางราว 12,000 กิโลเมตร หรือเกือบครึ่งโลกโดยไม่ต้องหยุดพัก ความได้เปรียบด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทยจึงลดความสำคัญลงไปบ้าง ทั้งนี้ การบินต่างกับการเดินเรือทางทะเลมาก โดยเส้นทางการเดินเรือจะต้องเดินเรือไปตามทะเลซึ่งมีพื้นที่บริเวณผิวโลกที่ตายตัว แต่การเดินทางทางอากาศ สามารถเลือกใช้เส้นทางการบินที่เป็นทางตรงไปที่ใดๆ ก็ได้ตลอดเวลา”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้พยายามส่งเสริมให้ไทยก้าวขึ้นสู่ความเป็นเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการวางแนวทางสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ ได้แก่
ด้านการกำหนดนโยบายการบิน โดยการกำหนดบทบาทท่าอากาศยานภายในประเทศไทยให้เป็นลักษณะโครงข่าย (Network) ที่มีการเชื่อมโยงสนับสนุนกัน โดยมีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลัก มีการปรับองค์กรกำกับดูแลการบินด้วยการแยกบทบาทของกรมการขนส่งทางอากาศในการกำหนดนโยบาย การกำกับดูแล และการให้บริการออกจากกัน พร้อมทั้งแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การเปิดเสรีการบินอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ซึ่งเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2547 ไทยได้เจรจาสิทธิการบินกับจีนเพื่อเปิดเสรีทางการบินระหว่างกันเป็นผลสำเร็จ ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ที่สามารถบินไปยังประเทศจีน และจีนก็สามารถบินมาไทยโดยไม่จำกัดจำนวน ทั้งเที่ยวบิน ผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้า ซึ่งต่อไปไทยกำลังเร่งเจรจาสิทธิทางการบินกับประเทศอินเดียเพิ่มอีกหลายเมือง จากปัจจุบันที่ได้มีการตกลงสิทธิทางการบินแล้ว 4 เมือง รวมทั้งจะเร่งเจรจาเพื่อเปิดเสรีทางการบินกับ 10 ประเทศในอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะสำเร็จภายในปี 2547 และหลังจากนั้นจะดำเนินการเจรจากับประเทศนอกอาเซียนต่อไป
ด้านกายภาพ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ และระบบการให้บริการพื้นฐาน รวมทั้งพัฒนากิจกรรมสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสนามบินสุวรรณภูมิและการให้บริการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการจัดระบบโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงท่าอากาศยานกับชุมชนและแหล่งผลิต ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพสายการบินของไทย และส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น