The evidence is overwhelming. Consi

The evidence is overwhelming. Consider the following:

More than 80 percent of all motorcycle crashes result in injury or death to the motorcyclist.
Per mile driven, a motorcyclist is 16 times more likely to die in a crash than an automobile driver. Wearing a motorcycle helmet reduces that risk by almost one-third (29 percent).
Head injury is a leading cause of death in motor cycle crashes. Riders who don�t wear helmets and who experience a crash are 40 percent more likely to sustain a fatal head injury.
A study of 900 motorcycle crashes (conducted by the University of Southern California) showed that wearing a helmet was the single most critical factor in preventing or reducing head and neck injuries among motorcycle drivers and passengers.
From 1984 through 1995, helmets saved the lives of more than 7,400 motorcyclists. But more than 6,300 additional deaths could have been prevented if all riders had been wearing helmets.
Studies show that laws requiring helmet use are very effective in reducing motorcycle fatalities because such laws influence more people to wear helmets. In Louisiana, the first state to repeal and then re-adopt a helmet law for all riders, there were 30 percent fewer motorcycle deaths during 1982, the first year that the helmet law was reinstated.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลักฐานมีมากมาย พิจารณาต่อไปนี้:มากกว่าร้อยละ 80 ของการเกิดปัญหารถจักรยานยนต์ทั้งหมดเกิดบาดเจ็บหรือตายเพื่อ motorcyclist ที่ต่อไมล์ขับเคลื่อน motorcyclist ที่เป็น 16 ครั้งมีแนวโน้มที่จะตายในความผิดพลาดมากกว่าพนักงานขับรถยนต์ ใส่รถจักรยานยนต์หมวกนิรภัยลดความเสี่ยงที่เกือบหนึ่งในสาม (ร้อยละ 29)บาดเจ็บศีรษะเป็นสาเหตุการตายในวงจรมอเตอร์ล้มเหลว ผู้ขับขี่ที่ไม่สวม helmets และที่ประสบความล้มเหลวจะยิ่งหนุนการบาดเจ็บใหญ่ร้ายแรงร้อยละ 40การศึกษาการเกิดปัญหารถจักรยานยนต์ 900 (ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย) แสดงให้เห็นว่า ใส่หมวกนิรภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดหนึ่งในการป้องกัน หรือลดการบาดเจ็บที่ศีรษะและลำคอระหว่างโปรแกรมควบคุมรถจักรยานยนต์และผู้โดยสารจาก 1984 ถึง 1995, helmets บันทึกชีวิตของระบบมากกว่า 7,400 แต่ตายมากกว่า 6,300 เพิ่มเติมไม่ได้ถูกป้องกันไม่ให้ถ้าผู้เล่นมีการสวมใส่ helmetsการศึกษาแสดงว่า กฎหมายต้องใช้หมวกกันน็อคมีประสิทธิภาพมากในการลดเนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีอิทธิพลต่อคนสวม helmets รถจักรยานยนต์ผู้ ในรัฐลุยเซียนา รัฐแรก repeal แล้ว การนำกฎหมายหมวกนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่ทั้งหมด มี 30 เปอร์เซ็นต์น้อยกว่ารถจักรยานยนต์เสียชีวิตในระหว่างปี 1982 ปีแรกที่กฎหมายหมวกนิรภัยได้กลับสู่สภาพเดิม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลักฐานเป็นอย่างดี พิจารณาต่อไปนี้มากกว่าร้อยละ 80 ของการเกิดปัญหารถจักรยานยนต์ทั้งหมดทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในการขับขี่รถจักรยานยนต์. ต่อไมล์ขับเคลื่อนไซเป็น 16 ครั้งมีแนวโน้มที่จะตายในการแข่งขันกว่าคนขับรถยนต์ สวมหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์ลดความเสี่ยงโดยการว่าเกือบหนึ่งในสาม (ร้อยละ 29). บาดเจ็บที่ศีรษะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในที่เกิดปัญหารอบเครื่อง ผู้ขับขี่ที่ไม่สวมใส่หมวกกันน็อกและผู้ที่พบความผิดพลาดเป็นร้อยละ 40 มีแนวโน้มที่จะรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวร้ายแรง. การศึกษา 900 เกิดปัญหารถจักรยานยนต์ (ดำเนินการโดย University of Southern California) พบว่าการสวมใส่หมวกกันน็อกเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียว ในการป้องกันหรือลดการบาดเจ็บที่ศีรษะและลำคอของพนักงานขับรถจักรยานยนต์และผู้โดยสาร. จาก 1984 ผ่าน 1995, หมวกกันน็อกช่วยชีวิตมากกว่า 7,400 การขับขี่รถจักรยานยนต์ แต่กว่า 6,300 เสียชีวิตเพิ่มเติมจะได้รับการป้องกันได้ถ้าผู้ขับขี่ทุกคนจะได้รับการสวมใส่หมวกกันน็อก. การศึกษาแสดงให้เห็นว่ากฎหมายที่ต้องใช้หมวกกันน็อกที่มีประสิทธิภาพมากในการลดการเสียชีวิตรถจักรยานยนต์เพราะกฎหมายดังกล่าวมีอิทธิพลต่อผู้คนมากขึ้นที่จะสวมใส่หมวกกันน็อก ในรัฐหลุยเซียนาเป็นรัฐแรกที่ยกเลิกแล้วกลับนำกฎหมายหมวกกันน็อกสำหรับผู้ขับขี่ทุกคนมีน้อยกว่าร้อยละ 30 เสียชีวิตรถจักรยานยนต์ในช่วงปี 1982 ปีแรกที่ว่ากฎหมายหมวกกันน็อคที่ถูกเรียกตัวกลับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักฐานเป็นอย่างดี พิจารณาต่อไปนี้ :

กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดเกิดปัญหารถจักรยานยนต์ผลในการบาดเจ็บหรือตายเพื่อการขับขี่ .
ต่อไมล์ขับเคลื่อน motorcyclist มีแนวโน้มที่จะตายในอุบัติเหตุ 16 ครั้งมากกว่ารถยนต์ขับ สวมหมวกนิรภัย ลดความเสี่ยง โดยเกือบ 1 ใน 3 ( ร้อยละ 29 ) .
ศีรษะได้รับบาดเจ็บเป็นเหตุนำการตายในจยย. พุ่งชนผู้ขับขี่ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย และ� t ที่พบความผิดพลาดมีร้อยละ 40 มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง .
การศึกษา 900 มอเตอร์ไซค์ล่ม ( ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียภาคใต้ ) พบว่าสวมหมวกกันน็อค เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการป้องกัน หรือลดศีรษะและคอบาดเจ็บของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และผู้โดยสาร .
จาก 2527 ถึงปี 1995หมวกกันน็อคช่วยชีวิตมากกว่า 7 , 400 หลัง . แต่มากกว่า 6 , 300 เพิ่มเติมผู้เสียชีวิตอาจมีการป้องกัน หากผู้ขับขี่ได้รับการสวมใส่หมวกกันน็อก .
การศึกษาแสดงให้เห็นว่ากฎหมายต้องใช้หมวกกันน็อคที่มีประสิทธิภาพมากในการลดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ เพราะกฎหมายดังกล่าวมีอิทธิพลมากกว่าคนใส่หมวก ในหลุยเซียน่ารัฐแรกที่จะยกเลิกแล้วจะใช้หมวกกันน็อกกฎหมายสำหรับไรเดอร์ทั้งหมดมี 30 เปอร์เซ็นต์น้อยกว่ารถจักรยานยนต์เสียชีวิตในช่วงปี 1982 ปีแรกที่กฎหมายหมวกกันน็อค
กลับมามีอำนาจ